ตอบ : พระธรรมวินัยมีอันเดียว ออกจากพระศาสดาองค์เดียว ที่เห็นต่างกัน มันเป็นเรื่องความเห็นของปัจเจกบุคคลต่างหาก พระทั่วโลกมีจำนวนมากมายเท่าไร ย่อมเห็นผิดบ้าง เห็นถูกบ้าง แตกต่างกันไปตามภูมิจิตภูมิธรรมของแต่ละท่าน ใครเล่าจะไปทำให้พระทั้งหมดเห็นตรงกันได้ แม้พระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ ก็แสดงธรรมโปรดสัตวโลกได้เพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น ที่ปฏิเสธไม่ยอมรับคำสอนของพระองค์ก็มีเป็นจำนวนมากมาย

พระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า เป็นสัจธรรมของจริง ที่ยังผู้ปฏิบัติให้รู้จริงเห็นจริงตามธรรมได้ ที่ท่านเรืยกว่า สันทิฏฐิโก คือ ผู้ปฏิบัติจะพึงรู้เองเห็นเอง เป็นสักขีพยานอยู่ภายในใจ ไม่จำเป็นต้องไปดูตำราก็รู้ได้ เพราะพระธรรมวินัย ย่อมปรากฏขึ้นที่ใจของผู้ปฏิบัติ ถ้าหากปฏิบัติถูกต้องตรงตามหลักธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ แต่ถ้าปฏิบัติผิด ผลก็จะไม่มีทางปรากฏ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเห็นของใคร

พระคึกฤทธิ์ จะเห็นผิด หรือ จะเห็นถูกอย่างไร เป็นเรื่องของพระคึกฤทธิ์ ใครๆไม่มีหน้าที่ไปแก้ไขความเห็นผิดของพระคึกฤทธิ์ได้ พระคึกฤทธิ์มีหน้าที่ต้องทำลายความเห็นผิดของตัวเอง ด้วยตัวเองเท่านั้น ในโลกนี้ผู้ที่จะมีใจเป็นสัมมาทิฎฐิสมบูรณ์ มีเพียงพระอรหันต์เท่านั้น ตราบใดที่ยังไม่บรรลุพระอรหันต์ ก็ต้องถือว่า ใจยังเป็นมิจฉาทิฎฐิอยู่ จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่ผลของการปฏิบัติที่เกิดขึ้นจริงในใจ ไม่ได้อยู่ที่การจดจำจากตำราได้มากหรือน้อย หรือจะคิดเอาเองว่า ใครจำมาผิดหรือถูกก็ตาม ถ้าปฏิบัติแล้วยังไม่สามารถบรรลุผล มันก็คือยังมีความเห็นผิดอยู่นั่นเอง จะมาอวดภูมิพ่นน้ำลายใส่กัน ส่งเสียงดังให้หนวกหูชาวพาราอยู่ทำไม มันจะไม่ต่างอะไรกับสุนัขเดือนเก้า 

แต่มันมีความจริงอยู่อย่างหนึ่งที่ทุกคนควรทราบก็คือ ในเรื่องของการปฏิบัติ ถ้าคุณปฏิบัติผิดแล้ว คุณไม่มีวันจะได้บรรลุ มรรค ผล นิพพาน นี่คือความจริง ไม่ขึ้นอยู่กับว่า คุณจะเชี่ยวชาญชำนาญในพระไตรปิฎก จดจำพระไตรปิฎกได้กี่มากน้อย เครื่องมือตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำของการปฏิบัติ ทั้งฝ่ายเหตุ และฝ่ายผล คือ สันทิฎฐิโก ที่พระบรมศาสดาได้ทรงประทานไว้แล้วแก่ผู้ปฏิบัติแต่ละราย

คุณจงเลือกหนทางปฏิบัติด้วยตัวเองคุณเองเถิด อย่าได้เอามรรคผลนิพพานที่คุณควรจะได้จากการปฏิบัติ ไปฝากไว้กับคำสอนของพระปุถุชนที่ยังหนาแน่นด้วยกิเลส ถ้าเขาสอนผิด ด้วยเพราะความเห็นผิดของเขา คุณไปรับเอามาปฏิบัติ มันก็จะพลอยทำให้คุณกลายเป็นมิจฉาทิฎฐิ ฉิบหายล่มจมไปด้วยกันกับเขา แล้วคุณจะไปโทษใคร

ผู้รู้จริงเห็นจริงตามรอยเสด็จของพระบรมศาสดาได้ ยังมีอยู่ในโลก จงใช้สติปัญญาสอดส่องตรวจตรองดู ถ้ามีบุญวาสนาคงหาเจอได้เอง อย่ามัวไปหลงลมปากของโมฆะภิกษุ ผู้แอบอ้างแต่ตำราอยู่เลย

เราไม่ได้สนใจที่จะไปคุยกับพระองค์ไหน ให้เสียเวลาเปล่าๆ เขาจะเห็นผิด หรือเห็นถูกอย่างไร มันก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเรา และเราก็ไม่มีหน้าที่ที่จะไปอธิบายอะไรให้ใครฟัง แค่ทำตัวเองให้รอดพ้นจากการกดขี่บังคับของกิเลสภายในใจของตัวเอง ก็ยากลำบากมากแล้ว จะไปสนใจอะไรกับกิเลสของคนอื่น  เป็นแต่อย่ามาทำให้ศาสนาโดยรวมต้องมัวหมองก็แล้วกัน ส่วนตัวพระองค์ไหน จะมัวหมอง ก็เป็นเรื่องของพระองค์นั้น