ReadyPlanet.com


รบกวนตอบด้วยครับ เดือนร้อนใจมาก


ตอนนี้สึกออกมาได้สองปีแต่มีเรื่องค้างคาในใจตอนนั้นเราได้ดื่มแล้วขับรถชนหน้าวอมอัพที่เชียงใหม่ซึ่งไปชนกับถังขยะหลวงและเสาไฟรถที่ใช้คือรุ่นhonda แต่โกหกประกันว่าไม่เมาเพื่อต้องการให้ประกันจ่ายเงินมา(ในขณะที่เป็นฆาราวาส

จากนั้นบวชเป็นพระในช่วงแรกคุณตาโทรมาถามไถ่ถึงเรื่องประกันในส่วนตัวตอนนั้นเป็นพระก็มีการวางแผนที่จะเอาเงินจากประกันมาซ่อมรถหรือแปรเป็นทรัพย์เพื่อชดเชยซึ่งตามกฎของประกันประกันจะไม่จ่ายเงินถ้าเมาแต่ในขณะนั้นเรา(ที่เป็นพระ)ไม่ได้คิดว่าเป็นการฉ้อโกงแค่คิดว่าเป็นกลยุทธ์ในการหนีความผิดโดยขาดการนึกคิดใตร่ตรองคิดแค่ว่าแค่ไปชนกับสิ่งที่ไม่มีคู่กรณีรวมถึงไม่ได้มีใครเดือดร้อนซึ่งพอเรา(ที่เป็นพระบวชได้สองเดือนคุณตาก็โทรมาถามไถ่เรื่องประกันพร้อมกับช่วยเรา(ที่เป็นพระ)ดำเนินการที่จะเอาทรัพย์จากประกันในขณะนั้นเองเรา(ที่เป็นพระได้เกิดมีความคิดว่าเรา(ที่เป็นพระนั้นฉ้อโกงนี่หว่าหรือเป็นการขโมยทางอ้อมเนื่องจากทรัพย์ที่ได้มามาจากการโกหกโผล่ขึ้นมาในใจจึงปรึกษาพระอาจารย์และพระหลายรูปสรุปแล้วเข้าค่ายปราชิกแต่การกระทำยังไม่สมบูรณ์เพราะพระยังไม่ได้ไปเซ็นเอกสารรับเรื่องเพื่อรับเงิน(ทรัพย์ยังไม่เคลื่อนในวันนั้นเองเรา(เป็นพระตระหนักถึงโทษของการฉ้อโกงซึ่งอาจจะมีมูลเหตุโยงไปถึงการปาราชิกเรา(เป็นพระ)จึงสั่งคุณตาว่าอย่าเพิ่งทำอะไรให้นิ่งไว้ก่อนเพราะถ้าเซ็นเอกสารอะไรพระอาจจะต้องปาราชิกรวมถึงบอกคุณตาว่าอย่าเพิ่งรับค่าสินไหมทดแทนใดๆ

แต่ในใจตอนเป็นพระคิดว่า  ถ้ารอพระเป็นฆราวาสค่อยไปเซ็นเอกสารเพื่อรับสินไหม(เจตนา)

คำถาม1คือพระต้องอาบัติปาราชิกแล้วหรือยังในขณะที่เป็นพระคำถามที่คือหากย้อนกลับไปช่วงแรกที่เป็นพระแล้วรู้ว่าเป็นการฉ้อโกงตั้งแต่แรกแต่ยังคงวางแผนต่อไปยังคงเจตนาต่อไปแต่สรุปก็ยังไม่ได้เงินจากประกันอยู่ดี จะต้องอาบัติปาราชิกหรือไม่คำถามที่หากตอนนั้นที่เป็นพระแล้ววางแผนฉ้อโกงแต่ประกันยังไม่ได้โอนเงินมาแต่พอสึกออกมาแล้วประกันโอนเงินมาจะปาราชิกหรือไม่

*ตอนนั้นที่บวชประกันยังไม่ได้ชดเชยทรัพย์ใดๆเพียงแต่อยู่ในขั้นตอนการไต่สวน

*ตอนนี้ไม่ได้มีการชดเชยเพราะเขารู้ความจริง



ผู้ตั้งกระทู้ ดนัย :: วันที่ลงประกาศ 2020-02-12 21:48:23


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (4191805)

 จะเป็นปาราชิกก็ต่อเมื่อ มีเจตนาจะฉ้อโกงเขา ทรัพย์มีมูลค่าเกิน ๕ มาสก เทียบเท่ามูลค่าทองคำหนัก ๒๐ เมล็กข้าวเปลือก เทียบราคาทองในปัจจุบัน ประมาณ ๖๐๐ บาท และได้กระทำการสำเร็จ คือทรัพย์ตกเป็นของคุณ ก็เป็นปาราชิก กรณีของคุณมีไถยจิตคิดจะโกงเงินเขา แต่ยังกระทำการไม่สำเร็จ เพราะเงินยังไม่ตกมาถึงมือคุณ จึงยังไม่ถือว่า เป็นปาราชิก เมื่อลาสิกขาไปแล้ว ก็ไม่เกี่ยวกับอาบัติอีกต่อไป ก็ว่ากันไปตามกฎหมายบ้านเมือง

ผู้แสดงความคิดเห็น พระวิทยา วันที่ตอบ 2020-02-13 01:27:14



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล