ReadyPlanet.com


การทิ้งพ่อ


 กราบหลวงพ่อค่ะ

กราบเรียนปรึกษาค่ะ

คุณพ่อเป็นคนมีปัญหาทางบุคลิกภาพค่ะ ไม่ได้ป่วยโรคจิต

แต่เป็นโรคบุคลิกภาพผิดปกติ คนทั่วไปอาจมองว่านิสัยไม่ดี เห็นแก่ตัว ดื้อไม่ฟังใคร ฯลฯ สมัยก่อนก็มักบังคับบงการชีวิตคนอื่น ห้ามลูกทำทุกอย่าง แต่ตัวเองทำผิดเองเยอะมาก มีเมียน้อยลูกก็ไม่ว่าอะไรเพราะเข้าใจว่าแม่แก่และป่วย คงเอาใจเค้าไม่ได้

คุณแม่ป่วยเป็นมะเร็งต้องผ่าตัดรักษาตัว พ่อเค้าก็ยังจะบอกให้ลูกพาไปเที่ยว อยากกินหมูหัน หรืออาหารที่ชอบ พอลูกบอกว่าแม่ป่วยมากต้องดูแล พ่อก็จะโกรธและบ่นว่า หากเค้าตายไปบ้างจะเป็นยังไง อะไรแบบนี้ค่ะ

หลายปีที่ผ่านมา พ่ออยู่บ้านที่ ต่างจังหวัดค่ะ คนเดียว เมืองใหญ่ เป็นบ้านเดิมของครอบครัว แต่ลูกๆทำงานกรุงเทพฯ และเอาแม่มาอยู่ด้วยเพื่อดูแล

ลูกก็ผ่อนค่าบ้านให้ จ่ายค่าส่วนกลางหมู่บ้าน จ่ายเงินจ้างแม่บ้านดูแล พ่อจ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าอินเตอร์เนตเองค่ะ (พ่อเป็นข้าราชการบำนาญมีเงินทุกเดือนค่ะ)

มีช่วงที่เค้าป่วย ลูกก็พาไปดูบ้านพักผู้ป่วย เผื่อมีปัญหาจะมีพยาบาลดูแล แต่เค้าก็ไม่ยอมค่ะ จะอยู่บ้าน

หลายปีก่อนเคยให้พ่อมาอยู่ที่บ้านลูกกับแม่ ที่กรุงเทพค่ะ แต่ช่วงกลางวัน ลูกไปทำงาน พ่อแม่อยู่บ้าน2คน พ่อเค้าจะใช้แม่ทำทุกอย่างแทน ตักข้าว ล้างจาน หาขนมให้ทาน เช็ดอะไรที่เค้าทำเลอะเทอะ และมักว่าว่าแม่ที่มีความคิดทางการเมืองที่ต่างกันมากค่ะ 

พอแม่ทนไม่ไหว ก็ทะเลาะกัน พ่อเลยกลับบ้านที่ตจว.ค่ะ

ลูกๆ จะไม่ให้เค้ามา กรุงเทพเลยค่ะ ลูกไม่ค่อยคุยด้วย เพราะคุยทีไร พ่อมักจะด่าว่าให้เสียใจ และพอไม่ใครสนใจไม่มีคนโทรหา เค้าก็ด่าว่าว่าไม่มีใครสนใจ 

คำถามคือ

ลูกขอตัดพ่อได้ไม๊คะ คือส่งเงินค่าบ้านค่าแม่บ้านให้ก็พอแล้ว ขอไม่ยุ่งกันอีก เคยพยายามอธิบายให้พ่อเข้าใจ เห็นใจหัวอกคนอื่นบ้าง แต่ก็ไม่ได้ค่ะ เคยให้รุ่นพี่ที่เป็นนักจิตวิทยาคุยให้ พ่อก็มองว่าตัวเค้าเองไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ลูกเลวที่ไม่ดูแลพ่อค่ะ



ผู้ตั้งกระทู้ โสมภัสสร์ :: วันที่ลงประกาศ 2020-06-03 16:55:01


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (4198758)

พ่อกับแม่ถือว่าเป็นผู้ให้กำเนิดลูกร่วมกัน และเลี้ยงดูลูกมาตั้งแต่เล็กเติบใหญ่ พระคุณของพ่อและแม่ที่มีต่อลูกนั้น ย่อมไม่สามารถที่ลูก ๆ คนใดจะทดแทนได้ทั้งหมด โดยที่จะบอกว่า เมื่อได้กระทำสิ่งนี้ให้พ่อและแม่แล้ว เป็นอันว่า พระคุณของพ่อและแม่ที่มีต่อลูกนั้น เป็นอันลบล้างหายกันไป ย่อมไม่มีเลย

ตราบใดที่ลูก ๆ ยังมีชีวิตอยู่ ย่อมถือว่า เลือดเนื้อของลูกทุกหยดทุกก้อนได้มาจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ลูก ๆ ย่อมอาศัยเลือดเนื้อที่ได้จากพ่อแม่นั้น จึงดำรงชีวิตอยู่ได้ ดังนั้น การที่ลูกคนใดจะกระทำไม่ดีต่อพ่อแม่ จึงถือเป็นกรรมหนัก ในธรรมท่านเปรียบพ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก การทำนุบำรุงเลี้ยงดูพ่อแม่ และเอาใจใส่พ่อแม่ด้วยความกตัญญูรู้คุณ จึงเปรียบเหมือนได้ทำบุญกับพระอรหันต์ทีเดียว

ลูกที่สามารถตัดพ่อตัดแม่ได้ ย่อมหมายถึง ลูกคนนั้นมีจิตใจต่ำช้าเลวทรามเป็นลูกอกตัญญู จะหาความเจริญไม่ได้ ทั้งได้ชื่อว่า เป็นลูกทรพี หรือ ลูกเนรคุณ แม้ชีวิตของลูกก็สมควรสละเพื่อพ่อแม่ได้ เพราะพ่อแม่เป็นผู้ให้ร่างกายแก่ลูก ๆ ทุกคน ถ้าไม่มีพ่อ ไม่มีแม่เสียแล้ว จะมีลูกคนใดเกิดขึ้นมาเองได้

ดังนั้น เมื่อลูกคนใดถือกำเนิดจากพ่อแม่คนใดแล้ว แม้ลูกจะตัดพ่อตัดแม่ขาดจากใจได้ ด้วยจิตใจที่ต่ำทราม แต่ความเป็นพ่อเป็นแม่ที่เป็นอยู่โดยธรรมชาติ ไม่มีวันที่จะตัดขาดจากกันได้ เพราะพ่อแม่ลูกจะมี DNA อันเดียวกัน

เพราะฉะนั้น ตราบใดที่ลูกยังมีร่างกายที่ได้มาจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดอยู่ ลูกจึงมีหน้าที่ที่จะต้องใช้ร่างกายที่มีนั้น ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ คือ ถ้าลูกไม่ตายจากพ่อแม่ไปก่อน ก็ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ไปจนกว่าพ่อแม่จะตายจากลูก ๆ ไป นี่คือ หน้าที่ของลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด แม้พ่อแม่ล่วงลับไปแล้ว ลูกที่ดี ก็ยังต้องกราบไหว้รำลึกถึงพระคุณตามกาลอันควร และบำเพ็ญกุศลอุทิศไปให้พ่อแม่ที่ล่วงลับไปแล้วนั้น

ดังนั้น จงตั้งใจทำดีกับพ่อ แม้พ่อจะกระทำไม่ดีต่อลูก หรือต่อแม่อย่างไรก็ตาม ให้ถือว่าเป็นกรรมของลูก เป็นกรรมของแม่ ที่จะต้องถูกพ่อกระทำอย่างนั้น พ่อทำไม่ดี พ่อก็จะได้รับผลแห่งกรรมไม่ดีนั้นเองโดยหลักธรรมชาติอยู่แล้ว หากลูกทำไม่ดีกับพ่อแม่ ลูกก็จะได้รับผลแห่งกรรมที่หนักมากเช่นเดียวกัน จงอย่าได้เอาการกระทำที่ไม่ดีของพ่อ มาเป็นข้ออ้างเพื่อทำให้ตัวเองกลายเป็นลูกที่เนรคุณพ่ออย่างเด็ดขาด

จงอดทน และพูดจาบอกพ่อด้วยเหตุผล และด้วยความเคารพ แม้พ่อจะทำไม่ดีอย่างไร หนักแค่ไหน ก็อดทนไปเถิด พ่อคงอยู่กับเราไม่ได้นาน วันหนึ่งพ่อก็จะตายจากเราไป เราก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นพ่อ ได้ตอบแทนพระคุณของพ่อ กับแม่ก็เช่นเดียวกัน

การยอมอดทนให้พ่อแม่ด่า หรือทำไม่ดีกับเรา เพื่อความสบายใจของพ่อแม่ โดยไม่โต้เถียง ไม่ขัดแย้ง ก็ถือว่าเป็นการตอบแทนพระคุณพ่อแม่ได้แบบหนึ่ง เมื่อมีโอกาสจึงค่อยอธิบายเหตุผลผิดถูกดีชั่วอย่างไร แต่อย่าทำให้ตัวเองกลายเป็นลูกทรพีด้วยการกระทำไม่ดีตอบต่อพ่อแม่ มันจะเป็นตราบาปฝังใจไปตลอดกาล และถ้าเรามีลูก วันหนึ่งลูกของเราก็จะกระทำการเนรคุณเรา เหมือนเช่นที่เราทำกับพ่อแม่ของเรา

ชีวิตเราพ่อแม่เป็นผู้ให้มา ถึงพ่อจะทำไม่ดี ก็เพียงแค่ไม่ถูกใจเราเท่านั้น ถึงพ่อแม่จะทุบตีเราจนบาดเจ็บสาหัส เราก็ยังไม่ควรที่จะไปโกรธพ่อโกรธแม่เลย นี่พ่อแม่ก็ไม่ได้ทุบตีเราขนาดนั้น แค่พ่อทำอะไรไม่ถูกใจเราบ้างแค่นั้นเอง ทำไมเราจึงจะทนไม่ได้ เป็นเรื่องของกิเลสในใจเราทำร้ายเราเองต่างหาก ถ้าพ่อทำไม่ดีกับเราอีก เราเพียงระงับความอยากของใจเรา ที่อยากให้พ่อทำดีอย่างที่เราต้องการเสีย อย่าไปโกรธพ่อ จงระงับความโกรธในใจ ปล่อยให้พ่อทำไปตามที่พ่อต้องการ

เราต้องทำใจให้ปล่อยวาง ยอมรับในส่ิงที่พ่อทำ ในสิ่งที่พ่อเป็น เราเอาความอยากของใจเราไปเปลี่ยนพ่อไม่ได้ เราต้องทำความดีเข้าแลกกับความทำไม่ดีของพ่อ ให้คิดว่า กว่าพ่อจะเลี้ยงดูเรามาจนเติบใหญ่ เราทำให้พ่อลำบากมาแค่ไหน แล้วเทียบกับที่พ่อทำให้เราลำบาก อันไหนมันมากกว่ากัน ทำใจเราให้ดีต่อพ่อ เราก็จะไม่เดือดร้อนต่อการกระทำของพ่อ อย่ารังเกียจพ่อ แม้พ่อจะทำไม่ดีก็ตาม เป็นกรรมของพ่อ แต่เราต้องทำดีต่อพ่อเท่านั้น ก็เป็นกรรมดีของเรา มันคนละส่วนกัน

อะไรที่พ่อทำไม่ดี ทำแล้วเสียหาย เราก็ซ่อมแซมแก้ไขเสียได้ อย่าไปตำหนิพ่อ อย่าไปว่าพ่อ ถ้าจะพูดจะบอกพ่อ ก็บอกด้วยความเคารพอย่างมีเหตุผล บอกด้วยความรักพ่อ ด้วยความเป็นห่วงพ่อ อย่าด่าอย่าว่าพ่อเสีย ๆ หาย ๆ จะเป็นบาปเป็นกรรมติดตัวเราไป

ถ้าเราทำดีกับพ่อ แม้ในขณะที่พ่อทำไม่ดีกับเรา นั่นแหละ เป็นเครื่องแสดงว่า เราเป็นลูกกตัญญูที่รักพ่ออย่างแท้จริง วันหนึ่งพ่อก็อาจจะเห็นความตั้งใจดีของเราที่มีต่อพ่อ แล้วพ่อก็อาจเปลี่ยนพฤติกรรมได้ อย่าทำให้พ่อมองเห็นว่า ลูกเอาใจใส่แต่แม่ ไม่ดูแลพ่อเลย ก็ยิ่งทำให้พ่อโกรธ และทำไม่ดีต่อลูก ต่อแม่หนักยิ่งขึ้น ลูกที่ดีย่อมสามารถชักจูงพ่อแม่ออกจากความไม่ดีได้ ไม่ใช่เห็นพ่อแม่ทำไม่ดี แล้วก็ไปด่าพ่อแม่ ไปทำไม่ดีกับพ่อแม่ อย่างนั้นเป็นลูกที่มีจิตใจต่ำทรามมักจะทำกัน ลูกที่มีใจสูงย่อมไม่เป็นเช่นนั้น

สิ่งเดียวที่จะตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้ คือการที่ลูกชายได้บวชในพระพุทธศาสนาและปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีคุณธรรมชั้นสูง และสามารถนำธรรมมาแสดงให้พ่อแม่บรรลุธรรมพ้นทุกข์ได้ อย่างนี้จึงได้ชื่อว่า ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ได้อย่างสมบูรณ์ นอกนั้นแล้ว ไม่มีสิ่งใด ๆ พอจะกล่าวได้ว่า ได้กระทำการตอบแทนพระคุณพ่อแม่จนหมดสิ้นแล้ว ไม่มีพระคุณต่อกันหลงเหลืออยู่อีก ย่อมไม่มีเลย

เราแม้ไม่ได้บวช แต่ถ้าเราสามารถพูดจาโน้มน้าว หรือกระทำการใด ๆ ให้พ่อเปลี่ยนจากที่เคยทำไม่ดี มาเป็นทำดีได้ ก็ถือว่า เป็นการตอบแทนพระคุณพ่อแม่ได้อย่างมากมายเช่นกัน จงตั้งใจทำดีกับพ่อแม่ไปจนกว่าจะตายจากกันไป นั่นคือ สิ่งที่ลูกที่ดีจะพึงกระทำต่อพ่อแม่บังเกิดเกล้าจนกว่าชีวิตจะหาไม่

ผู้แสดงความคิดเห็น พระวิทยา วันที่ตอบ 2020-06-03 20:48:50


ความคิดเห็นที่ 2 (4198761)

 กราบขอบพระคุณหลวงพ่อค่ะ

สรุปคือ ได้ชื่อว่าเป็น พ่อ ไม่ว่าจะด่าว่าเฆี่ยนตีลูกอย่างไรก็ได้ หรือคะ

แม้ว่าพ่อแต่งงานกับแม่เพราะทำแม่ท้อง 

พูดบอกลูกมาตั้งแต่เด็กว่า ลูกทำให้ชีวิตเค้าต้องตกนรก เค้าไม่ได้อยากจะมาอยู่แบบนี้

ตอนเด็กๆ พ่อติด***ม้า ต่อมาก็****** ทั้งใต้ดินและ***รัฐบาล เป็นหนี้สิน แม่เป็นคนหาเงินหลักของบ้านและแบ่งให้เค้าใช้

ตั้งแต่จำความได้พ่อมักด่าว่าแม่ ด่าว่าลูก ตีลูก ทั้งไม้เรียว ก้านมะยม และเข็มขัด 

โตขึ้นมาเค้าก็มักอยู่กับเพื่อน สังสรร และเมียน้อย

ปีก่อนลูกคนเล็กเลิกกับสามี แทนที่จะถามไถ่ลูก กลับด่าว่าลูกเพราะลูกเขยมีหน้ามีตาในสังคม แต่ไม่สนใจที่ลูกเขยด่าว่าตบตีลูกสาวตัวเอง และมีเมียน้อย ปล่อยให้เลี้ยงลูกคนเดียว

แต่พอแก่ตัวมา ก็ต้องเป็นกรรมของลูกที่จะต้องดูแล ใช่ไม๊คะหลวงพ่อ ไม่ว่าเค้าจะทำอะไรไว้บ้าง

แล้วจิตใจของลูกเมียและหลาน คือไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องปกป้องเลยหรือคะ

T T

ผู้แสดงความคิดเห็น โสมภัสสร์ วันที่ตอบ 2020-06-03 21:50:02


ความคิดเห็นที่ 3 (4198816)

ต้องเข้าใจว่า พ่อแม่ก็อาจมีบ้างที่บางรายเป็นพ่อแม่ที่เลว กระทำตัวไม่เหมาะสมที่จะเป็นพ่อแม่ที่ดีของลูก ก็มีอยู่เช่นกัน ไม่ใช่จะมีแต่ลูกทรพีที่กระทำตัวเนรคุณต่อพ่อแม่อย่างเดียว ดังนั้น คุณต้องพิจารณาเองว่า การกระทำของพ่อ จะอยู่ในข่ายเป็นพ่อที่เลวของลูกหรือไม่

ถ้าคุณคิดว่า พ่อทำตัวไม่สมกับที่เป็นพ่อที่ดีของลูก ๆ แล้วตัวเราจะทำตัวให้เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ได้หรือไม่ ระหว่างความเลวของพ่อ กับความดีของเรา เราควรจะเลือกประพฤติตัวอย่างไร ในการที่เราจะตอบแทนพระคุณของพ่อ จะเอาความเลวของพ่อ มาลบล้างพระคุณของพ่อที่มีต่อเรา ก็หาได้ไม่ เพราะมันคนละส่วนกัน บุญคือบุญ บาปคือบาป

คุณต้องตัดสินใจเองว่า คุณจะทำตัวเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ได้ในระดับไหน คุณมีสิทธิ์ที่จะตอบแทนการกระทำที่ไม่ดีของพ่อ ด้วยการกระทำไม่ดีต่อพ่อก็ย่อมได้ จะไม่เลี้ยงดู จะไม่ใส่ใจ จะไม่อยากอยู่ด้วย ก็ทำได้ทุกอย่าง เพราะเรื่องของบุญกับบาป มันแยกกันชัดเจน บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป

การที่พ่อทำไม่ดีต่อลูกเมีย มันก็เป็นบาปกรรมของพ่อ ก็จะเป็นเหตุทำให้ได้ลูกเมียมากระทำไม่ดีต่อพ่อตอบแทน ถ้าคุณกระทำไม่ดีต่อพ่อ มันก็เป็นบาปกรรมของคุณ ก็จะเป็นเหตุทำให้คุณอาจมีลูกที่ไม่ดีมาทำไม่ดีกับคุณตอบแทนได้เช่นเดียวกัน

แต่ถ้าคุณอดทน แม้พ่อจะทำไม่ดีกับคุณ แต่คุณก็พยายามข่มใจที่จะทำดีต่อพ่อเท่าที่คุณจะมีแก่ใจทำได้ ส่วนจะทำดีได้แค่ไหน ก็อยู่ที่ใจคุณเอง อันนี้ก็จะเป็นบุญกรรมของคุณ ต่อไปบุญกรรมอันนี้ก็จะส่งผลให้คุณมีลูกที่ดี มาทำดีต่อคุณตอบแทนดุจเดียวกัน

ไม่มีใครบังคับให้ลูกต้องทำดีกับพ่อที่มีความประพฤติเลวทรามต่อลูกได้ เป็นกรรมระหว่างพ่อกับลูกที่จะต้องประพฤติต่อกันตามแต่จะเห็นควร ถึงแม้ว่าเราจะมีพ่อที่เลว แต่เราก็ไม่จำเป็นที่จะทำตัวเป็นลูกที่เลวของพ่อก็ย่อมได้

ถ้าคุณเชื่อกรรม มันก็เป็นกรรมของคุณที่ต้องมามีพ่อที่มีความประพฤติเลว ถ้าไม่มีกรรมร่วมกันมา ก็คงไม่มาเกิดเป็นพ่อลูกกันได้ ดังนั้น เมื่อกรรมเก่าส่งผลมาอย่างนี้แล้ว กรรมใหม่ในปัจจุบันคุณมีสิทธิ์เลือกได้ จะทำดีกับพ่อ หรือจะเลิกนับถือพ่อ ก็เป็นสิทธิ์ที่คุณจะทำได้

ถ้าคุณเลือกที่จะทำดีกับพ่อ มันก็จะกลายเป็นบุญกรรมของคุณที่จะทำให้คุณอาจไม่ได้เกิดมามีพ่อที่มีความประพฤติเลวอย่างนี้อีก เพราะคนเรา ถ้าคนหนึ่งเป็นคนบุญ อีกคนหนึ่งเป็นคนบาป กรรมย่อมจำแนกผลแห่งกรรม จะทำให้ไม่ได้เกิดมาเจอกันอีก เพราะบุญไม่เสมอกันนั่นเอง พ่อทำไม่ดี กรรมก็ส่งผลให้พ่อไปตกนรก ส่วนถ้าคุณทำดี กรรมก็ส่งผลให้คุณไปเกิดในโลกสวรรค์ ดังนี้เป็นต้น

ขออำนวยพรให้คุณทำในสิ่งที่คุณคิดว่า ดีที่สุดเท่าที่คุณจะสามารถทำได้ก็แล้วกัน

ผู้แสดงความคิดเห็น พระวิทยา วันที่ตอบ 2020-06-04 19:13:18


ความคิดเห็นที่ 4 (4198879)

 กราบขอบพระคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น โสมภัสสร์ วันที่ตอบ 2020-06-05 18:42:03


ความคิดเห็นที่ 5 (4198990)

 ตอนที่อ่านเรื่องนี้ คล้ายมากกับเรื่องของตนเองที่เกิดขึ้นประมาณ 25 ปีแล้ว ปมหลักที่แตกต่างกันคือเราไม่มีความเคลือบแคลงใจในความรักของพ่อแต่เรากลับปฏิบัติตัวที่ไม่ดีเท่าที่ควรกับแม่ที่ป่วย เรื่องราวคล้ายกันพ่อมีเมียน้อยเพราะแม่ป่วยเป็นมะเร็ง ลูก  ต้องดูแลแม่ที่ป่วยและน้อยใจพ่อที่ดูเหมือนไม่อินังขังขอบเท่าที่ควร พ่อต้องออกนอกบ้านทุกวัน กลับค่ำ  ต่อมาจึงรู้ว่ามีคนอื่น แม่เสียใจมากเราเป็นลูกที่อยู่กับแม่มากที่สุดแต่ยิ่งใกล้ก็ยิ่งบาป อายุเราตอนนั้นยังอยากเที่ยว อยากไปทำงานต่างจังหวัด  แต่ติดแม่ป่วยเราจึงต้องเรียนต่อและดูแลเธอ ความเป็นคนใจร้อน ปากเสีย ปากไว พูดปุ๊บสวนปั๊บ ขี้รำคาญทุกอย่างและเบื่อมากที่จะต้องนั่งฟังแม่น้อยใจพ่อ บ่นท้อแท้ต่อโรคภัย แม่เกลียดและสาปแช่งผู้หญิงคนใหม่ เธอไม่เคยให้อภัยจนวันตาย เพราะเธอถือว่าเธอมั่นคง ซื่อสัตย์ไม่เคยแย่งของใคร ตอนนั้นเราอายุยังน้อยก็ไม่ได้คิดห้ามอะไรว่าไม่ดีนะ แม่อย่าแช่งเค้าเลย ครอบครัวตอนนั้นวุ่นวายพี่เขยก็เจ้าชู้และไม่ให้เกียรติแม่ทะเลาะกันจนต้องแยกครอบครัวออกไป (ต้นเหตุในการทะเลาะครั้งนั้นก็เราเนี่ยแหล่ะ)  บ้านมันดูวุ่นวาย ร้อนไปหมด แม่ป่วยประมาณเกือบ 3 ปี มะเร็งลามไปทั่วสุดท้ายปอดหายไป 1 ข้าง เรารู้แล้วว่าไม่นานแม่จะต้องจากไป ตอนนั้นเราเริ่มรู้สึกแล้วว่าเราเลวกับแม่มาก เราควรปลอบใจแม่มากกว่าหงุดหงิดพูดไม่ดีใส่ บางทีคำปลอบประโลมการเอาอกเอาใจจากลูกจะช่วยเยียวยาเธอ แต่มันสายเกินไปแม่เสียชีวิตหลังจากนั้น 2-3 วัน นี่คือสิ่งที่เสียใจที่สุดในชีวิตเรา 

หลังจากแม่ตายพ่อก็ไปอยู่กับครอบครัวใหม่เอาเงินไปกับครอบครัวใหม่ตอนนั้นเราโกรธพ่อ เราไปอาละวาดกับเมียใหม่พ่อจนลูกชายเธอต้องมาขอให้เราหยุดเพราะแม่เค้ากลัวมาก ในฐานะลูกเรารักแม่เราเค้าก็รักแม่เค้า เราตกลงไม่ยุ่งกับครอบครัวเค้าอีกต่อไป ตอนนั้นพ่ออายุ 64 ปี 65 ปี มั้ง พ่อดูภูมิอกภูมิใจกับลูกติด ชื่นชมตลอดเวลาไปพูดกับใคร ๆ พ่อดูมีชีวิตที่ดี เราไม่เคยไปยุ่งไปเยี่ยมพ่อที่บ้านเค้าเป็นสิบ  ปีละมั้ง เพราะเราไม่ชอบ ไม่สะดวกใจ แต่ไม่ได้โกรธหรือน้อยใจพ่อมากนักเพราะเวลาผ่านมานานแล้ว แต่พ่อมักจะมาหาพวกเราเอง เราเองก็แต่งงานมีครอบครัวแต่สุดท้ายก็พังเพราะเรื่องมือที่ 3 เนี่ยแหล่ะมันเหมือนเราหนีเรื่องแบบนี้ไม่พ้นจริง   สุดท้ายครอบครัวเราเองก็แตก ประกอบกับครอบครัวใหม่พ่อเริ่มมีปัญหา ลูกคนที่แกรักป่วยเป็นมะเร็ง หลานที่แกเลี้ยงก็เป็นภูมิแพ้ ลูกที่สุขภาพดีก็เกเรติดคุก แม่เลี้ยงหมดสง่าราศี เธอเหนื่อย เงินทองที่หาง่ายใช้คล่องมันฝืดลงเพราะต้องดูแลทุกคนเราไปเยี่ยมพ่อเจอเธอร้องไห้กอดเราบอกว่าน้องไม่ไหวแล้ว พ่อดูเศร้าในวัย 80 ปี เชื่อไหมเรานึกถึงบาปกรรมของพวกเค้า นึกถึงคำสาปแช่งของแม่ทันที เรารักพ่อและเราตั้งใจไว้ว่าอะไรที่ทำไม่ดีกับแม่ขอชดเชยให้พ่อและเราคิดเสมอว่าถ้าพ่อเดือดร้อนเมื่อใด เราลูก ๆ คงจะหนีจากความเดือดร้อนนั้นไม่ได้ ดังนั้นอะไรที่จะบรรเทาได้ต้องรีบช่วยก่อน 

เราถึงเริ่มคิดหาทางออก น่าจะตัองไปปฏิบัติธรรมเพราะเราไม่มีทางออกอื่นอีกแล้วหลังชนฝา จะทำยังไงให้พวกเค้าอโหสิกรรมให้แก่กันและกันได้ในเมื่อตายไปแล้ว 1 คน เราไปเลยไปที่วัด อยุธยา  ตอนนั้น ทาน ศีล ภาวนา แหว่ง  วิ่น  ขาด  ปุปะ มีแต่ใจที่อยากทำเพื่อช่วยพ่อและแม่เท่านั้น แต่เราอดทนค่ะ เราว่าเราเป็นคนฝึกยากคนนึง ดังนั้นถ้าเราฝึกได้คนอื่นก็ต้องได้ แต่เรามีศรัทธานะ ขยัน ขี้เกียจ จะฟุ้งซ่าน ก็ขอนั่งสมาธิ สวดมนต์ก่อนไปทำงานทุกวัน  และแปลกที่ว่าครอบครัวพ่อดีขึ้น  จนถึงวันนี้จากคนที่กลัวเรา (แฟนใหม่พ่อเปลี่ยนมารักเรา รอเราทุกสัปดาห์ เราได้เห็นพ่อมีความสุข สุขภาพแข็งแรงพ่ออายุ 84 ปีแล้ว คนรอบข้างพ่อดีขึ้นทุกคน  แต่ที่ได้ก่อนคือตัวเราเองสบายใจ ปล่อยวางง่ายขึ้น  เราว่าอภัยทานคือกุญแจดอกสำคัญที่เปิดประตูให้เราได้แก้ไขและเจอะเจอสิ่งที่ดีกว่า และมันคงจะดีกว่านี้มากถ้าหากว่าเค้า 3 คนได้อโหสิกรรมให้กันในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่เราคิดแบบนั้นและทำให้เราเชื่อสนิทใจว่าหัวใจรักของลูกจะสามารถช่วยพ่อกับแม่ของเค้าได้ ลูกทำดีพ่อกับแม่ก็ต้องได้ ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของเรื่องโชคดีมากที่ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ยังมีโอกาสช่วยท่านทั้งสองได้ดีกว่าเรา ขอให้พบธรรมะเมื่อพบทุกข์นะคะ 

นี่เป็นเรื่องจริงทั้งหมด หากว่ามีคำเขียนใด ๆ ทำให้เจ้าของเรื่องไม่สบายใจต้องขออภัยนะคะ ถือซะว่าเรา 2 คนแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เอาใจช่วยให้ผ่านพ้นทุกอย่างไปได้อย่างดีเยี่ยม 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เฉลิมพร วันที่ตอบ 2020-06-08 08:08:03



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล