๑.ถ้ามีโอกาสไปวัดฟังธรรมได้ทุกวัน ก็ดีมาก แต่ดูเหมือนไม่มีใครจะทำได้ง่าย ๆ เพราะภารกิจหน้าที่การงานรัดตัว ดังนั้น ถ้าไม่มีโอกาสที่จะไปวัด ก็หาวิธีอื่น ๆ ที่จะฟังธรรมได้ ในโซเชี่ยลมีเยอะ ที่เว็บนี้ก็มีให้ฟังได้ ๒๔ ชั่วโมง วิทยุออนไลน์อยู่หน้าแรก แต่ธรรมก็มีหลายระดับ เลือกฟังที่ตนเองเข้าใจ และฟังจากท่านผู้รู้ที่เชื่อถือได้ อย่าฟังจากคนที่ไม่มีความรู้ในธรรม เขาอาจสอนธรรมผิดได้ สมัยนี้สอนธรรมผิด ๆ เพี้ยน ๆ เยอะมาก

๒. ถามตัวเองว่า ง่วงแล้วอยากนอน หรืออยากฟังธรรม ถ้าคำตอบว่า อยากนอนก็จงนอนเสีย เทวดาก็มาแก้ให้ไม่ได้ แต่ถ้าตอบว่า อยากฟังธรรม ก็ลุกขึ้นเต้นแร้งเต้นกาออกกำลังให้มันหายง่วงจะตีลังกาสักสองสามรอบก็ได้ ระวังอย่าให้คอหักก็แล้วกัน พอหายง่วงแล้วก็ฟังธรรมต่อไป ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ง่วง

๓. ก็อย่าไปสนใจในเสียง เสียงเป็นเพียงลมมากระทบหู หูมันทำหน้าที่ได้ยินแล้วก็ดับไปตามหน้าที่ของมัน ส่วนใจเมื่อรับรู้เสียงแล้ว ถ้าใจไม่คิดปรุงแต่งไปตามความหมายของเสียง ใจก็จะไม่รู้สึกอะไรกับเสียงนั้น ที่หงุดหงิดเพราะใจไปคิดปรุงแต่งในเสียง ไม่อยากได้ยินเสียงนั้นต่างหาก ปล่อยวางเสียงนั้นเสีย ปล่อยให้มันเกิดดับตามธรรมชาติของมัน จิตรับรู้แล้วก็วาง อย่าไปยุ่งกับเสียงรบกวน อย่าอยากให้ไม่มีเสียงนั้น อย่าไปคิดอะไรไปตามความหมายของเสียง ให้แค่สักแต่ว่ารู้สักแต่ว่าได้ยินเฉย ๆ อย่าเอาความอยากไปบังคับไม่ให้มีเสียงนั้น ความอยากนั้นจึงเป็นเหตุทำให้ใจเราหงุดหงิดเอง เสียงไม่ได้มาทำให้ใจเราหงุดหงิด เพราะฉะนั้น อย่าไปอยากให้เสียงมันหายไป ทำใจให้ยอมรับมัน แล้วอย่าไปยุ่งกับความหมายของเสียงทีเกิดขึ้นที่ใจเรา กำหนดสติทำใจให้จดจ่ออยู่กับเสียงธรรม เดี๋ยวใจก็สงบได้เอง