ReadyPlanet.com


สอบถามเรื่องปราชิก


      นมัสการพระคุณเจ้า 

      ผมไปลงทะเบียน 5,000 ประชารัฐมาแบบโกหกเพื่อให้ได้เงินมาตอนเป็นฆาราวาสครับ พอเงินเข้ามามันเข้ามาตอนเป็นพระแล้วผมก็โอนให้โอนใช้สอยแทนที่จะคินรัฐ  

       เช่นนี้ผมต้องอาบัติปราชิกไหมครับ เพราะพระโกหกโยมและได้เงินมาก็ปราชิก



ผู้ตั้งกระทู้ พระใหม่ :: วันที่ลงประกาศ 2020-07-03 06:02:30


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (4200534)

 แก้*โอนให้โยมคนอื่นใช้สอยแทนที่จะคืนรัฐบาล* ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น พระ วันที่ตอบ 2020-07-03 06:18:54


ความคิดเห็นที่ 2 (4200576)

ตอนเป็นฆราวาสลงทะเบียนโกหกได้เงินมา ๕,๐๐๐ บาท ถ้าไม่โกหกก็ไม่ได้เงินใช่หรือไม่ แต่ได้เงินตอนเป็นพระ พระก็รู้อยู่แล้วว่า เงินนั้นไม่ใช่ของตัวเอง เพราะได้มาโดยไม่ชอบ เนื่องจากโกหกรัฐได้มา ก็เหมือนหลอกลวงเขา ก็ควรจะคืนให้รัฐ แต่กลับให้คนอื่นเอาไปใช้ ถือเป็นการยักยอกของหลวง จะใช้เอง หรือให้คนอื่นใช้ ก็มีค่าเท่ากัน

ทรัพย์มีราคา ๕,๐๐๐ บาท เทียบกับมูลค่า ๕ มาสก ซึ่งมีราคาโดยประมาณ ๖๐๐ บาท ถือว่าทรัพย์นั้นมีมูลค่าเกินกว่า ๕ มาสก อยู่ในข่ายต้องอาบัติปาราชิก ด้วยมีเจตนาขโมยทรัพย์ของหลวง ทั้งรู้อยู่ว่า ทรัพย์นั้นตนได้มาโดยไม่ชอบ แต่ยังมีแก่ใจไปให้คนอื่น และได้กระทำความพยายามสำเร็จแล้ว ทรัพย์เคลื่อนจากที่ไปเป็นของคนอื่นแล้ว จึงหนีไม่พ้นอาบัติปาราชิก

ผู้แสดงความคิดเห็น พระวิทยา วันที่ตอบ 2020-07-03 22:50:03


ความคิดเห็นที่ 3 (4215676)

      กราบนมัสการพระคุณเจ้า  

ตอนนี้ผมสึกแล้วครับ มีเรื่องจะขอแจ้งให้ทราบและเรื่องสอบถามครับ

              แจ้งให้ทราบเรื่อง 1. การได้เงินผมมาทราบภายหลังสึกครับว่าตอนผมลงทะเบียนตอนนั้นให้คนอื่นลงทะเบียนเงิน 5,000 บาทให้และตอนนั้นว่างงานจริงๆจึงทราบภายหลังว่าได้มาโดยถูกต้องครับ แต่ตอนแรกกระผมกระวนกระวายใจกลัวว่าเพื่อนจะโกหกให้ครับและตอนนี้โอนคืนรัฐทั้งหมดแล้วเรียบร้อยครับ อีกเรื่องต่อมาแจ้งให้ทราบครับคือ  2. ตอนนั้นผมกระวนกระวายใจจริงๆครับจึงคิดว่าโอนให้เพื่อนไปใช้สอย เพราะว่าพอผ่านมาสักพักผมกลับบอกเพื่อนว่าให้นำเงินนั้นคืนรัฐด้วยซึ่งเป็นครั้งที่สองหรืออีกครั้งครับแล้วเพื่อนจึงบอกว่าสั่งมาแล้วให้คืนรัฐในตอนแรก  ง่ายๆคือเพื่อนเขาเข้าใจแต่แรกหน่ะครับว่าให้ผมคืนรัฐแต่ผมกลับลืมครับ ผมเลยไม่มั่นใจและกลัวว่าจะเจตตาตอนนั้นคือโอนให้คนอื่นใช้เพื่อให้คนอื่นใช้สอยได้พ้นๆตัวเพราะกลัวอาบัตินะครับ(ซึ่งเป็นกรณีลบหรือที่เลวร้ายที่สุด) ทำให้ตอนนั้นเครียดแล้วจึงตั้งกระทู้นี้เป็นเพราะว่าไม่มั่นใจว่าตอนโอนตอนนั้นตั้งเจตนาว่าอย่างไรครับ ระหว่างโอนให้คนอื่นใช้สอยกับโอนให้เพื่อนเอาไปคืนรัฐครับ จึงตั้งกระทู้ในกรณีลบหรือเลวร้ายที่สุดครับจะได้สบายใจไปเลย 100% แต่ภายหลังผมก็คิดได้ว่าตอนระหว่างบวชนั้นผมแทบจะไม่มีเจตนาขโมยสินทรัพย์คนอื่นเลย  ผมเลยคิดว่าตอนนั้นผมน่าจะเจตนาโอนให้เพื่อนเพื่อโอนให้คืนรัฐครับท่าน

               จึงเรียนมาเพื่อให้ทราบข้อมูลครบถ้วนครับเผื่อการเข้าใจผิดในภายหลัง

             

 

 

ขอสอบถามเพิ่มเติมเรื่อง อาบัติสังฆาทิเสส โจทย์ภิกษุอาบัติปราชิกครับ

อย่างตอนนั้นผมถามว่าอาบัติปราชิกหรือไม่ ในใจผมสงสัยและไม่มั่นใจหน่ะครับว่าตอนโอนนั้นผมคิดอย่างไร จึงกลัวและเครียดกลัวว่าจะเป็นเจตนาให้ผู้อื่นใช้สอย เลยโจทย์ล่วงหน้าไว้เลยว่าให้ผู้อื่นใช้สอยในกรณีที่แย่ที่สุดเพราะผมเครียด (เพราะถ้ากรณีลบแล้วไม่ปราชิกผมจะได้สบายใจ) เพราะมันก็ไม่มีมูลถึง 100% เนื่องจากผมไม่มั่นใจเจตนาตอนโอนตอนนั้น ถือว่าสังฆาทิเสสข้อ โจทย์ภิกษุอาบัติปราชิก หรือไม่ครับท่าน

 

                                                            กราบขอบพระคุณพระคุณเจ้าครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เจ้าของกระทู้เดิม แต่สึกแล้ว วันที่ตอบ 2021-01-12 20:43:33



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล