ReadyPlanet.com


การบูชาพระรัตนตรัยด้วยชีวิต


โยมสงสัยว่าเคยได้ยินว่าเราต้องบูชาพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยชีวิตให้ทำเป็นประจำทุกวัน ทำไมต้องบูชาด้วยชีวิตด้วยคะทั้งแม้จะมีศรัทธามากเพราะเราควรจะไม่ประมาทไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ถึงบารมีพระพุทธมหาศาลอานิสงส์มากมาย แต่ถ้าเราคิดตามหลักความเป็นจริงและสัจจะวาจา ชีวิตนี้มีอยู่ชั่วคราวแล้วถ้าเรายกให้ใครไปมันก็ไม่ใช่ของเราไม่ว่าเราจะทำอะไรต่อไปอาจทุกการกระทำที่เราตัดสินใจทำจะนั่งกินทำอะไรเราก็ไม่มีสิทธิ์เพราะมันไม่ใช่ของเราแล้วเหมือนว่าเราอาจจะทำอะไรผิดตลอดตั้งแต่เรายกชีวิตนี้ให้ใครแล้วเพราะเราก็ไม่แน่ใจว่าผู้ที่เรายกชีวิตให้ต้องการอย่างไรแล้วบางทีเรายังมีภาระครอบครัว และพ่อแม่ซึ่งให้ชีวิตเราเราต้องทำตามสิ่งที่เราคิดตัดสินใจในสิ่งที่เราต้องการบ้างซึ่งสิ่งนี้อาจจะไม่ตรงกับความต้องการของผู้ที่เรายกให้ โยมเข้าใจว่าอานิสงส์มากและพระรัตนตรัยคงไม่ต้องการชีวิตเรา ทำไมถึงต้องมีการบูชาด้วยชีวิตคะ  โยมก็เข้าใจว่าเขาคงให้เราปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธให้ได้ด้วยการเอาชีวิตเข้าแลก แต่กว่าคนคนหนึ่งจะละกิเลสที่สะสมมาหลายชาติจะทำตามคำสอนนั้นได้มันไม่ใช่ว่าฝึกครั้งเดียวจะได้เลย ดังนั้นมันก็จะเป็นการเสียสัจจะนับครั้งไม่ถ้วนถ้าทำไม่ได้หรือทำผิด  โยมเชื่อมั่นในปัญญาพระนิพพานของพระพุทธเจ้าและคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่โยมกิเลสยังหนาอยู่ ก็พยายามปฏิบัติธรรม และจะพยายามไม่ให้สัจจะวาจาถ้าคิดว่าทำไม่ได้นะคะ

แต่โยมบูชาพระรัตนตรัยทุกวันด้วยธูปเทียนนำ้ ข้าว อาหาร ดอกไม้ นะคะสิ่งนี้โยมทำได้แต่ตามคำสอนของพระอาจารย์หลายท่านให้บูชาด้วยชีวิตแต่โยมกลัวเสียสัจจะวาจาขอหลวงพ่อได้โปรดแนะนำขี้แนะด้วยคะ

 

กราบขอบพระคุณหลวงพ่อล่วงหน้าอย่างสูงด้วยคะ


จิราภรณ์ 



ผู้ตั้งกระทู้ จิราภรณ์ :: วันที่ลงประกาศ 2022-08-06 10:45:23


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (4365201)

ธรรมท่านสอนว่า พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต พึงสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม ธรรมก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อันเป็นข้อปฏิบัติเพื่อให้ถึงความดับทุกข์

การบูชาพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยชีวิตนั้น หมายถึงการบูชาด้วยการปฏิบัติบูชา ก็คือการปฏิบัติไปตาม ศีล สมาธิ ปัญญา อันเป็นหนทางดับทุกข์นั่นเอง ถ้าเราปฏิบัติถึงจุดหนึ่ง จุดที่จะก้าวเข้าสู่อริยภูมิ เราจะเกิดสติปัญญาเห็นแจ้งชัดได้เองว่า ชีวิตของเรา แม้เราไม่สละบูชาธรรม มันก็ต้องตายอยู่แล้ว และตายตามกรรมของเรา ถ้าเรากล้าที่จะสละชีพบูชาธรรมได้ แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่เด็ดเดี่ยวอาจหาญต่อความปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ ถ้าเราไม่สละชีพบูชาธรรม การปฏิบัติของเราก็ไม่มีทางพ้นทุกข์ เพราะความรักตัวกลัวตายมันคือกิเลส

ถ้าเราจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ เราก็ต้องปฏิบัติถึงขั้น ยอมตายก็ไม่ยอมทำผิดศีล ถ้าเราจะปฏิบัติให้เกิดสมาธิ ปัญญา อย่างหนักแน่นมั่นคงที่สามารถกำจัดกิเลสได้ เราก็ต้องปฏิบัติถึงขั้นกล้าสละชีพในการนั่งสมาธิอบรมปัญญา แม้พระพุทธองค์เอง ก็ทรงสละชีพบูชาธรรมมาก่อนในคืนที่พระองค์จะตรัสรู้ สติปัญญาย่อมมองเห็นร่างกายว่า ไม่มีสาระอันควรหวงแหน ยิ่งไปกว่าธรรมที่จะพึงรู้พึงเห็น ถ้าสละชีพบูชาธรรมไม่ได้ ก็เท่ากับยังรักตัวกลัวตาย จิตใจยังตกเป็นทาสของกิเลสอยู่ ก็ไม่มีวันจะพ้นทุกข์ได้

ดังนั้น ผู้ปฏิบัติธรรม เมื่อดำเนินไปถึงจุดที่จะพ้นทุกข์ มันหากเกิดสติปัญญากล้าหาญชาญชัยต่อแดนพ้นทุกข์ ไม่รักตัวกลัวตาย เพราะถึงอย่างไร ก็ต้องตายอยู่แล้ว จะสละตายเพื่อบูชาธรรมด้วยการปฏิบัติขั้นอุกฤษฏ์ คือเอาตายเข้าว่า ถ้าไม่ชนะกิเลสก็ยอมตาย ถ้าไม่ตายก็ต้องชนะกิเลส เช่นนี้ก็ยิ่งเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ ถือเป็นการปฏิบัติบูชาอันยิ่งยวด เป็นการดีการชอบแท้

มันเป็นขั้นของการปฏิบัติธรรม ถ้าการปฏิบัติของเรายังอ่อนอยู่ มันก็ยังทำไม่ได้หรอก ไม่มีใครบังคับให้เราสละชีพบูชาธรรมได้ ต้องเป็นเราสมัครใจทำเอง จงทำเท่าที่กำลังสติปัญญาของเราจะสามารถทำได้ นั่นแหละ ถูกต้อง การสละชีพบูชาธรรม มันเป็นงานขั้นสุดท้ายที่จะเสร็จกิจ ถึงเวลามันหากเป็นเอง ไม่มีใครตายจริง ๆ เพราะการสละชีพบูชาธรรมหรอก แต่เป็นกิเลสนั่นแหละ ที่จะตาย ทุกคนยังต้องตายตามกรรมของตัวเองอยู่เหมือนเดิม ต่างกันแต่เพียงตายแล้วใครจะได้มรรคได้ผลหรือไม่ต่างหาก

ผู้แสดงความคิดเห็น พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช วันที่ตอบ 2022-08-08 00:55:09


ความคิดเห็นที่ 2 (4365202)

 กราบขอบพระคุณหลวงพ่ออย่างสูงคะ

 

จิราภรณ์

ผู้แสดงความคิดเห็น จิราภรณ์ วันที่ตอบ 2022-08-08 03:17:06



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล