นี่แหละ! ไอ้จอมอกตัญญูไม่รู้คุณใคร
.
วันนี้ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๘ เป็นวันเกิดของพระรูปหนึ่ง เป็นพระป่าบ้านนอก จะเรียกว่า พระโนเนมก็ได้ แต่ก็ไม่เชิงโนเนมเสียเลยทีเดียว ก็อาจพอมีคนรู้จักบ้างเล็กน้อย
.
ไอ้เรารึ! ก็ดันทะลึ่งไปรู้เรื่องของท่านโดยบังเอิญ แบบว่าสนิทกัน ก็เลยจะเอาเรื่องของท่านมาเล่าให้ฟังบ้าง เห็นว่ามีคติดี มีคำหยาบบ้างก็อย่าถือสานะ! ที่จริง เราก็ไม่ค่อยชอบยุ่งกับเรื่องของชาวบ้านเท่าไรนักหรอก แต่อันนี้ถือว่า "ซี้กัน" ก็เลยเอามาเล่าสู่กันฟังบ้าง คงไม่ว่ากันนะ!
.
ก็มีญาติโยมพยายามจะพูดเรื่องวันเกิดของท่าน ท่านก็เฉไฉไปเสียว่า "เราเกิดทุกวัน ถ้าไม่เกิดทุกวัน ก็ตายไปนานแล้ว ไม่อยู่จนถึงบัดนี้"
.
ก็มีโยมโอนเงินเข้าบัญชีวัดท่าน แล้วก็ส่งข้อความไปบอกท่านว่า "ถวายเป็นค่าเค้กวันเกิด เผื่อท่านต้องการจะตัดเค้ก แต่ถ้าไม่ประสงค์อย่างนั้น จะเอาไปใช้ทำอะไรก็ได้ตามแต่จะเห็นสมควร"
.
ท่านก็ตอบกลับไปว่า "พระป่าที่ไหนจะตัดเค้กวันเกิด พระพุทธเจ้าก็ไม่เคยพาทำ หลวงปู่มั่นก็ไม่เคยพาทำ หลวงตามหาบัว ก็ไม่เคยพาทำ ใครจะอุตริทำได้ลงคอ"
.
โยมก็ไม่ยอมแพ้ ยังเถียงมาอีก "ญาติโยมอาจจะอยากกิน พระอาจารย์ตัดแจกเขาคงจะปลื้มใจ"
.
"เอ้า! อยากกินก็ไปซื้อกินเองสิ!"
.
"เขามาถวายอาหารประจำ จะได้กินขนมอร่อย ๆ จากมือพระบ้างไง.."
.
"หือ!! เป็นพระก็ยังไม่ค่อยได้ฉันอะไรอร่อย ๆ แล้วญาติโยมจะคอยกินของอร่อย ๆ จากพระ แล้วพระจะไปเอาของอร่อย ๆ ที่ไหนไปให้โยมกิน พระทำกินเองก็ไม่ได้ ซื้อกินเองก็ไม่ได้ ผิดพระวินัย ชาวบ้านเขาเอาอะไรมาให้ขบให้ฉัน ก็ต้องขบฉันไปอย่างนั้น ของอร่อย ๆ ต้องไปหากินในเมือง อย่ามาหากินในป่า"
.
ลูกศิษย์บางคนก็อวยพรให้ท่าน "ขอให้พระอาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง ธาตุขันธ์ดำรงอยู่ตลอดไปนานแสนนาน"
.
ท่านก็ตอบลูกศิษย์ "อืม! จะพยายามรักษาธาตุขันธ์เอาไว้ ให้แข็งแรง แต่ไอ้เจ้าธาตุขันธ์ คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก นี่! มันจะยอมแข็งแรงให้อย่างที่ต้องการได้หรือเปล่า? ต้องถามมันดูก่อน"
.
แล้วท่านก็เทศน์เรื่องของไอ้นักเลงโตให้ฟัง
ท่านว่า
.
“ไอ้เจ้าสังขารคือร่างกายนี้ มันเป็นนักเลงใหญ่ เป็นจอมอันธพาล ไอ้จอมอกตัญญูก็คือมันนี่แหละ! ก็คิดดูเอาเองสิ! เราเลี้ยงดูปูเสื่อ บำรุงบำเรอรักษาเยียวยามันดีแค่ไหน มันก็ไม่เคยจะเห็นบุญเห็นคุณของเรา แม้แต่สักนิดเดียว มีแต่คอยจ้องจะล้างจะผลาญ จะทรยศหักหลังเราอยู่ตลอดเวลา เอาแต่ของไม่ดี เอาแต่ของฉิบหายมาให้เรา
.
ดูมันทำสิ! วันดีคืนดี ไม่ใช่สิ! น่าจะเป็นวันซวยคืนซวย มันก็เอาผมหงอกมาให้ เอาแก้มตอบมาให้ เอาฟันผุฟันหักมาให้ เอาหนังเหี่ยวมาให้ แค่เหี่ยวนี่ ก็ทุเรศจะตายห่าอยู่แล้ว ยังเสือกตกกระเป็นฝ้ากระดำกระด่าง เป็นเกลียวด้วยเส้นเอ็น แถมเป็นแผลเป็นฝี มีน้ำเลือดน้ำเหลืองน้ำหนองไหล ยิ่งหนักเข้าไปอีก
.
กระดูกกระเดี้ยวรึ! ก็มีแต่จะคดจะงอ ถูกของแข็งกระแทกเข้านิด ๆ หน่อย ๆ ก็มีแต่จะแตกจะหัก ยิ่งเวลาพลั้งพลาดตกจากที่สูง มันก็จะมาแตกมาหักอยู่ตรงกระดูกนี่แหละ โดนหัวก็หัวแตก ดีไม่ดีก็คอหัก โดนแขนก็แขนหัก โดนขาก็ขาหัก เวรเอ๊ย! หัวแตก กระดูกหักก็มีแต่เรื่องเจ็บเรื่องปวดเรื่องทรมาน มันสบายนักเสียที่ไหน
.
อาหารการกิน ก็สู้อุตส่าห์คัดสรรมาให้ล้วนแต่ของดี ๆ ประณีตบรรจง โสมเอย บัวหิมะเอย หูฉลามเอย ปลาแซลม่อนเอย วิตามินเอย อะไรต่อมิอะไรอีกเพียบ เท่าที่ใครจะมีปัญญาหามาได้ แล้วดูธาตุขันธ์มันทำสิ! แม่ม..เอ๊ย! ช่างทำได้ลงคอ แทนที่มันจะสวยงามผิวหนังเปล่งปลั่งเต่งตึง อยู่ยงคงกระพันพอให้ได้ปลาบปลื้มประโลมใจบ้าง ก็มีแต่เรื่องวิบัติฉิบหาย เสื่อมสลายจะแตกจะพังมาให้อยู่ตลอดเวลา
.
ซ้ำร้ายยังมีอีกสารพัดปวด ตามแต่มันจะสรรหามาให้เป็น ทั้งปวดหัว ปวดฟัน ปวดกระดูก ปวดแขน ปวดขา ปวดหลัง ปวดเอว ปวดท้อง ปวดขี้ ปวดเยี่ยว โอ๊ย! เยอะแยะไปหมด ปวดอะไรขึ้นมา ก็ทำกูเดือดร้อนต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส บางทีก็ถึงขั้นกินไม่ได้ เดินไม่ได้ นอนไม่หลับ
.
มิหนำซ้ำ วันดีคืนดี ไม่ใช่สิ! น่าจะเป็นวันซวยคืนซวย เสียมากกว่า ยังเสือกจัดโปรโมชั่นส่งส่งเสริมการตายให้เร็วขึ้น แม่ม..กลัวจะตายช้าไปรึไง?
.
เดี๋ยวเป็นโรคตา โรคหู โรคปาก โรคคอ โรคจมูก โรคม้าม โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคปอด โรคกะเพราะ โรคลำไส้ โรคเก๊าต์ โรคมะเร็ง โรคขี้กลาก ขี้เกลื้อน ขี้เรื้อน ขี้ทูต มีกี่โรค มันก็อพยพขนโคตรขนแซ่มันมาทั้งหมด ปานว่าจะรุมกินโต๊ะกระทืบให้ตายคาที่เลยทีเดียว
.
นี่แหละ! ไอ้สังขารร่างกายที่เรียกว่า ธาตุขันธ์นี้ จะบำรุงรักษามันไปได้นานแค่ไหน เลี้ยงดูมันดีอย่างไร มันก็ยังคงแสดงความเป็นยอดอกตัญญูทรยศหักหลังกันซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้ล่ะ!
.
นี่! ถ้าเป็นเพื่อนเป็นฝูงกัน เลี้ยงดูมันดีขนาดนี้ แล้วมันยังกล้าทรยศหักหลัง กล้าทำกับกูได้ถึงเพียงนี้ บอกได้คำเดียวว่า มึงตาย ๗ ชั่วโคตรไปล่ะ
.
แต่นี่! ทุกคนต่างก็จำต้องยินยอมพร้อมใจ ยอมก้มหัวให้กับมัน ยอมถูกมันข่มเหงรังแกอย่างโหดร้ายทารุณ ยอมตัวเป็นทาสรับใช้มัน ยอมทำงานให้มันแบบหามรุ่งหามค่ำ เพียงเพื่อให้ได้ทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทอง มาเก็บกักตุนเอาไว้ ด้วยหลงสำคัญผิดคิดว่า เป็นของกู ของกู จากนั้นแล้วก็ต้องทอดทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไปในวันสุดท้ายที่สิ้นลม
.
ก็รู้กันอยู่อย่างนี้ เห็นกันอยู่อย่างนี้ ถึงกระนั้น ก็ยังไม่เห็นมีใครจะเข็ดจะหลาบจะจำ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงดูมันอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินเจริญใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แถมยังกระหยิ่มยิ้มย่องยินดียิ่งนัก ไม่ได้เฉลียวใจคิด หรือเกรงกลัวสักนิดว่า ไอ้ธาตุขันธ์นี่ มันจะทรยศหักหลังเรา มันจะทำให้เราต้องชอกช้ำระกำทรวงในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า
.
ดังนั้น ถ้าใครรู้ตัวก็จงรีบไขว่คว้าหาที่พึ่งให้กับตนเองเสียแต่บัดนี้ ศีล สมาธิ ปัญญา นี้ เป็นทั้งที่พึ่ง และเป็นทางสายเอกสายตรงสายเดียว ที่พาก้าวข้ามสามภพจบสามโลก สู่แดนอมตมหาพระนิพพาน อันเป็นแดนเอกันตบรมสุขอันยอดเยี่ยมที่ไม่มีใดเสมอเหมือน จงอย่ามัวพากันนอนหลับทับสิทธิ์ เสพสุขอยู่แต่เรื่อง "กินกับนอน" จะไม่มีวันหาทางก้าวข้ามวัฏสงสารได้เจอะได้เจอไปตลอดอนันตกาล”
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๘
.