กรณีของสีกา!! สั่นสะเทือนวงการสงฆ์
.
ที่จริงกรณีนี้ ถ้ามองด้วยใจเป็นธรรม ก็ต้องยกให้เป็นเรื่องกรรมของแต่ละบุคคล ใครทำกรรมดีก็ได้รับผลดี ใครทำกรรมชั่วก็ได้รับผลชั่ว บุคคลจะยังคนอื่นให้ดีหรือชั่ว หาได้ไม่
.
แต่เห็นทั้งโยมทั้งพระ ออกมาโพสต์ขยี้ขยำเรื่องนี้ในสื่อโซเชียลจนเลอะเทอะไปกันใหญ่ บางคนก็ถือโอกาสเอาเรื่องนี้มาทำคอนเทนท์ เรียกยอดไลค์ยอดวิวไปเสียเลย บางคนทำคลิปตลกล้อเลียนพระธรรม พระสงฆ์ อันนี้จะเป็นกรรมหนัก เป็นเหตุให้เกิดทิฏฐิวิปลาสแล้วไปอบาย
.
พระบางองค์ถึงขนาดพูดยกย่องผู้หญิงที่ไปเสพเมถุนกับพระ ทำนองอยากให้มีผู้หญิงแบบนี้เยอะ ๆ อันนี้ถือว่า ใจสกปรกมาก ส่งเสริมให้ผู้หญิงไปเสพเมถุนกับพระได้อย่างไร ไม่รู้หรือว่า มันเป็นบาปมหันต์
.
เกรงว่า คนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ จะไปตำหนิพระด่าพระที่ทำผิดธรรมผิดวินัย จะพลอยเดินตามเขาไปลงนรกด้วยกันโดยไม่รู้ตัว จึงอยากจะเตือนสติชาวพุทธ ให้รู้จักยั้งคิดกันไว้บ้าง
.
เห็นคลิปที่พระซบหน้ากับมือผู้หญิงไหม แล้วผู้หญิงเอามือตบหัวพระ ซึ่งดูเหมือนพระจะหลับสลึมสลือไม่ได้สติ เห็นแล้วก็เศร้าใจ สงสารคนโพสต์คลิป ถ้าเอามาโพสต์ด้วยใจเป็นอกุศล หวังจะประจานให้คนเกิดความเกลียดชังพระสงฆ์ คนโพสต์คงได้ไปอบาย
.
บางคนเคยบวชเป็นพระมาก่อน บวชเรียนเป็นถึงมหาเปรียญ ๘-๙ ประโยค ก็ออกมาโพสต์คลิปด่าว่าพระที่ทำผิด แบบสาดเสียเทเสีย ประหนึ่งว่า ตัวเองฉลาดล้ำ น่าเสียดายความรู้ที่เคยร่ำเรียนมา ไม่ได้แทรกซึมเข้าไปอยู่ในกระโหลกบ้างเลย
.
พระที่ทำผิดธรรมผิดวินัยอย่างร้ายแรงแต่ละราย ต่างก็ได้รับผลของกรรมชั่วละสิกขาลาเพศไปแล้วบ้าง ส่วนผู้ที่ทำผิดแต่กรรมยังมาไม่ถึง ความผิดก็ยังไม่ปรากฏก่อน เขาก็ยังหลบซ่อนตัวอยู่ในผ้าเหลืองได้ต่อไป ก็เป็นเหตุให้ทำกรรมหนักมากยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ
.
เชื่อเถอะ!! ไม่มีใครหนีรอดพ้นเงื้อมมือของกรรมไปได้หรอก ถีงหลบหนีความผิดอยู่ได้ ใจก็เป็นทุกข์เหมือนตกนรกทั้งเป็น ไฟนรกเผาใจให้เร่าร้อนทุรนทุรายอยู่ทุกวี่ทุกวัน
.
เมื่อถึงที่สุดที่กรรมจะให้ผล เขาก็ต้องได้รับผลของกรรมชั่วอยู่นั่นเอง ชาวพุทธจงเชื่อกรรม เชื่อว่ากรรมย่อมให้ผลสมควรแก่ความผิดเสมอไม่มีลำเอียง อย่าไปเดือดร้อนใจโกรธแค้นเขา ไม่ต้องไปซ้ำเติมเขาให้ใจตัวเองเป็นบาป หน้าที่ของเราคือ ทำตัวเราให้ดีก็พอ ให้ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์ นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
.
คนที่ไปด่าว่าพระ ตำหนิพระที่ทำผิด ด้วยคำพูดหยาบคาย ด้วยความโกรธแค้น พูดจากระแนะกระแหน เยาะเย้ยถากถาง มันเป็นมิจฉาวาจา ไม่ใช่การละชั่ว ทำดี พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน
.
เคยคิดบ้างไหมว่า การด่าว่าพระที่ทำผิดแล้วทำให้ใครดีขึ้น หรือเลวลงกว่าเดิมหรือเปล่า ถ้าพระที่ทำผิดจะดีขึ้นหรือเลวลง ก็ต้องด้วยการกระทำของตัวท่านเอง ไม่ได้ดีขึ้นหรือเลวลง เพราะคำด่าว่าของใคร
.
แต่คำด่าว่าของใครคนนั้น ทำให้ใจคนด่า เป็นบาปเป็นกรรมนั้น แน่นอนนัก เพราะพูดคำหยาบด้วยความโกรธแค้น จิตย่อมเป็นอกุศล อีกทั้งทำให้พระไตรสรณคมน์ในใจของคนนั้นเศร้าหมอง ดีไม่ดีก็อาจเลิกนับถือพระสงฆ์ไปเลย ยิ่งเป็นบาปหนักเข้าไปอีก ถ้าไม่เคารพพระสงฆ์เสียแล้ว หนทางพ้นทุกข์ก็เป็นอันปิดตาย
.
บางคนก็โง่แล้วมาอวดฉลาด บอกว่าเคารพแต่พระพุทธ พระธรรม ส่วนพระสงฆ์ ไม่ขอกราบไหว้ ถ้าจะกราบก็ต้องเลือกกราบแต่เฉพาะที่แน่ใจว่า เป็นพระปฏิบัติดีจริง ๆ เพราะทนเห็นพฤติกรรมชั่ว ๆ ของพระสงฆ์บางรูปไม่ได้
.
ทำประหนึ่งว่า ตัวเองเป็นผู้ปฏิบัติดีเลิศประเสริฐกว่าพระสงฆ์มากมาย จึงจะสามารถรู้ได้ว่า พระองค์ไหนเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สมควรที่จะกราบจะไหว้
.
พระสงฆ์ที่เป็นเนื้อนาบุญอันยิ่งของโลก เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ นั้น ก็มีแต่พระอริยเจ้า ๔ จำพวก คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ ซึ่งผู้จะรู้ได้ก็มีแต่ต้องเป็นพระอริยเจ้าด้วยกันเท่านั้น
.
แม้พระสงฆ์ที่ยังเป็นปุถุชนคนมีกิเลส ไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า แต่อยู่ในประโยคพยายามที่จะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ดำเนินไปตามศีล สมาธิ ปัญญา ก็กราบได้ไหว้ได้ ให้เวลาท่านได้ฝึกจิตฝึกใจบ้าง เมื่อท่านบวชนานไป ท่านก็บรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้าได้ ตามสมควรแก่วาสนาบารมีของท่าน
.
ส่วนผู้ที่ปฏิบัติไม่ดี กระทำผิดผิดธรรมผิดวินัยต้องอาบัติปาราชิก ถึงขั้นขาดจากความเป็นพระแล้ว ถ้าไม่ยอมสละสมณเพศสึกออกไป ประเดี๋ยวก็มีอันเป็นไปตามกรรมของท่านเอง บรรดาญาติโยม ถ้าไม่รู้จักท่านจริง ก็จงอย่าไปตัดสินท่านเลย
.
และอย่าได้หาญกล้าไปคิดเอาเองว่า องค์นั้นองค์โน้นเป็นพระอริยเจ้า โดยว่าตาม ๆ กันไป แล้วก็แห่กันไปกราบไปไหว้ แบบหน้ามืดตามัว จนได้เจอพระอริยเจ้าเก๊ ก็มีให้เห็นอยู่มากมาย
.
ในยุคที่พระพุทธศาสนาใกล้จะเสื่อมสูญ จะเกิดอันตรธาน ๕ อย่าง มี ปริยัติอันตรธาน ปฏิบัติอันตรธาน ปฏิเวธอันตรธาน ลิงคอันตรธาน และธาตุอันตรธาน
.
ในช่วงที่เกิดลิงคอันตรธาน นั้น พระสงฆ์ไม่มีแล้ว จะมีแต่โคตรภูบุคคล คือคนทุศีลประพฤติลามก แต่มีเพียงสัญลักษณ์ของผ้าเหลือง ผูกคอพันแขน มีลูกมีเมียหาอยู่หากินเหมือนชาวบ้านทั่วไป
.
พระพุทธเจ้าตรัสว่า การได้ให้ทานกับโคตรภูบุคคลเช่นนั้น อุทิศแด่สงฆ์ ทานนั้นยังมีอานิสงส์อันหาประมาณมิได้ เพราะผ้าเหลืองอันเป็นธงชัยของพระอรหันต์ ยังมีปรากฏให้เห็นเป็นเครื่องระลึกถึงพระสงฆ์ได้อยู่
.
ถ้าเทียบกับยุคสมัยนี้ แม้พระสงฆ์ท่านจะมีความประพฤติผิดไปบ้าง ถ้ามิได้ต้องอาบัติร้ายแรงถึงขั้นปาราชิก ท่านก็ยังเป็นพระสมบูรณ์อยู่ ถ้าจะเปรียบกับโคตรภูบุคคล ก็ยังนับว่า ดีกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้
.
การกล่าวทั้งนี้ มิใช่จะยกย่องพระปฏิบัติไม่ดี แต่ต้องการชื้ให้เห็นว่า ถึงพระปฏิบัติไม่ดีก็ตาม เราจะรู้หรือไม่รู้ ก็ยกให้เป็นเรื่องกรรมของท่านเสีย กับกรรมของผู้ที่เป็นคู่กรณี เขามีกรรมต่อกันที่ต้องชดใช้กันอยู่ จึงเห็นผิดเป็นชอบ
.
พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้แล้วว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม มันฝืนกรรมไม่ได้ อย่าได้ไปด่าไปว่าไปตำหนิติเตียนให้ใจเราเป็นบาปสกปรกโดยใช่เหตุ
.
ถึงพระปฏิบัติไม่ดี แต่เราทำบุญด้วยใจอุทิศถวายแด่สงฆ์ ก็เป็นบุญใหญ่มีอานิสงส์มาก จงอย่าประมาทพระสงฆ์เสียเลยจะดีกว่า จะ อย่างไรก็ควรเคารพผ้าเหลืองที่เป็นธงชัยของพระอรหันต์
.
แม้พญาช้างพระโพธิสัตว์ โกรธนายพรานที่มาฆ่าลูกฝูง ตั้งใจจะฆ่าให้ตาย แต่พอเห็นผ้าเหลืองที่นายพรานเอามานุ่งห่ม พญาช้างยังใจอ่อนให้อภัยไว้ชีวิต
.
ให้รู้ว่า พระที่เป็นลูกชาวบ้าน ก็ทำดีได้ ทำชั่วได้เป็นธรรมดา ถ้าตัวเราเองไม่ได้ดีกว่าท่าน แต่ไปด่าว่าท่าน ก็จงระวัง!! จะสร้างหลุมนรกให้กับตัวเองโดยไม่รู้ตัว เพียงฟังแต่ข่าว ไม่รู้ความจริง ก็จงรู้แค่ข่าว รู้แล้วก็วางเสีย
.
ถ้าช่วยทำอะไรให้มันดีขึ้นไม่ได้ ก็จงอย่าไปทำอะไรให้มันเลวลง อย่าไปนึกคิดปรุงแต่งเอาเอง ไม่ต้องไปแช่งชักหักกระดูกเขาให้ใจตัวเองเป็นบาป นั่นแหละ จะปลอดภัยที่สุด
.
ส่วนพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ก็คือลูกชาวบ้านเหมือนกัน แต่ท่านเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้า ๔ จำพวก เป็นเนื้อนาบุญอันยิ่งของโลก
.
ท่านเหล่านี้ ท่านอยู่ของท่านเงียบ ๆ ในป่าในเขา ไม่ได้มาประกาศตัวเองอวดโลก หรือเขียนใส่หน้าผากบอกผู้คนไว้ว่า ท่านเป็นพระอริยเจ้า ที่มาประกาศอวดตัวอวดธรรมอยู่ในโซเชียล ล้วนเป็นของเก๊ทั้งนั้น
.
ดังนั้น จงอย่าได้คะนองปาก แล้วด่ากราดพระสงฆ์ไปทั่วบ้านทั่วเมือง ถึงแม้จะมีพระบางรูปปฏิบัติชั่วจริง ก็ยกให้เป็นเรื่องกรรมของท่านเสีย เป็นเรื่องปัจเจกบุคคล ไม่ใช่ความผิดของศาสนา พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้ใครทำชั่ว ต้องรู้จักแยกแยะให้เป็น
.
การด่าว่าพระ ก็ไม่ช่วยทำให้ใครดีขึ้น และก็ไม่ทำให้ใครเลวลง รังแต่จะทำให้คนที่ด่าพระ กับคนที่ได้ยิน เกิดความเข้าใจผิด พลอยโกรธแค้นพระสงฆ์ไปด้วย ก็จะกลายเป็นการสร้างบาปสร้างกรรม ทำให้ใจตัวเอง และใจคนอื่นสกปรก ทำให้พระไตรสรณคมน์ที่อยู่ในใจตนเองเศร้าหมองโดยไม่จำเป็น
.
ให้รู้ไว้เสียนะว่า ชาวพุทธที่ถึง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ อย่างแท้จริง คือถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่งที่ระลึก ไม่มีใครกล้าด่าว่าตำหนิติเตียนพระสงฆ์ ให้ใจตัวเองเป็นบาปเศร้าหมองเปล่า ๆ
.
ชาวพุทธต้องรู้จักแยกแยะให้เป็น ให้รู้จักว่า อะไรเป็นบุญ อะไรเป็นบาป อะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ อันใดใช่ประโยชน์ อันใดไม่ใช่ประโยชน์
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๘
.