วันนี้ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๔ เป็นวันพระใหญ่ ตรงกับแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๒ ปีชวด เป็นวันปาติโมกข์แรกของปีนี้ เหมันตฤดูนี้มีอธิกมาสจึงมี ๑๐ อุโบสถ ปักข์นี้เป็นปักข์ถ้วน อุโบสถนี้ ที่ ๕ ผ่านไปแล้ว ๔ ยังเหลืออีก ๕ อุโบสถ
.
วันนี้มีเกร็ดธรรมเล็ก ๆ มาฝาก ในท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวระอุ เมื่อคืนนี้อุณหภูมิ ๗ องศาซี ตอนเช้า ๑๓ องศา เบาขึ้นมานิดหนึ่ง
.
ถึงวันพระ ญาติโยมมาวัดพอประมาณสัก ๒๐ คน มีถือศีล ๘ บ้าง ๔ คน ส่วนใหญ่ก็ถือศีล ๕ หรือบางคนอาจถือศีลส่วนตัว คือ อยากทำอะไรก็ทำตามอัธยาศัย นั่นแหละ จะบอกว่า ไม่ถือศีลเลย ก็จะพูดตรงเกินไป
.
นี่! หนาว ๆ อย่างนี้ คนที่ไม่มีเมีย ไม่มีลูก ก็ไม่ต้องบ่นหรอกเน้อ! อย่าไปอิจฉาเขา ทนหนาวเอาหน่อย เดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้ว
.
ยังไงก็ดีกว่าไปแบก ทุกข์เพราะเมีย ทุกข์เพราะลูก ไปจนวันตาย นี่! เราพูดจริง ๆ นะ ไม่ได้พูดเล่น แล้วเราก็ทำจริงด้วย ก็เพราะเราเห็นดีเห็นงามอย่างนี้ยังไงเล่า! จึงได้มาบวชอยู่จนทุกวันนี้ อีกทั้งไม่สงวนลิขสิทธิ์ด้วย ถ้าใครจะเห็นตามอย่างเรา
.
คนที่ไม่มีเมียอ่ะนะก็เหมือนกับถูกหวยรางวัลที่ ๑ ถ้าไม่มีลูกด้วย ก็ถูกรางวัลที่ ๒ ถ้าไม่มีทั้งเมียทั้งลูก ก็เท่ากับถูกทั้งรางวัลที่ ๑ และที่ ๒ ฟาด ๒ รางวัลเลย เป็นสุขแสนสาหัสมาก คือกำจัดทุกข์เพราะเมียทุกข์เพราะลูกให้หมดไปได้
.
จะได้มีเวลาไปกำจัดทุกข์อย่างอื่น ซึ่งยังมีอยู่อีกเยอะแยะ แต่อย่าไปสร้างทุกข์ใหม่ให้เกิดขึ้นก็แล้วกัน คือทุกข์เพราะไม่มีเมีย ทุกข์เพราะไม่มีลูก เดี๋ยวรางวัลที่ได้มามันจะหมดไปอย่างรวดเร็ว
.
สมัยก่อน เวลาคนเฒ่าคนแก่ให้พรคู่บ่าวสาว ก็มักจะบอกว่า ให้อยู่ด้วยกันไปจนถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร
.
โห้! รู้สึกสยองมาก คนโบราณจะโหดเกินไปไหม??
.
สมัยนี้คู่สามีภรรยาที่จะอยู่ด้วยกันไปจนถึงขั้นถือไม้เท้า เอาแค่ไม้เท้าธรรมดา ๆ ก็นับว่าหายากมากแล้ว อันนี้จะให้ถือไม้เท้ายอดทองจะไปเอาที่ไหน แถมยังมีกระบองยอดเพชรอีกต่างหาก
.
โอ๊ย!! ถ้าสมพรปากละก็ ตาย ๆๆๆ ต้องอยู่ด้วยกันไปเป็นอสงไขยกัปป์ ก็ยังหาไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชรไม่เจอ พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้กี่ล้านพระองค์ ก็ยังงมโข่งหาไม่เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชรอยู่นั่น!! นิพพานไม่ต้องได้ไปกันล่ะ!
.
อ้าว! แล้วจะให้ข้าให้พรพวกเอ็งยังไงเล่าวะ! อันนั้นเป็นคำพูดเปรียบเปรยเฉย ๆ เว๊ย! หมายความว่าให้อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ไม่ได้อยากให้ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร จริง ๆ
.
ก่อนที่สามเณรเรวัตตะจะบวช แม่บังคับให้แต่งงาน เพราะเกรงว่าพระสารีบุตรจะมาเอาน้องไปบวชอีก จะไม่มีใครสืบสกุล เพราะพวกพี่ ๆ ต่างก็ไปบวชเป็นพระอรหันต์หมดแล้ว แม่มีลูกเป็นพระอรหันต์ ๗ องค์ทีเดียวนะ แต่แม่ก็ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ ยังไม่นับถือพระพุทธเจ้า
.
ตอนแต่งงานก็มีคนมาอวยพรเรวัตตะว่า ขอให้เจ้าจงมีอายุยืนเหมือนยายของเจ้า เรวัตตะก็สงสัยว่า ยายจะเป็นอย่างไรหนอ! ก็ให้คนพาไปดู
.
พอเรวัตตะเห็นยายแก่หง่อมผมหงอกขาวโพรง เดินหลังคดโก่ง หนังเหี่ยวแก้มตอบชราคร่ำคร่า ก็สงสัยอีกว่า ทุกคนจะต้องเป็นอย่างนี้เหมือนกันหมดหรือ?
.
ใช่แล้ว! ถ้าไม่ด่วนรีบร้อนตายไปเสียก่อน ก็ต้องเป็นอย่างนี้ เรวัตตะเป็นผู้ที่สร้างบารมีมาเต็มเปี่ยมแล้ว มีนิสัยของพระอรหัตรุ่งโรจน์อยู่ในขันธสันดาน พอฟังเท่านั้น ก็รู้แจ้งทันที
.
ชะรอย! อุปติสสะผู้พี่เรา คงจะเห็นความจริงอย่างนี้แล้ว จึงได้ไปบวช คิดดังนั้นแล้ว ก็เริ่มวางแผนที่จะหนีไปบวชทันที แล้วก็ได้ไปบวชสมหวัง ได้เป็นสามเณรอรหันต์มีฤทธิ์เดชมากองค์หนึ่งในบรรดาสามเณรทั้งหลาย
.
เห็นไหม? คนเรานั้น ถ้ามีบารมีธรรมสั่งสมมาดีแล้ว ได้เห็นได้ยินอะไร มันจะไปกระตุ้นให้เกิดปัญญาความรู้แจ้งเห็นแจ้งขึ้นได้เองนะ! มันจะไม่ทำอะไรไปตามความอยากของกิเลส
.
มันจะรู้สึกเบื่อหน่ายไปเรื่อย ๆ แล้วจะทำความเพียรเพื่อชำระกิเลสไปเรื่อย ๆ มันหากเป็นเองเน้อ! ไม่ใช่รู้แต่ยังติดยังข้องยังพอใจทำตามกิเลสอยู่ ไม่ทำความเพียรเพื่อปล่อยเพื่อวางอะไรเลย อย่างนั้นไม่เรียกว่ารู้แจ้ง
.
การทำความเพียรคือ จะทำอะไรก็ไม่ยอมให้เป็นไปตามอำนาจบังคับของกิเลส มันจะฝึกจะฝืนจะต้านทานจะแข็งข้อกับกิเลสไปเรื่อย ๆ จนกว่ากิเลสจะหมดเกลี้ยงจากสันดานนั่นแหละ! ทุกสิ่งทุกอย่างจึงจะยุติ
.
เรื่องการทำความชั่ว ส่งเสริมความชั่วแม้เล็กน้อย ก็อย่าได้ฝันเลยว่า จะมีในใจของผู้เช่นนั้น จะมีแต่ความเพียรเดินหน้าเพื่อชำระกิเลสในใจสถานเดียว . ถ้าใครเป็นเช่นนั้นได้ นั่นแหละ คือผู้มีบารมีธรรมที่แท้จริง ผู้เช่นนั้น ไม่ถามหาว่า มรรค ผล นิพพาน อยู่ที่ไหนเลย
.