ความหวังดีต่อผู้อื่น แม้เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามันมีมากเกินไป ก็อาจเป็นเหตุสร้างทุกข์ขึ้นที่ใจตนเอง มิหนำซ้ำ ยังอาจกลายเป็นการสร้างความรำคาญให้แก่ผู้ที่เราหวังดีโดยไม่รู้ตัว
.
ผู้มีปัญญาเมื่อหวังดีต่อใคร ก็จงทำเฉพาะเหตุอันควรเท่าที่จะสามารถกระทำได้ จงรู้จักความพอดี เมื่อทำเหตุดีแล้ว ก็ปล่อยวางเสีย ส่วนผลจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ต้องไปคาดหวัง ปล่อยให้เป็นเรื่องของความเป็นไปเอง ไม่ปล่อยให้ใจเกิดความอยากว่า เขาจะต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างโน้น อย่างที่เราต้องการ
.
หากปล่อยใจให้เกิดความอยากเช่นนั้น นั่นก็คือต้นเหตุที่ทำให้ใจเราเป็นทุกข์ แต่ผู้โง่เขลาย่อมมัวแต่เพ่งโทษต่อว่า ผู้อื่นที่ไม่ทำอย่างที่ตนเองต้องการว่า ผู้นั้นแลมาทำให้ตนเองเป็นทุกข์
.
คนเราย่อมมีกรรมเป็นของตนเองที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยปราศจากการทำเหตุที่ดี
.
ถึงแม้จะหวังดีต่อใครมากเพียงไร อยากที่จะช่วยเหลือเขาดีเพียงไหน แต่ถ้าเขามีกรรมที่จะต้องเป็นไปอย่างไร เขาก็ยังคงต้องเป็นไปตามกรรมของเขาอยู่นั้นเอง ใคร ๆ ย่อมไม่อาจที่จะไปเปลี่ยนแปลงกรรมของคนอื่นให้เป็นไปตามความต้องการของตนเองได้
.
ผู้มีปัญญาเมื่อมาพิจารณาเข้าใจในธรรมข้อนี้ได้ ย่อมไม่วิตกกังวลเดือดร้อนใจในเรื่องราวใดจนเกินเหตุ ทั้งดีใจหรือเสียใจ เมื่อเห็นคนอื่นต้องมีอันเป็นไป ทั้งในทางเจริญหรือในทางเสื่อม
.
สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ใครทำดีก็ได้ดีเอง ใครทำชั่วก็ได้ชั่วเอง บุคคลจะยังคนอื่นให้ดีหรือชั่ว หาได้ไม่
.
นี้! ช่างเป็นประกาศิตธรรมที่ลึกซึ้งคัมภีรภาพ และจริงแท้อย่างหาที่ค้านมิได้เลย หากผู้ใดทำใจให้เข้าถึงความจริงอันนี้ได้ ผู้นั้นแล คือผู้ที่จะพ้นจากทุกข์ สามารถที่จะละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์ จนถึงกระทำที่สุดแห่งทุกข์ให้ปรากฏได้อย่างแท้จริง
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๗
.