ReadyPlanet.com
dot

dot
dot
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
bullet สมัครสมาชิก
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
ชมคลิปวีดีโอน่าสนใจ
ยังไม่มีสมาชิกที่ล็อกอินในขณะนี้
bulletบุคคลทั่วไป 4 คน
dot
dot

dot


ฟัง F.M. 103.25 MHz.
ชมทีวีช่องหลวงตา
ฟังวิทยุออนไลน์ วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน
ชมคลิปวีดีโอน่าสนใจ
เข้าชม face book วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน


บทนำ

Doisaengdham Radio
รับฟังได้ทั่วโลก ผ่านมือถือทั้งระบบ iOS และ Android




DHAMMA TALK

๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘

................

พระทุศีล vs พระบิดเบือนพระธรรมวินัย
.
เราว่า พระทุศีลยังเลวน้อยกว่าพระที่บิดเบือนพระธรรมวินัย เพราะพระทุศีล อย่างมากก็ทำร้ายตัวเองให้ขาดจากความเป็นพระเท่านั้น ไม่ได้ทำลายพระพุทธศาสนา
.
แต่พระที่บิดเบือนพระธรรมวินัยนั้น ทั้งทำร้ายตัวเองด้วย และบ่อนทำลายพระธรรมวินัยซึ่งเป็นเนื้อแท้ของพระพุทธศาสนาให้วิปลาสคลาดเคลื่อนไปด้วย เป็นเหตุทำให้ชาวพุทธเกิดความเข้าใจผิด หลงผิด ปฏิบัติผิดไปจากคำสอนของพระพุทธเจ้า นี้! จึงเป็นกรรมหนักหนาสาหัสสากรรจ์เลยทีเดียว
.
เราไม่เคยคิดรังเกียจคำบริกรรม “พุทโธ เมนาโถ, ธัมโม เมนาโถ, สังโฆ เมนาโถ” เลยสักนิด เพราะเป็นคำพูดที่โบราณาจารย์เคยสอนสืบ ๆ กันมา ให้ใช้ระลึกในเวลากราบไหว้พระพุทธรูป
.
กราบครั้งที่ ๑ ให้ระลึกว่า พุทโธ เมนาโถ กราบครั้งที่ ๒ ให้ระลึกว่า ธัมโม เมนาโถ กราบครั้งที่ ๓ ให้ระลึกว่า สังโฆ เมนาโถ
.
ซึ่งไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอันใด แต่พิษภัยมันอยู่ที่ผู้เอาไปใช้สอนให้คนหลงผิดต่างหาก แต่ชาวพุทธเรา ส่วนใหญ่ชอบที่จะระลึกเพียง พุทโธ กราบครั้งที่ ๑, ธัมโม กราบครั้งที่ ๒, สังโฆ กราบครั้งที่ ๓ โดยไม่ต้องว่า “เมนาโถ” เพราะนิสัยคนไทยชอบพูดอะไร สั้น ๆ อยู่แล้ว
.
อีกอย่างหนึ่ง การบริกรรม “พุทโธ” มีคุณลักษณะพิเศษกว่าอย่างอื่น คือ พุทโธ เป็นพระรัตนตรัยด้วย เป็นพระคุณนามของพระพุทธเจ้าด้วย เป็นคำบริกรรมทำให้จิตสงบได้ด้วย
.
แท้จริง คำว่า พุทโธ ตัวเดียวนี้ ก็หมายรวมเอา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เข้าไว้ด้วยกัน เพราะ พุทโธ ย่อมอุบัติขึ้นในพระพุทธเจ้าก่อน
.
พระจิตที่บริสุทธิ์นั้น คือ พุทโธปรากฏ
ทรงตรัสรู้อริยสัจ ๔ คือ ธัมโมปรากฏ
และทรงสำเร็จเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ สังโฆปรากฏ
.
ทั้ง ๓ นี้ ได้อุบัติขึ้นแล้ว ในวันวิสาขบูชา เพียงแต่ยังไม่ปรากฏให้โลกได้รู้เห็นเท่านั้นเอง
.
เมื่อท้าวมหาพรหมมาอาราธนาธรรม จึงเสด็จไปโปรดปัญจวัคคีย์ และทรงแสดงปฐมเทศนาในวันอาสาฬหบูชาจึงมี ธัมโม ปรากฏขึ้นเป็นแสงสว่างแก่โลก
.
เมื่อพระอัญญาโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรมบรรลุพระโสดาบัน จึงมี สังโฆ ปรากฏขึ้น เป็นสักขีพยานให้โลกได้รับรู้การตรัสรู้อริยสัจ ๔ ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น
.
พุทโธ จึงเป็นพระคุณนามของพระพุทธเจ้า เป็นพุทธคุณ แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
.
พุทโธ แปลว่า ผู้รู้ หมายถึง พระปัญญาคุณ ที่ทรงตรัสรู้อริยสัจ ๔ โดยไม่มีใครเป็นครูอาจารย์สั่งสอน
.
พุทโธ แปลว่า ผู้ตื่น หมายถึง พระบริสุทธิคุณ ทรงตื่นจากกิเลสทั้งปวง เป็นพระอรหันต์ผู้ไกลจากกิเลส
.
พุทโธ แปลว่า ผู้เบิกบาน หมายถึง พระมหากรุณาคุณ ที่ทรงแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ ให้ออกจากทุกข์ได้ ทรงบำเพ็ญพุทธกิจ ๕ ประการ อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ จนวาระสุดท้ายก่อนปรินิพพาน สมดังที่พระองค์ได้ตั้งความปรารถนาที่จะช่วยรื้อขนสัตว์โลกให้พ้นจากทุกข์มาตลอดกาลยาวนาน ๒๐ อสงไขยกำไรเศษแสนมหากัปป์
.
ดังนั้น เมื่อระลึกว่า พุทโธ ก็มี ธัมโม สังโฆ อยู่ด้วยกัน คือ ธาตุรู้ที่บริสุทธิ์หมดจดจากกิเลส เป็นธรรมธาตุ อสังขตธาตุ อสังขตธรรม ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก คือ นิพพาน หนึ่ง นั่นเอง
.
เพราะเหตุนั้น พ่อแม่ครูอาจารย์ใหญ่ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล, หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่เปรียบเหมือนบิดาแห่งวงศ์พระกรรมฐานไทย จนถึงพ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน จึงเน้นสอนศิษย์ให้ภาวนา พุทโธ ๆๆ อย่างเดียวนี้ เท่านั้น เพราะ พุทโธ ตัวเดียวนี้ มีนัยอันละเอียดลึกซึ้งคัมภีรภาพมาก ควรค่าแก่การศึกษาปฏิบัติให้เข้าใจรู้แจ้งแทงตลอดอย่างถ่องแท้ทีเดียว
.
แต่มันน่าประหลาดใจตรงที่ คนที่ไม่กราบไหว้พระพุทธรูป ไม่เคารพรูปเหมือนของพระพุทธเจ้า กลับมาสอนชาวพุทธให้ระลึกว่า พุทโธ เมนาโถ, ธัมโม เมนาโถ, สังโฆ เมนาโถ ที่แปลว่า พระพุทธ เป็นที่พึ่งของเรา, พระธรรม เป็นที่พึ่งของเรา, พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งของเรา นี่สิ! มันดูพิลึกพิลั่นชอบกล จะเป็นที่พึ่งได้อย่างไร ในเมื่อตนเองไม่เคารพแม้รูปเหมือนที่สมมติแทนองค์พระศาสดา
.
การที่บุคคลใดจะระลึกว่า พุทโธ เมนาโถ, ธัมโม เมนาโถ, สังโฆ เมนาโถ ด้วยใจหรือด้วยวาจา ก็มิได้หมายความว่า ผู้นั้นจะถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริง
.
บุคคลนั้นยังต้องมีใจเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างฝังแน่น และยังต้องมีข้อวัตรปฏิบัติที่สัมปยุตด้วยศีล สมาธิ ปัญญา อย่างหนักแน่นมั่นคงอีกด้วย จึงจะถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งได้ มิใช่แค่จินตนาการนึกคิดเอาเอง
.
ผู้มีศรัทธาเห็นปานนั้น ย่อมไม่รังเกียจในการกราบไหว้พระพุทธรูปที่สมมุติให้เป็นรูปเหมือนแทนองค์พระศาสดาอย่างแน่นอน เว้นไว้แต่เป็นพวกเดียรถีย์นอกศาสนากลับชาติมาเกิด อันนี้ก็สุดวิสัย
.
พระพุทธรูป จัดเป็นอุทเทสิกเจดีย์ รวมทั้งสิ่งของต่าง ๆ ที่เป็นเครื่องใช้ไม้สอย จัดเป็นบริโภคเจดีย์ สมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงเจดีย์ ๔ ประเภท ไว้ด้วย ยังมี ธรรมเจดีย์ เจดีย์บรรจุพระธรรมคัมภีร์ต่าง ๆ ธาตุเจดีย์ เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
.
เพราะการกราบไหว้พระพุทธรูปด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ถือเป็นการแสดงความเคารพในองค์พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า กับทั้งพระธรรม และพระสงฆ์ พร้อมกับระลึกว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ อยู่ภายในใจ จะมี เมนาโถ หรือไม่มี ก็ไม่เป็นปัญหา เป็นการแสดงความเคารพในพระรัตนตรัย ด้วยกาย วาจา ใจ อันเป็นบาทฐานเบื้องต้นที่จะชักนำดวงจิตให้เข้าถีงพระไตรสรณคมน์ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้
.
ผู้ที่ไม่กราบไหว้พระพุทธรูป ก็เหมือนไม่มีใจเคารพในพระพุทธเจ้า เพราะนี่คือ รูปเหมือนที่สมมติเป็นองค์แทนพระบรมศาสดา ที่พุทธศาสนิกชนต่างยอมรับ จะไปเถรตรงถือเอาแต่พระธรรมวินัยที่เป็นนามธรรมเป็นองค์แทนพระบรมศาสดาเพียงอย่างเดียว โดยไม่เอารูปธรรมของพระพุทธองค์เลย ที่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ จิตใจก็คับแคบเกินไป
.
ผู้มีทิฏฐิดื้อรั้นเห็นปานนี้ ไฉนจึงจะไปสอนคนให้ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ว่า เป็นที่พึ่ง ด้วยคำบริกรรมว่า พุทโธ เมนาโถ, ธัมโม เมนาโถ, สังโฆ เมนาโถ ได้อย่างไร จึงเป็นเรื่องที่ดูประหลาดมาก และย้อนแย้งกันในตัวเอง เหมือนเล่นปาหี่หลอกคน เพราะใจคิดอย่างหนึ่ง การกระทำกลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง กายกับใจมันไม่ตรงกัน ธรรมท่านสอนว่า บุคคลเช่นนี้ ไม่ควรคบเลย
.
ใคร ๆ ก็รู้ว่า การกราบไหว้พระพุทธรูปนั้น ชาวพุทธกราบไหว้เพื่อแสดงความเคารพ และระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ไม่มีใครไปกราบอิฐ กราบปูน กราบทองเหลือง กราบทองแดง
.
แม้ใครจะมองว่า เป็นการยึดติดพระพุทธรูปก็ตาม ก็เป็นเครื่องระลึกเพื่อเตือนสติให้ละชั่ว ทำดี ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะผู้ที่มีคุณธรรมยังไม่ถึงพระอนาคามี ก็ยังละกามราคะไม่ได้ ยังคงยึดติดในรูปสวย ๆ งาม ๆ อยู่เป็นธรรมดา
.
จึงไม่ควรมาสอนว่า ไม่ต้องยึดติดพระพุทธรูป ไม่ต้องยึดติดรูปเหมือน รูปเคารพ ไม่ยึดติดครูบาอาจารย์ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะจิตยังมีคุณธรรมไม่สูงพอ กิเลสมันพาให้ยึดเอง ธรรมท่านจึงสอน เมื่อจะยึดก็ให้ยึดความดีไว้ก่อน จะได้ไม่ไปยึดชั่ว ทำชั่ว เมื่อจิตมีคุณธรรมสูงมากพอ จิตมันก็รู้ จิตมันปล่อยของมันเอง ไม่ยึดติดแม้กระทั่งความดี ไม่ยึดติดบุญ ติดบาป
.
สิ่งที่ควรสอนให้ไม่ยึดถือคือ อย่าไปยึดติดผัว ติดเมีย ติดลูก ติดทรัพย์สมบัติ ติดข้าวของเงินทอง ติดรถหรู ติดบ้านหรู ติดแบรนด์เนม ติดสิ่งเหล่านี้ต่างหาก ที่มันอันตรายยิ่งกว่ายึดติดพระพุทธรูป เพราะจะเป็นเหตุให้คนทำผิดศีลผิดธรรม ทำทุจริตคดโกง ตายแล้วก็จะไปอบาย
.
ทำไมจึงสอนพิลึกพิลั่น ทางหนึ่งก็สอนให้ทำลายจารีตประเพณี ไม่ต้องกราบไหว้พระพุทธรูปที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ทำลายศาสนพิธีต่าง ๆ
.
อีกทางหนึ่งก็ทำลายคำสอนของพระพุทธเจ้า ด้วยการบิดเบือนให้ผิดเพี้ยนไป จะโดยเจตนา หรือหลงผิดด้วยไม่รู้ก็ตาม ล้วนเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนา อย่างร้ายแรงทั้งสิ้น
.
การระลึกว่า พุทโธ เมนาโถ, ธัมโม เมนาโถ, สังโฆ เมนาโถ เป็นคำบริกรรมใช้เตือนสติตัวเองให้ระลึกถีงพระรัตนตรัยได้ ถือเป็นอารมณ์จิตที่ดี เป็นกุศลจิต ไม่ได้ผิดอะไร ใช้เป็นคำบริกรรมทำให้จิตสงบได้ เพียงแต่คำบริกรรมนั้น ไม่ใช่พระรัตนตรัย ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องก่อน ส่วนจะบอกว่า เป็นแนวทางปฏิบัติที่ตนเองคิดค้นขึ้นมาใหม่ ก็แล้วแต่จะว่ากันไป
.
การที่บอกว่า คำบริกรรม พุทโธ เมนาโถ, ธัมโม เมนาโถ, สังโฆ เมนาโถ สามารถเชื่อมต่อจิตให้เข้าถึงกระแสธรรมแท้ที่มีอยู่ในธรรมชาติได้ จะระลึกว่า “พุทโธ” ก็สู้ไม่ได้ จะระลึกว่า “พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ” ก็สู้ไม่ได้ ตนเองได้ทดลองทำมาหมดแล้ว ต้องระลึกว่า พุทโธ เมนาโถ ฯ ตามแนวทางปฏิบัติที่ตนเองคิดค้นขึ้นมานี้เท่านั้น จึงจะเข้าถึงกระแสธรรมได้ นี่! ก็ไม่รู้ว่า จะอวดรู้อวดฉลาดเก่งเกินไปไหม
.
การที่พยายามบอกว่า “พุทโธ เมนาโถ, ธัมโม เมนาโถ, สังโฆ เมนาโถ” คือการระลึกถึงพระรัตนตรัย ซึ่งทำให้ชาวพุทธเกิดความเข้าใจสับสนว่า การระลึกถึงพระรัตนตรัย ไม่ใช่ระลึกว่า “พุทโธ ธัมโม สังโฆ” หรอกหรือ? เพราะพระรัตนตรัย คือ พุทโธ ธัมโม สังโฆ แปลว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั่นเอง
.
ถ้าไม่อยากสืบทอดของเก่า ก็อย่าได้คิดทำลาย อย่าพยายามทำให้คำสอนของพระพุทธเจ้าผิดเพี้ยนไปจากเดิม ควรรักษาไว้เพื่อส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานด้วยข้อวัตรปฏิบัติที่ถูกต้อง ถ้าจะระลึกถึงพระรัตนตรัย ก็ต้องระลึกว่า “พุทโธ ธัมโม สังโฆ” เท่านั้น นี่! คือ เนื้อแท้ของพระรัตนตรัยจริง ๆ ไม่ต้องต่อเติมอะไรเข้าไป
.
ถ้าต่อเติม “เมนาโถ” เข้าไป อันนี้ไม่ใช่พระรัตนตรัย แต่เป็นคำบริกรรม พูดบอกกับตัวเองว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งของเรา แปลตามศัพท์ก็แปลอย่างนี้ ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องตรงกัน
.
แต่คนพวกนี้ก็แปลต่อเติมเข้าไปอีกให้มันแตกต่างเพื่อสร้างปมเด่นให้กับตัวเองอีกว่า “พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า” ตามศัพท์ไม่มีคำว่า “อันประเสริฐ” นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการที่จะแปลตามใจฉัน โดยไม่ยึดหลักภาษาบาลี อย่างนี้ ยิ่งอันตราย!!
.
อันที่จริง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นของประเสริฐเลอเลิศในตัวเองอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปสมมติต่อเติมอะไรเข้าไปก็ประเสริฐอยู่วันยังค่ำ แต่คนพวกนี้ชอบทำให้เกิดความแตกต่าง ถ้าทำอะไรให้เหมือนของเดิม การที่จะบอกว่า เป็นแนวทางปฏิบัติของตัวเอง ก็ดูจะไม่ขลังนัก
.
จึงต้องสร้างเอกลักษณ์ใหม่ ให้ระลึกถึงพระรัตนตรัยว่า ”พุทโธ เมนาโถ, ธัมโม เมนาโถ, สังโฆ เมนาโถ“ เพื่อยกย่องให้เป็นแนวทางปฏิบัติของตัวเองให้เป็นภาพลักษณ์ใหม่ ซึ่งที่จริง คำนี้เป็นคำบริกรรมชักนำจิตให้สงบได้ จัดเป็นสมถกรรมฐาน เรียก พุทธานุสสติ ธรรมมานุสสติ สังฆานุสสติ ก็เป็นอารมณ์จิตที่ดี แต่ไม่ใช่ พระรัตนตรัย มันต่างบริบทกัน ทำหน้าที่คนละอย่างกัน ต้องพูดกันให้ชัด ๆ
.
ชาวพุทธต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้อง อย่าหลงเข้าใจผิดคิดว่า การบริกรรม “พุทโธ เมนาโถ, ธัมโม เมนาโถ, สังโฆ เมนาโถ” คือ การระลึกถึงพระรัตนตรัย ไม่ใช่อย่างนั้น
.
ถ้าจะระลึกถึงพระรัตนตรัยให้ระลึกว่า “พุทโธ ธัมโม สังโฆ” ตามที่โบราณาจารย์สอนสืบ ๆ กันมา อย่างนี้ ถือว่าถูกต้องแล้ว แต่ถ้าจะบริกรรมให้จิตสงบ จะใช้ พุทโธ เมนาโถ ก็ใช้ได้ หรือจะใช้เพื่อเตือนตัวเองว่า พระพุทธเป็นที่พึ่งของเรา ถ้าชอบใจก็ใช้ได้ ไม่ผิดกติกาอะไร
.
เรื่องที่คนพวกนี้สอนให้คนหลงผิด ยังมีอีกมากมายก่ายกอง จนจาระไนไม่หวาดไม่ไหว เอาแค่คร่าว ๆ เท่าที่เคยได้ยิน อาทิ เช่น
.
ไม่กราบไหว้พระพุทธรูป ไม่ให้มีบัญชีธนาคารเงินของวัด ไม่ให้มีบัญชีธนาคารเงินส่วนตัว ไม่สวดมนต์เป็นภาษาบาลี ต้องประกาศพระปริตรเป็นภาษาไทย ไม่ต้องรักษาศีลก็ทำสมาธิได้ ไม่ต้องนั่งสมาธิตามแบบ นั่งแบบไหนก็ได้ ไม่ต้องเดินจงกรมตามแบบ จะเดินจงกรมเอามือไพล่หลัง ไกวแขน กอดอก ทำยังไงก็ได้ตามใจชอบ
.
ไม่เอาข้อวัตรปฏิปทาที่ครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบพาดำเนิน เรียกว่า ไม่เดินตามครู แต่จะถึงขั้น เป็นศิษย์คิดล้างครูหรือไม่ ก็ดูกันไป
.
ไม่เอาจารีตประเพณี ไม่ต้องมีศาสนพิธี ไม่ต้องกรวดน้ำอุทิศบุญกุศล ให้อุทิศด้วยใจ สอนอริยสัจสี่โดยไม่ต้องทำความเพียรสู้ทุกข์ ไม่กำหนดรู้ทุกข์ของจริงที่มีอยู่ภายในกาย ไม่ต้องดับสมุทัย ไม่ต้องฆ่ากิเลส ให้มีสติรู้ทันก็พอ เพราะกิเลสมันเกิดเอง เดี๋ยวมันก็ดับของมันเอง ไม่ต้องอดนอน ผ่อนอาหาร อดอาหาร ให้ลำบากเปล่า สอนให้ทักอารมณ์ เปลี่ยนอารมณ์ไปเรื่อย ๆ คำสัตย์มีไว้อวดเล่นโก้ ๆ ตระบัดสัตย์เพื่อสมณศักดิ์ได้ไม่เป็นไร
.
ที่จริงเรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ ถ้ามีบุญวาสนาก็เป็นของมาเอง ไม่ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนให้ใครมาผลักดัน หรือทำตัวเป็นขี้ข้าของใคร ถึงเวลาก็ได้มาเองด้วยความดีงาม อย่างนี้จึงเป็นธรรม ถ้าอยากได้ ก็รับได้
.
แต่ถ้าไม่อยากรับ ก็อย่าไปตั้งสัจจะหลอกเขา ก็อยู่เงียบ ๆ ไป ไม่ต้องเขียนใส่หน้าผากบอกใคร เวลาเขาจะให้ถึงค่อยปฏิเสธ ก็แค่ไม่ทำประวัติส่งไปก็เท่านั้นเอง เขาก็ไม่ได้บังคับสักนิด
.
พระไม่มียศ ไม่มีสมณศักดิ์ มันก็ไม่ถึงกับจะลงแดงตายหรอก แต่ถ้าพระตระบัดสัตย์นี่ ไม่ว่าจะเพื่ออะไร ก็ไม่ดีทั้งนั้น เพราะคนที่โกหกได้ทั้ง ๆ ที่รู้ จะไม่ทำความชั่วอื่น เป็นไม่มี
.
ที่สำคัญ คือ การเอาคำสอนผิด ๆ ไปเกี่ยวข้องกับเบื้องสูง อันนี้ อันตราย!! ไม่รู้จักประมาณตน อย่าหลงระเริงว่า ตัวเก่งตัวรู้ตัวฉลาด มันจะนำความฉิบหายมาให้ในภายหลัง ถ้าหวังมรรคผลนิพพานจริงแท้ จงตั้งใจทำความเพียรชำระจิตให้สงบ สำรอกปอกกิเลสออกจากใจให้ได้ นั่นแหละ ดีกว่า
.
ดูอดีตพระค_ เป็นตัวอย่าง ขึ้นได้ก็ลงได้ ตั้งได้ก็ปลดได้ ถ้าไม่อยากฉิบหาย จงรู้ประมาณฐานะของตนเอง ตั้งใจภาวนาอยู่อย่างสงบไปเถอะ! อย่าทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูง จนเกินบุญวาสนาของตัวเอง ขึ้นสูงนักมักโดดเดี่ยว และต้านกระแสลมแรง ถ้าตกลงมามันจะเจ็บปางตาย
.
ธรรมท่านสอนว่า “สันตุษฐี ปะระมัง ธะนัง” แปลความว่า “ความสันโดษเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง” ท่องจำไว้ให้ขึ้นใจ แล้วนำมาปฎิบัติให้ได้ จะดีกว่าที่จะมาสร้างความแตกแยกในสังคม ด้วยการสอนธรรมแหวกแนว แหวกจารีตประเพณี เดี๋ยวจะแพ้ภัยตัวเอง
.
อะไรที่ผิด มันก็ผิดอยู่วันยังค่ำ ต่อให้ใจเราคิดว่าถูก ก็ไม่อาจไปทำให้สิ่งที่ผิด มันกลายเป็นถูกได้ มีแต่จะทำให้ใจเราหลงผิดหนักยิ่งขึ้นไปอีก นั้น แน่นอนนัก
.
ชื่อว่า ไฟมันย่อมร้อนอยู่ตามธรรมชาติของมัน ต่อให้ใจเราคิดว่า ไฟมันเย็น ก็หาได้ทำให้ไฟมันเย็นตามที่เราคิดไม่ ไฟมันก็ยังคงร้อนอยู่เหมือนเดิม ใครเอามือไปจับ มันก็ไหม้ลวกมือเท่านั้นเอง ฉันใดก็ฉันนั้น
.
ไม่เฉลียวใจคิดบ้างเลยหรือว่า พ่อแม่ครูอาจารย์ใหญ่ นักปราชญ์ทั้งหลาย ท่านพาดำเนินมาอย่างไร ตัวเราสอนแหวกแนวผิดไปจากปฏิทาของนักปราชญ์ ไม่เกรงว่า จะถูกกิเลสมันหลอกต้มเอาบ้างหรือ อย่าเอาแต่คิดปรามาสว่า พ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลายสอนผิด เดี๋ยวความฉิบหายจะมาเยือน
.
เมื่อถึงที่สุดที่กรรมจะให้ผล ก็มีแต่ความทุกข์ ความเจ็บปวดทรมาน โลกนี้ใครจะหวังเอาอะไรไปไม่ได้เลย การสอนธรรมผิด คือการทำร้ายตัวเองที่สาหัสสากรรจ์ยิ่งนัก ไม่มีประโยชน์อันใดเลย ฝึกตนเองดีแล้ว จึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่า ทำตามพระพุทธเจ้า นักปราชญ์ทั้งหลายท่านพาดำเนินมาอย่างนี้
.
คนอื่นใครจะโง่ ก็ช่างเขาเถอะ! ไม่ต้องไปเดือดร้อนกับเขา แต่ถ้าตัวเราโง่ ไปสอนเขาผิด ๆ ตัวเรานั่นแล จะฉิบหายไปอบาย
.
ขอให้ชาวพุทธจงใช้สติปัญญาพิจารณาใคร่ครวญให้เข้าใจโดยถ่องแท้ อย่าเชื่อใครง่าย ๆ ดังโบราณว่าไว้ อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง ย่อมเป็นจริงเสมอ
.
บทความนี้ เราไม่มีเจตนาจะให้ร้ายใคร เพียงชี้แจงความจริงให้สังคมรับทราบ ไปตามกำลังสติปัญญา เราอาจหลงผิดก็ได้ ผู้อ่านไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับเรา ควรพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อน และรับเอาไปแต่สิ่งที่ดี สิ่งใดไม่ดีให้ทิ้งไว้ที่ตรงนี้ เอวัง ฯ
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๘
.

https://www.facebook.com/doisaengdham

.

(อ่านบทความเพิ่มเติม)

 

 

  

 

ศาสนาพุทธไม่มีวันเสื่อมจากโลก
วันที่ 16/12/2020   11:57:12

ศาสนาพุทธจะไม่มีวันเสื่อมไปจากโลกไม่ว่ากาลไหนๆ เพราะศาสนาพุทธคือคำสอนที่เป็นสัจธรรม อันเป็นความเป็นจริงที่มีอยู่คู่โลกมาตลอดกาล ไม่ว่าจะมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติตรัสรู้หรือไม่ก็ตาม ศาสนาพุทธก็ไม่มีวันเสื่อมไปจากโลก เป็นเพียงแต่ หากยุคสมัยใดที่ไม่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติตรัสรู้ธรรม ก็จะไม่มีผู้ค้นพบความจริงอันนี้ แล้วนำมาตีแผ่ประกาศธรรมสอนโลกเท่านั้นเอง

ข้อวัตรปฏิปทาในพ่อแม่ครูอาจารย์
วันที่ 30/12/2020   22:50:58

อันที่จริงพวกเราก็รู้กันอยู่อย่างเต็มหัวอกแล้วว่า "พ่อแม่ครูอาจารย์" ท่านบรรลุธรรมสิ้นกิเลส เสร็จกิจในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่อายุ ๓๖ พรรษาที่ ๑๖ ตรงกับวันจันทร์ที่  ๑๕  พฤษภาคม ปี พ.ศ. ๒๔๙๓  เวลา ๒๓.๐๐ น. เป็นคืนเดือนดับ  แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีขาล ที่วัดดอยธรรมเจดีย์  จังหวัดสกลนคร  เหตุที่รู้ มิใช่เพราะพวกเรามีญาณหยั่งรู้จิตของท่าน หรือเพราะได้ยินได้ฟังจากคำบอกเล่าของใครคนใดคนหนึ่ง แล้วเชื่อถือสืบต่อกันมา

ภาพในหลวงช่วงปี 2503 (1960) โดยช่างภาพต่างชาติ
วันที่ 16/12/2020   12:01:58

 รูปภาพทั้งหมดที่นำมาให้ชมนี้เป็นการถ่ายโดยช่างภาพชาวต่างชาติ  ถือว่าเป็นขุมทรัพย์ภาพของในหลวงที่ถ่ายในช่วง พ.ศ. 2503 หรือปี 1960 ซึ่งถ่ายตีพิมพ์ลงบนนิตยสาร LIFE ฉบับวันที่ 20 มิถุนายน 2503

ปฏิบัติธรรมภาวนา ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา อินเดีย-เนปาล ณ.สังเวชนียสถาน 4 ตำบล

ปฏิบัติธรรมภาวนา ณ สังเวชนียสถาน 4 ตำบลระหว่าง 5-17 มีนาคม 67
  2024-03-20

ปฏิบัติธรรมภาวนา ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา อินเดีย-เนปาล ณ.สังเวชนียสถาน 4 ตำบล

โครงการการปฏิบัติธรรม เนื่องในวันนวมินทรมหาราช ถวายพระราชกุศล แด่ ในหลวงรัชกาลที่ 9

โครงการปฏิบัติธรรมเนื่องในวันนวมินทรมหาราชเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชการที่ ๙
  2024-01-29
เนื่องในวันนวมินทรมหาราช
วันนั้นที่ "พ่อของแผ่นดิน" ได้จากพวกเราไป...

 



หลักสูตรอบรมปฏิบัติธรรมข้ามปี
  2024-02-02
กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม 30-31 ธันวาคม - 1 มกราคม 2567
"ชื่อว่าความดีจะทำดีเวลาไหน จะทำมากทำน้อยมันก็ดีทั้งนั้น ขอเพียงอย่าไปทำชั่วก็แล้วกัน"


บริจาคให้กับทางมูลนิธิ รพ.สวนดอก ไว้เป็นทุนรักษาพระภิกษุสงฆ์อาพาธต่อไป
  2022-01-14

๗ มกราคม ๒๕๖๕ รวบรวมปัจจัยจากลูกศิษย์และปัจจัยส่วนตัว ไปบริจาคให้กับทางมูลนิธิ รพ.สวนดอก ไว้เป็นทุนรักษาพระภิกษุสงฆ์อาพาธต่อไป



ส่งมอบเครื่องวัดความดันโลหิตอัตโนมัติ 1 เครื่องให้โรงพยาบาลแม่อาย
  2021-08-02

๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ ไปมอบเครื่องวัดความดันโลหิตอัตโนมัติแบบสอดแขนให้กับโรงพยาบาลแม่อาย ๑ เครื่อง ยี่ห้อ Terumo รุ่น BP500 มูลค่า ๕๐,๐๐๐ บาท เป็นรุ่นที่ดีที่สุดในตอนนี้



โครงการฝึกอบรม "นักเรียนคุณธรรมดีเด่น" รุ่นที่ ๑/๒๕๖๒
  2019-06-01

ขอประชาสัมพันธ์ไปยังโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต ๓



สรุปผลการตัดสินการประกวดเล่านิทาน ครั้งที่ ๘/๒๕๕๖
  2013-04-08

ประกาศผลการตัดสินของคณะกรรมการ ในการแข่งขัน ประกวดเล่านิทานธรรมชาดก ครั้งที่ ๘/๒๕๕๖ ชิงโล่พระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์



ประมวลภาพ พิธีปิดการแข่งขัน และมอบโล่พระราชทาน การประกวดเล่านิทาน ครั้งที่ ๘
  2013-04-08

ชมภาพบรรยากาศ การประกาศผลตัดสิน และมอบโล่พระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์



ประมวลภาพพิธีเปิดโครงการประกวดเล่านิทานธรรมชาดก ครั้งที่ ๘/๒๕๕๖
  2013-04-08

ชมบรรยากาศพิธีเปิดการแข่งขัน และการฟ้อนพื้นเมืองอันเป็นวัฒนธรรมล้านนา จากคณะนักเรียนที่เข้าร่วมการแข่งขัน วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖



ประมวลภาพการแข่งขันประกวดเล่านิทาน ครั้งที่ ๘/๒๕๕๖ ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๗ กุมภาพันธ์
  2013-04-08

ชมภาพบรรยากาศการแข่งขัน ประกวดเล่านิทานธรรมชาดก ครั้งที่ ๘ ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖

หลักเขตวิสุงคามสีมา

กำหนดการพิธีผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต
  2018-10-22

 ขอเชิญร่วมงานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต ฉลองสมโภชอุโบสถ วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน ในวันที่ ๘-๙-๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ดังกำหนดการที่ลงไว้นี้



พิธีปักหมายเขตวิสุงคามสีมา ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖
  2013-08-09

วันนี้ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ ถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของวัดเราที่ต้องจารึกไว้ เราจัดงานแบบเงียบๆเป็นการภายใน โดยเรียนเชิญท่านนายอำเภอแม่อาย



บริษัทกุลธรเคอร์บี้ ถวายผ้าป่าสร้างแทงค์เก็บน้ำฝน ให้กับวัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน
  2012-09-12

บริษัทกุลธรเคอร์บี้มหาชน โดย คุณสุรพร สิมะกุลธร และคณะผู้บริหารระดับสูง ได้ร่วมกันทอดผ้าปาสร้างถ้งเก็บน้ำคอนกรีต ขนาด



ประวัติหลวงตา-ด้วยจิตสำนึกในพระคุณของพ่อแม่ครูอาจารย์
  2011-09-16

ฝึกตนเองดีแล้ว จึงฝึกผู้อื่นชื่อว่า ทำตามพระพุทธเจ้า หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ถือเป็นปูชนียบุคคลที่สำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนา เป็นผู้มีคุณูปการต่อ



"พระพุทธรัชมหามงคลธรรมบดี" ปิดทองเสร็จแล้ว
  2011-07-19

ถ้าจะนับเวลาตั้งแต่เริ่มเททองหล่อพระประธาน ที่จะประดิษฐานในอุโบสถวัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน...



81 เรื่องของ “ในหลวง” ที่คนไทยควรรู้
  2011-07-19

ตลอดเวลา 60 ปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือ “ในหลวง” ของปวงชนชาวไทยทรงครองสิริราชสมบัตินั้น พระองค์ทรงตรากตรำพระวรกาย...



พิธีอัญเชิญ "พระพุทธรัชมหามงคลธรรมบดี"
  2011-07-19

๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒ พิธีอัญเชิญ "พระพุทธรัชมหามงคลธรรมบดี" พระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก ๖๙ นิ้ว



สมเด็จฯประทานพระบรมสารีริกธาตุ
  2011-09-26

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 9 องค์



ที่สุดแห่งสุวรรณภูมิ อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ
  2011-09-26

28 กันยายน 2549 การเปิดน่านฟ้าใหม่ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ถือเป็นหน้าหนึ่งในบันทึกประวัติศาสตร์ชาติไทย ซึ่งสนามบินแห่งนี้ถือเป็นสนามบินที่ทันสมัยที่สุด



“หลวงตามหาบัว” ผิดหวัง “นายกทักษิณ” เสียใจเคยอุ้มชู คิดว่ารวยแล้วจะไม่โกงไม่รีดไม่ไถ
  2011-09-16

 “หลวงตามหาบัว” ผิดหวัง “ทักษิณ” อย่างรุนแรง ยอมรับเสียใจที่เคยอุ้มชูเพราะเห็นว่ารวยแล้วคงไม่โกง หวังจะให้มาช่วย

 


หลวงตาบัวสั่ง "ทักษิณ" ลาออกทันที
  2011-09-16

 หลวงตามหาบัว ขอบิณฑบาตให้ “ทักษิณ” ลาออกทันที ระบุเน่าเฟะจนเหลือแต่ลมหายใจแล้ว จะดีดดิ้นไปหาอะไร



เอาคนหน้าด้านนี้หรือมาเป็นนายก เทศน์อบรมฆราวาส ๒๔ มี.ค.๒๕๔๙
  2012-08-28

วันนี้ตามข่าวทั้งหนังสือพิมพ์ทั้งทีวีบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะมาที่จ.ว.อุดรธานี เพื่อมาหาเสียงให้พรรคไทยรักไทยและตัวเองด้วย



“หลวงตาบัว” ให้สติ อย่าเห็นแก่เงินเกินกว่าชาติ-ศาสน์-กษัตริย์
  2015-08-05

  “หลวงตามหาบัว” เทศนาย้ำคิดผิดที่เคยสนับสนุน “ทักษิณ” เป็นนายกฯ เพราะไม่ได้ดูจิตใจว่าเป็นคนอย่างไร ดูแต่ฐานะการเงินหวังให้มาช่วยชาติ



หลวงตาเตือนทักษิณเป็นครั้งสุดท้ายระวังจะจม!!!
  2015-08-05

 วันนี้ (17 พ.ค. 2549) พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด ในเรื่อง “จะเตือนเป็นครั้งสุดท้าย”