
พุทธประวัติ ๔.นางสุชาดากวนข้าวมธุปายาส นางสุชาดากวนข้าวมธุปายาส นางสุชาดาธิดาของกฎมพี ชาวเสนานิคม ผู้มั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ ครั้งหนึ่ง เธอตั้งความปรารถนาต่อรุกขเทวดา ผู้สิงอยู่ ณ ต้นไม้แห่งหนึ่งว่า หากตนได้บุตรเป็นชายแล้ว จะกระทำบวงสรวงด้วยมธุปายาสอันโอชะ ครั้นเธอได้บุตรชายสมความปรารถนาแล้ว จึงได้จัดแจงกวนข้าวมธุปายาสด้วยตนเอง ซึ่งมีขั้นตอนการดำเนินการที่ซับซ้อน ละเอียดอ่อนและใช้เวลาในการจัดทำมาก
พระมหาโคดมทรงรับถาดข้าวมธุปายาสจากนางสุชาดา เมื่อนางสุชาดาถือถาดทองที่บรรจุข้าวมธุปายาสเต็ม ออกจากบ้านมุ่งไปสู่นิโครธพฤกษ์สถาน พร้อมด้วยนางบริวารเป็นอันมาก เมื่อนางมาถึง ณ ที่นั้นแล้วได้เห็น พระมหาบุรุษประทับอยู่ มีบุคคลิกลักษณะ เป็นที่น่าเลื่อมใสศรัทธา นางสำคัญว่า พระมหาบุรุษนี้เป็นรุกขเทวดาโดยแท้ จึงน้อมนำถาดข้าวมธุปายาสเข้าไปถวาย พระมหาบุรุษทรงเหยียดพระหัตถ์ขวาออกรับข้าวมธุปายาส และทอดพระเนตรดูนาง นางทราบอาการเช่นนั้นแล้วจึงกราบทูลว่า "ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอถวายข้าวมธุปายาส พร้อมกับภาชนะทองอันรองใส่ ขอพระผู้เป็นเจ้าจงรับไปโดยควรแก่พระหฤทัยปรารถนาเถิด" แล้วนางก็กราบถวายบังคมลากลับสู่นิเวศน์ของตน
พระมหาโคดมทรงเสี่ยงบารมีลอยถาด ก่อนที่พระมหาบุรุษจะได้ตรัสรู้ เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีเรื่องเล่าว่า เมื่อทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยาอยู่ 6 พรรษา แล้วยังไม่พบทางตรัสรู้ ทรงแน่พระทัยว่า ทุกกรกิริยานั้น เป็นการทำตนให้ลำบากเปล่า ไม่ใช่ทางตรัสรู้ จึงทรงเลิกทุกกรกิริยา แล้วแสวงหาโมกขธรรมทางมัชฌิมาปฏิปทา เริ่มเสวยพระกระยาหารตามปกติ
โสตถิยะพราหมณ์ถวายฟ่อนหญ้าคาแด่พระมหาโคดม เป็นภาพแสดงพุทธประวัติตอนโสติถิยพราหมณ์ ถวายฟ่อนหญ้าคาแก่พระมหาบุรุษ ก่อนที่พระองค์จะทรงบำเพ็ญเพียรทางจิตเพื่อตรัสรู้ เมื่อทรงรับหญ้าคา แล้วก็ทรงเอามาปูลาดเป็นสันถัตแล้ว ประทับนั่งบนสันถัตนั้น บำเพ็ญเพียรทางจิต จนได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระมหาบุรุษผจญพญาวัสวดีมาราธิราช เมื่อพญาวัสวดีมารเห็นพระมหาบุรุษ กำลังจะพ้นอำนาจของตน จึงได้ระดมพลพร้อมด้วยศัตราวุธนานาชนิด มาประชิดอาสนะบัลลังก์ หมายมั่นที่จะจู่โจมทำลาย พระมหาบุรุษไม่ทรงหวั่นไหว ได้ทรงน้อมพระทัยถึงพระบารมีธรรม สิบทัศ ที่ได้ทรงบำเพ็ญมาแล้วในอดีต ทรงอธิษฐานพระปฐพีมณฑลเป็นสักขีพยาน เสี่ยงพระบารมีธรรมให้เป็นที่ประจักษ์ ด้วยเดชะอำนาจพระบารมีธรรมนั้น พระนางธรณี เทพยดาผู้รักษาแผ่นดิน จึงแปลงเพศเป็นหญิงมาปรากฎกาย อยู่ภายใต้อาสนะบัลลังก์อธิษฐาน แล้วบีบพระเกศาเป็นอุทกธาราใหลหลั่งออกมา ท่วมท้นพญามารและเสนามาร ให้ปราศนาการพ่ายแพ้ไปหมดสิ้น ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่อัสดง
พระพุทธเจ้าทรงเพ่งศรีมหาโพธิ ในสัปดาห์ที่สอง จากวันที่ตรัสรู้แล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จพระราชดำเนินไปทาง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของต้นพระศรีมหาโพธิ ในระยะทางพอสมควรแก่การทอดพระเนตรแล้ว พระองค์ก็ได้ประทับยืน พิจารณาต้นพระศรีมหาโพธิ อันเป็นที่ตรัสรู้นั้น โดยมิได้กระพริบพระเนตร ตลอดหนึ่งสัปดาห์ เสมือนหนึ่งจะทรงทบทวนความทรงจำ ต่อเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วโดยลำดับ และได้หยุดการเวียนว่ายในสังสารวัฏลงเพียงนี้ ต้นไม้ต้นนี้ เป็นที่ให้กำเนิดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ผู้ที่จะนำสัจธรรมอันบริสุทธิ์ สำหรับชำระกิเลสนานาประการของสัตว์โลก เป็นการยืนยันการตรัสรู้ โดยความพอพระทัย
พระพุทธเจ้าประทับในรัตนฆรเจดีย์ หลังจากตรัสรู้แล้วสัปดาห์แรก พระองค์ได้ประทับอยู่ภายใต้ต้นโพธิที่ตรัสรู้นั้น สัปดาห์ที่สอง เสด็จประทับทางด้านทิศอิสานของต้นโพธิ เพ่งพระเนตรต้นโพธิโดยไม่กระพริบพระเนตรตลอดเจ็ดวัน เพื่อคารวะพระธรรม สถานที่นั้นเรียกว่า อนิมิสเจดีย์ แล้วเสด็จจากที่นั้นมาหยุดระหว่างกลางแห่ง พระศรีมหาโพธิ และอนิมิสเจดีย์ ทรงนิรมิตที่จงกรมขึ้น แล้วเดินจงกรม ณ ที่นั้นสิ้นเจ็ดวัน สถานที่นั้นเรียก รัตนจงกรมเจดีย์
ที่มา: http://www.heritage.thaigov.net/religion/bio/index03.htm |