ข้อมูลและรูปภาพทั้งหมดต้องขอขอบคุณจาก Facebook ของคุณ James Apisit มา ณ โอกาสนี้ ทั้งหมดนี้เป็นภาพที่คุณเจมส์รวบรวมขึ้นมา โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

"เกิดไอเดียจากที่เคยทำ Dear Photograph อยู่หลายครั้ง แต่ครั้งนี้ขอทำกับภาพในหลวงบ้าง เพราะตลอด 70 ปีทีผ่านมา ท่านเสด็จพระราชดำเนินทั่วประเทศ โครงการตามแนวพระราชดำริ หรือที่ที่ท่านเสด็จพระราชดำเนิน เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณต่อปวงชนชาวไทย" 

ภาพที่ 1

ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินทรงปลูกต้นยูงทอง ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2529 ท่านทรงปลูกต้นยูงทองนี้จะ 30 ปีละ ปล. เริ่มต้นภาพแรกด้วยภาพใกล้ ๆ กทม. และหาข้อมูลภาพได้ก่อน ภาพขาวดำนี้ Thammasat University Official นำมาลงไว้ใน Facebook เลยขอนำมาใช้ ณ โอกาสนี้ด้วย) ถ่ายเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2559

ภาพที่ 2

ภาพในหลวงกำลังทรงรดน้ำต้นยูงทอง เป็นภาพที่สองที่เห็นในเพจธรรมศาสตร์มี 2 รูป เกือบ 30 ปีผ่านไป ต้นสูงใหญ่ขึ้นเยอะเลย ปกติ ต้นหางนกยูงจะออกดอกสวยงามช่วยเปิดเทอมแรกใหม่ ๆ ช่วงเดือนกรกฎาคม จำได้ว่าช่วงที่เรียนอยู่ทุกปีต้องพกกล้องมาถ่ายยูงทองกับโดมท่าพระจันทร์-รังสิตเสมอๆ ถ่ายเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2559

ภาพที่ 3

ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินทรงปล่อยน้ำจากอ่างเก็บน้ำทุ่งมะขามหย่องเข้านา เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2539 จ.อยุธยา ปัจจุบันมีการปรับปรุงประตูน้ำใหม่ แทบไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าคือจุดนี้ที่ในหลวงเสด็จมา เมือเกือบ 21 ปีที่แล้ว
ถ่ายเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2559

 ภาพที่ 4

ในหลวง รัชกาลที่ 9 สมเด็จพระราชินีฯ และสมเด็จพระเทพฯ ทรงประทับ ณ ห้องรับรอง ที่บริเวณพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ทุ่งมะขามหย่อง จ.พระนครศรีอยุธยา วันที่ 25 พฤษภาคม 2555  ในหลวงเสด็จมาบริเวณนี้หลายครั้งเพราะที่นี่คือแก้มลิงที่คอยรับน้ำเหนือ เพื่อชะลอน้ำท่วม
ปล.ภาพอาจจะไม่ได้สเกลเพราะภาพที่ได้ถ่ายด้วยเทเล แต่พอเทียบกับสถานที่จริง ก็นึกถึงพระองค์ขึ้นมาจริงๆ ถ่ายเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2559


              

 ภาพที่ 5

ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จพร้อมด้วย สมเด็จพระราชินีฯ ทรงเคียวเกี่ยวข้าวในแปลงนาที่ทุ่งมะขามหย่อง จ.อยุธยา เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2539 จากที่ทรงปล่อยน้ำจากประตูน้ำเข้าทุ่งนา (ภาพก่อนหน้านี้) ท่านจึงเสด็จมาเกี่่ยวข้าวซึ่งเป็นผลผลิตจากการปล่อยน้ำของพระองค์่ท่าน
ทั้งนี้เมื่อปี 2538 ประเทศไทยเกิดน้ำท่วมหนักโดยเฉพาะบริเวณนี้ (พื้นที่แปลงนาที่ท่านทรงเคียว ตอนนี้บางส่วนเป็นที่โล่ง ลงไปถ่ายรูปได้ อยู่ตรงข้ามกับพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัยเลยหล่ะ)
ปล. โครงการจัดสร้างพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัยนั้น พื้นที่ทุ่งมะขามหย่องเป็นโครงการอันเนื่องจากพระราชดำริ ที่ทำขึ้นตั้งแต่ปี 2531 และเสร็จเมื่อปี 2538 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้ทำเป็นโครงการแหล่งน้ำ เพราะ จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมบ่อย จึงให้ขุดดินตรงทุ่งมะขามหย่องเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ เอาดินนั้นมาเป็นคันและเกาะ และได้มีการสร้างพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย เพื่อให้คนรุ่นหลังทราบถึงวีรกรรมของท่านที่ช่วยเหลือบ้านเมืองไว้ นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่า สระน้ำดังกล่าวหากฤดูแล้ง ให้เก็บกักน้ำไว้สำหรับประชาชนพระนครศรีอยุธยา ส่วนฤดูฝนให้เก็บกักน้ำไว้ป้องกันน้ำท่วม แสดงให้เห็นว่าพระองค์ท่านทรงห่วงใยต่อประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก(ข้อมูลนี้่จากมติชน) ถ่ายเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2559

ภาพที่ 6

ภาพคุ้นเคยที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงถ่ายภาพพระราชินี (ขณะทรงเคียวเกี่ยวข้าวที่ทุ่งมะขามหย่อง 24 พ.ค. 2539) ถ่ายเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2559

ภาพที่ 7

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2557
ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ณ ลานพระราชานุสาวรีย์ฯ ภาพ original จาก Facebook Information Division of OHM

ภาพที่ 8

13 มกราคม 2558 เวลา 17.29 น.
ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงวางพวงมาลัยถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระรูปสมเด็จเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ และทรงทอดพระเนตรทัศนียภาพสองฝั่งริมน้ำเจ้าพระยาที่บริเวณริมเขื่อน ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับยังที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช  ภาพ original จาก Facebook Information Division of OHM

ภาพที่ 9

15 กรกฎาคม 2520 
ในหลวง รัชกาลที่ 9 สมเด็จพระราชินีฯ ทรงฉายพระรูปร่วมกับสมเด็จพระเทพฯ ในวันรับพระราชทานปริญญาบัตร หลังพระองค์ทรงจบการศึกษาจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Chulalongkorn University ประจำปีการศึกษา 2520 ในการนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ และ พระองค์เจ้าโสมสวลี โดยเสด็จด้วย
ปล.ไม่น่าเชื่อเลยว่าภาพนี้มีอายุ 39 ปีแล้ว....

ภาพที่ 10 

15 กรกฎาคม 2520 
(อีกภาพหน้าคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ในหลวง รัชกาลที่ 9 สมเด็จพระราชินีฯ ทรงถ่ายภาพร่วมกับสมเด็จพระเทพฯ ในวันพิธีประสาทปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจำปีการศึกษา 2520 ในการนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ และ พระองค์โสม ทรงร่วมถ่ายภาพด้วย

ภาพที่ 11

29 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินประทับรถพระที่นั่งไปยังร้านโกลเด้นเพลส ชั้นบี โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาการุณย์  ภาพ original จาก Facebook Information Division of OHM

 

ภาพที่ 12

6 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 
ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดสระสุวรรณชาด ณ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และได้ทรงพาคุณทองแดงสุนัขทรงเลี้ยงมาร่วมในพิธีเปิดสระด้วย คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานสระว่ายน้ำสำหรับการรักษาแบบธาราบำบัด ให้สุนัขที่ป่วยด้วยโรคข้อกระดูก และโรคระบบประสาท จำนวน 2 สระ  โดยในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานเงินรายได้จากการจำหน่ายเสื้อคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง พร้อมทั้งพระราชทานชื่อสระว่ายน้ำว่า "สระสุวรรณชาด" ตามชื่อของคุณทองแดง  ภาพ origianal จาก งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ข้อมูลจากเว็บมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ถ่ายเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2559

 

ภาพที่ 13

29 พฤศจิกายน พ.ศ.2506
ในหลวง รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงปลูกต้นนทรี ๙ ต้นบริเวณหน้าหอประชุม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๖ และในคราวเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้น ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้า ฯ ให้ นิสิตปัจจุบัน นิสิตเก่า รวมทั้ง คณาจารย์เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด หลังจากนั้น ในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงปลูกต้นนนทรีเรียบร้อยแล้ว ล้นเกล้าฯทั้งสองพระองค์ได้เสด็จ ฯ เข้าสู่หอประชุม เพื่อทรงดนตรีร่วมกับ วง อ.ส.วันศุกร์ ซึ่งมีอาจารย์ และศิษย์เก่า ของ มก. รวมอยู่ด้วย ได้แก่ อ.ระพี สาคริก (นักดนตรีและโฆษก) และนายอวบ เหมะรัชตะ เป็นต้น  ภาพ original จาก สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม ม.เกษตรศาสตร์  ข้อมูลจาก ม.เกษตรศาสตร์ และ เมเนเจอร์  ถ่ายเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2559

 

ภาพที่ 14

30 ตุลาคม พ.ศ. 2499  
ในภาพพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จลง ณ บริเวณหน้าพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร ฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ผู้เป็นพระราชอนุสาวนาจารย์ และพระศาสนโศภณ เจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยารามผู้เป็นพระราชกรรมวาจาจารย์ พร้อมด้วยพระภิกษุวัดบวรนิเวศวิหาร เสร็จแล้วฉายพระบรมฉายาลักษณ์เดี่ยว  หลังจากเสร็จการฉายพระบรมฉายาลักษณ์แล้ว เสด็จเข้าพระอุโบสถทรงทำวัตรเย็น แล้วทรงสดับพระนิพนธ์ของสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช เรื่อง “คนกับธรรม” ซึ่งพระมหาบุญธรรมอ่านถวาย  โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จออกทรงผนวชเป็น พระภิกษุในพระพุทธศาสนา และเสด็จประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงปฏิบัติสมณธรรมเป็นเวลา 15 วัน คือระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 จึงทรงลาผนวช  ภาพ original อินเตอร์เน็ต  ข้อมูล มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย   ถ่ายเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ภาพที่ 15 

5 พฤศจิกายน พ.ศ.2499  ภาพลำดับที่ 15 ต่อเนื่องจากภาพเมื่อวาน  มีใครเคยทราบไหมว่า ในหลวงทรงปลูกต้นสักไว้ในวัดบวรฯ ครับ  พระองค์ปลูก "ต้นสัก" ไว้ครบ 60 ปี วันนี้พอดี  และเป็นวันที่พระองค์ท่านทรงลาผนวช ผมพาลูกเดินไปตามหาต้นสักนี้ จนเจออยู่ที่ กุฏิคณะตำหนักฯ ในวัดบวร ได้คุยกับพระที่วัด หลวงพี่บอกว่า ตอนพระองค์ทรงผนวช ทรงประทับอยู่ที่กุฏิพระตำหนัก ตอนนี้ห้องที่ทรงประทับขณะผนวช ปิดไว้ และเก็บข้าวของเครื่องใช้ไว้ภายในเป็นอย่างดี  ครั้งที่สมเด็จพระบรมฯ ทรงผนวช ก็ประทับอยู่ห้องที่ในหลวงเคยประทับอยู่เช่นกัน  (ห้ามขึ้นไปดูนะครับ ผมก็มองตัวตึกอาคาร แล้วรำลึกถึงพระองค์ด้วยใจ)
ภาพ original จากอินเตอร์เน็ต  ถ่ายเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2559

ภาพที่ 16 

5 พฤศจิกายน พ.ศ.2499  
ในหลวงขณะเสด็จพระราชดำเนินลงจากตำหนักจันทร์ วัดบวรฯ ในวันทรงลาผนวช  ตลอด 15 วัน ตั้งแต่ทรงผนวช ในวันที่ 22 ต.ค - 5 พ.ย. 2499 ระหว่างที่ทรงดำรงสมณเพศ ทรงปฏิบัติพระราชกิจ เช่นเดียวกับพระภิกษุทั้งหลายอย่างเคร่งครัด ทรงทำวัตรเช้า-เย็น และออกรับบิณฑบาตเหมือนพระภิกษุทั่วไป ตอนนี้ ที่วัดบวรฯ ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่ายขณะทรงผนวชให้ได้รำลึกถึงพระองค์ด้วย  ภาพที่ 16 ถ่ายเมื่อวันที่ 4 พ.ย.2559  ภาพ original จากอินเตอร์เน็ต

ภาพที่ 17

20 มิถุนายน พ.ศ. 2513  
ในหลวง รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีฯ ทรงโบกพระหัตถ์ให้กับประชาชนที่จังหวัดนครสวรรค์  โดยที่ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ที่อำเภอเมือง จ.นครสวรรค์  ภาพ original โดยเพื่อนที่จบโรงเรียนชายด้วยกันส่งมาให้ครับ  ถ่ายเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2559

               

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2557 
วันนี้ครบรอบ 2 ปีที่.....ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
ณ ลานพระราชานุสาวรีย์ฯ  ภาพ original จาก Facebook Information Division of OHM

 

               

 

ภาพที่ 19

25 มกราคม 2510
จ.กำแพงเพชร  ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี ที่จังหวัดกำแพงเพชร ทรงเยี่ยมราษฎรเป็นครั้งแรก ภาพนี้ถ่ายบริเวณศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชรเดิม (ปัจจุบันเป็นที่ว่าการอำเภอเมือง) หลังจากนั้น พระองค์ทรงเสด็จกำแพงเพชรอีก 2 ครั้ง จากการเสด็จพระราชดำเนินที่จังหวัดนี้ ได้เกิด "โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่อทองแดง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ" ขึ้น โดยทรงวางแนวทางไว้ เมื่อ 30 ม.ค. 2521 (เสด็จกำแพงเพชรครั้งที่ 3) โครงการนี้เป็นการพัฒนาคลองโบราณให้กว้างขึ้นและส่งน้ำไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้ ซึ่งช่วยเหลือราษฎร อ.พรานกระต่าย ที่ขาดแคลนน้ำทำการเพาะปลูก ใช้วิธีขุดคลองชักน้ำ รับน้ำนองจากแม่น้ำปิง และสร้างคลองส่งน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรครอบคลุมถึง 100,000 ไร่  พ่อผมบอกว่า คลองนี้ให้ประโยชน์กับคนในพื้นที่ใกล้เคียงหลายอำเภอ และไปถึงสุโขทัย เป็นสิ่งที่ยังมีประโยชน์กับพวกเราจนถึงปัจจุบันนี้  ผมคนกำแพงเพชร สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมากครับ  ถ่ายเมื่อ 6 พ.ย.59

 

               

 

ภาพที่ 20

26 มิถุนายน 2514  
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถทรงเปิดอาคารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในหลวงเคยทรงมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า "นักหนังสือพิมพ์เป็นผู้เสนอข่าวสาร ความรู้ ความคิดเห็น รวมทั้งเป็นปากเสียงแทนผู้อื่น ทุกเรื่องทุกสิ่งที่ท่านนำลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ แพร่หลายไปได้โดยรวดเร็วและกว้างขวางอย่างไม่มีขอบเขต จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จักต้องปฏิบัติงานด้วยความตั้งใจ ด้วยความพิจารณาที่รอบคอบ ด้วยความสุจริตยุติธรรม และด้วยความสำนึกในความรับผิดชอบเป็นพิเศษอยู่เป็นนิตย์..." 

ทรงให้ความสำคัญกับทุกอาชีพ และให้ข้อคิดสอนเราว่า ทุกหน้าที่และทุกอาชีพมีความสำคัญ และต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด  ถ่ายเมื่อวันที่ 10 พ.ย.2559

 

               

ภาพที่ 21

 

31 พฤษภาคม 2506  
เมื่อครั้งในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระราชินีเสด็จฯ เยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการระหว่าง 27 พ.ค. - 5 มิ.ย. 2506 เพื่อการเจริญสัมพันธไมตรี และทรงดูงานเพื่อนำกลับมาใช้พัฒนาประเทศ

ในวันที่ 31 พ.ค. ปีนั้น ทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple) ในเมืองนารา ภาพที่เห็นนี้ คือภาพขณะทรงเยี่ยมชม ฟีนิกซ์ ฮอล (Phenix hall) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นสัญลักษณ์ด้านหลังของเหรียญ 10 เยน  ในการเสด็จเมืองต่างๆ ของพระองค์ท่านทั้งสองในญี่ปุ่น นอกจากเจริญสัมพันธไมตรีแล้ว ยังทรงทอดพระเนตรการดำเนินการของอุตสาหกรรมต่างๆ ของญี่ปุ่น เพื่อนำเทคโนโลยี องค์ความรู้มาใช้กับการพัฒนาประเทศไทยด้วย  ผมเดินทางมาญี่ปุ่น ครั้งนี้ ปรับเปลี่ยนแผนการเที่ยวจากเดิม ตั้งใจค้นหาข้อมูลเพื่อตามรอยที่ที่ในหลวงเคยเสด็จ  ญี่ปุ่นเป็นที่ที่คนไทยเดินทางมาเที่ยวเยอะ ผมเองก็เที่ยวระแวกนี้แล้ว ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า พระองค์เสด็จพระราชดำเนินหลายแห่ง ผมอยากให้คนไทยที่อยู่ในญี่ปุ่นเอง หรือ เดินทางมาเที่ยวในที่เหล่านี้ ได้รู้สึกเหมือนกับผมว่า ในหลวงอยู่กับเราทุกแห่ง และ ทุกก้าวย่างของท่านทำเพื่อประโยชน์สุขของคนไทย

ถ่ายเมื่อวันที่ 14 พ.ย.2559  ขอบคุณภาพ original และข้อมูลจาก หนังสือ เสด็จฯ เยือนประเทศญี่ปุ่น ปี พ.ศ. 2506 โดยฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักพระราชวัง

 

               

 

ภาพที่ 22

 

31 พฤษภาคม พ.ศ. 2506
อีกสถานที่ที่มีโอกาสได้ตามรอยเสด็จของในหลวง รัชกาลที่ 9 คือที่วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) ในเมืองนารา มีวิหารไดบุทซึ ซึ่งเป็นโครงสร้างไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในหลวงและพระราชินีได้เสด็จสักการะพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ สูงถึง 54 ฟุต หนัก 432 ตัน ที่วัดนี้ ระหว่างที่เสด็จยังมีภาพที่พระองค์อยู่ท่ามกลางฝูงกวางใน Nara Park ด้วย และนอกจาก 2 ภาพที่ผมโพสต์เมื่อวานกับวันนี้ ในหลวง รัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระราชินียังเสด็จอีกหลายแห่งในโตเกียว เกียวโต นาโกย่า นารา โอซาก้า เสียดายที่ผมมีเวลาไม่มาก และมีภาพที่รู้จุดชัดเจนเบื้องต้นเท่านี้...ตั้งใจว่า ถ้ามีภาพอีก คงได้กลับมาเดินทางตามรอยที่พ่อไปในญี่ปุ่นอีกสักหนครับ  เกร็ดความรู้จากหนังสือ เสด็จฯ เยือนประเทศญี่ปุ่น ทำให้ผมทราบว่า ทั้ง 2 พระองค์ทอดพระเนตรการดำเนินงานของอุตสาหกรรมต่างๆ ของญี่ปุ่น ทั้งโรงงานผลิตกล้องถ่ายรูปแคนนอน (Canon Camera Co., Ltd) บริษัทนิปปอนอิเล็คทริค (Nippon Electric Co., Ltd) บริษัทอุตสาหกรรมไฟฟ้ามัตสุชิตา อิเล็คทริค (Ibaragic Factory of Matsushita Electric Industry Co., Ltd) หรือแม้แต่โรงงานทำผ้าไหมด้วยครับ  ยังเหลืออีกที่ที่ผมจะได้ไปตามรอยที่ที่พ่อไปในโตเกียว แล้วจะหาภาพมาให้ระลึกถึงพระองค์ท่านไปด้วยกันครับ

 

ถ่ายเมื่อวันที่ 14 พ.ย.59  ขอบคุณภาพ original และข้อมูลจาก หนังสือ เสด็จฯ เยือนประเทศญี่ปุ่น ปี พ.ศ. 2506 โดยฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักพระราชวัง

 

                

 

ภาพที่ 23

 

 

29 พฤษภาคม พ.ศ. 2506

ในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระราชินี ระหว่างเสด็จเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังทำเนียบเอกอัครราชทูตไทยประจำญี่ปุ่นด้วย ภาพที่ทรงพระราชดำเนินในสวนของทำเนียบเอกอัครราชทูตเป็นภาพหนึ่งที่ผมประทับใจมาก  การเสด็จเยือนประเทศญี่ปุ่นของทั้งสองพระองค์ยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และสองราชวงศ์ด้วย 

ผมได้โอกาสที่ดีมาก จากเพื่อนรุ่นน้องที่ประสานไปที่สถานทูตญี่ปุ่น และท่านทูต บรรสาน บุนนาค เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ให้เกียรติพาเดินไปชมทำเนียบเอกอัครราชทูตและบริเวณสวน พร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ที่ท่านได้เคยเข้าเฝ้าในหลวง ผมยังสัมผัสได้ถึงความภูมิใจในการเป็นข้าราชการ และท่านบอกผมประโยคหนึ่งว่า #เราเป็นคนของพระองค์ ซึ่งเป็นคำที่ทำให้ผมรู้สึกซึ้งใจมากครับ

สวนของทำเนียบทูตฯ ถึงจะผ่านมา 53 ปีแล้ว ยังมีต้นไม้ส่วนที่เหมือนเดิม และส่วนที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ทุกครั้งที่ทำภาพแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจที่เกิดในรัชกาลที่9 

 

ขอบคุณภาพ original และข้อมูลจาก หนังสือ เสด็จฯ เยือนประเทศญี่ปุ่น ปี พ.ศ. 2506 โดยฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักพระราชวัง ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2559 

ขอบคุณ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น - 在東京タイ王国大使館

 

               

 

ภาพที่ 24

 

9 พฤษภาคม 2506

พระราชอริยาบถที่แสนอบอุ่นของในหลวงรัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระราชินี ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินที่สวนของทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว เห็นภาพนี้เห็นถึงความรักของสองพระองค์  ในความรู้สึกของผม ในหลวงเป็นแบบอย่างให้พวกเราหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องครอบครัว 

 การเดินทางตามรอย "ที่ที่พ่อไป" ในญี่ปุ่นครั้งนี้ จบลงที่ภาพนี้ แต่ระหว่างการเดินทาง ผมผ่านการค้นข้อมูล และพบเรื่องราวที่พระองค์เจริญสัมพันธไมตรี โดยเฉพาะเรื่อง "ปลานิล" (อยากให้ไปอ่านกันที่ facebook ของ อ.ธรณ์ Thon Thamrongnawasawat ที่เขียนไว้) รู้สึกว่า เรามีในหลวงที่เก่งและทำเพื่อพวกเราในทุกเรื่องจริงๆ 

 

私はラーマ9世時代に生まれた

ประโยคภาษาญี่ปุ่นนี้แปลว่า #ฉันเกิดในรัชกาลที่ 9 .. การเดินทางครั้งนี้ เรื่องราวที่ได้อ่าน ได้ฟัง และการมองภาพอดีตซ้อนปัจจุบันผ่านเลนส์กล้อง ยิ่งทำให้ผมภูมิใจที่เกิดในรัชกาลที่ 9 

 

ตอนที่ใส่เสื้อข้อความนี้เดินทางในญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นถามผมด้วยว่า Your king is good? ผมตอบไปว่า "My king is good, he is our beloved king forever"

 

 

ถ่ายเมื่อวันที่ 18 พ.ย.2559  ขอบคุณภาพ original และข้อมูลจาก หนังสือ เสด็จฯ เยือนประเทศญี่ปุ่น ปี พ.ศ. 2506 โดยฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักพระราชวัง

ขอบคุณ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น - 在東京タイ王国大使館

 

               

ภาพที่ 25

 

25 มกราคม 2510 จ.กำแพงเพชร

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงปลูกต้นสักที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชร (ปัจจุบันคือที่ว่าการอำเภอเมืองฯ) โดย ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี ที่จังหวัดกำแพงเพชร ทรงเยี่ยมราษฎรเป็นครั้งแรก ใน พ.ศ. 2510  

ถ่ายเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2559  ภาพ original จาก ที่ว่าการอำเภอเมือง จ.กำแพงเพชร

 

 

               

 

ภาพที่ 26

 

6 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 

ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดสระสุวรรณชาด ณ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และได้ทรงพาคุณทองแดงสุนัขทรงเลี้ยงมาร่วมในพิธีเปิดสระด้วย  โดยในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานเงินรายได้จากการจำหน่ายเสื้อคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง พร้อมทั้งพระราชทานชื่อสระว่ายน้ำว่า "สระสุวรรณชาด" ตามชื่อของคุณทองแดง

 

ถ่ายเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2559  ภาพ origianal จาก งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ข้อมูลจากเว็บมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

 

               

 

ภาพที่ 27

 

16 พฤศจิกายน 2545

"ปลูกป่าแล้วต้องให้ชาวบ้านได้ประโยชน์ด้วย" คือพระราชดำรัสของในหลวง เมื่อครั้งเสด็จปลูกต้นโกงกางใบใหญ่ ที่ศูนย์เรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี ซึ่งเป็นศูนย์ศึกษาเรียนรู้ด้านการฟื้นฟูป่าชายเลนจากนากุ้งร้างแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองเก่า – คลองคอย ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 

พื้นที่บริเวณนี้เคยใช้เป็นนากุ้งพื้นที่ป่าชายเลนเสื่อมโทรม ปี 2539 ขณะเสด็จพระราชดำเนินบริเวณปากน้ำปราณ ทรงมีความเป็นห่วงสถานการณ์ป่าชายเลนที่ลดลงเรื่อย ๆ กรมป่าไม่จริงยกเลิกสัมปทาน และเริ่มทำการฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลน ได้ความร่วมมือจากชาวบ้านชุมชนปากน้ำปราณ และมีบริษัท ปตท. เข้ามาช่วยตามโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ และพัฒนาเป็นศูนย์ศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลน ทดลองเรียนรู้วิธีต่างๆ จากการปฏิบัติ ผสมความรู้วิชาการกับภูมิปัญญาท้องถิ่น จากความร่วมมือของชุมชนชาวปากน้ำปราณ นักวิชาการ และปราชญ์ชาวบ้าน

ทางเดินยาวที่ถอดตัวลงไปในป่าชายเลนให้เดินศึกษาธรรมชาติ ที่ปากทางเริ่มต้น มีต้นโกงกางต้นใหญ่เติบโตงอกงาม...#ต้นไม้ที่พ่อปลูก 

วันนี้ที่ศูนย์เรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินีมีต้นไม้ พืชพรรณเติบใหญ่ และเป็นสถานที่อนุบาลสัตว์น้ำเช่นปูกุ้งหอย จุดเริ่มต้นของความสมดุลตามธรรมชาติ

พ่อไม่ได้แค่ปลูกต้นไม้ต้นเดียว แต่พ่อทำให้พื้นที่มีชีวิตอีกครั้ง

ศูนย์เรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี ที่ปากน้ำปราณอยู่ห่างไม่กี่กิโลเมตรจากตัวเมือง #หัวหิน พวกเราไปเข้าไม่นานก็ได้เรียนรู้ถึงระบบนิเวศของป่าชายเลนอย่างครบวงจร ใครว่าง ๆ ไปเดินศึกษาสิ่งที่ในหลวงทำได้เลยนะครับ

ถ่ายเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2559  ขอบคุณภาพจาก ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี

 

               

ภาพที่ 28

 

9 มกราคม พ.ศ. 2557

ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน สิรินาถราชินี วนอุทยานปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นการส่วนพระองค์ ทรงติดตามผลการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน สิรินาถราชินี และเสด็จพระราชดำเนินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เพื่อทรงทอดพระเนตรความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน ซึ่งศูนย์แห่งนี้ กรมป่าไม้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และชาว ต.ปากน้ำปราณ ร่วมใจกันอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าชายเลนด้วยการปลูกป่าเพิ่มเติม โดยเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2545 ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มายังพื้นที่ป่าแห่งนี้ ในพิธีน้อมกล่าวน้อมกระหม่อมถวายโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ 1 ล้านไร่ ในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติ เป็นปีที่ 50

ข้อมูลบางส่วนจากเว็บข่าว manager  ภาพ original จาก Facebook สำนักราชเลขาธิการ

 

 

              

 

ภาพที่ 29

 

29 พฤศจิกายน 2506

 

วันนี้เมื่อ 53 ปีที่แล้ว ในหลวง รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงปลูกต้นนทรี ๙ ต้นบริเวณหน้าหอประชุม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๖ ในวันนี้ ชาวเกษตรศาสตร์รวมตัวกันจัดงาน "นนทรีทรงปลูก ดนตรีทรงโปรด" ที่ม.เกษตร วิทยาเขต บางเขน ตั้งแต่เวลา 17.00 น.

ถ่ายเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559  ภาพ original จาก สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม ม.เกษตรศาสตร์  ข้อมูลจาก ม.เกษตรศาสตร์ และ เมเนเจอร์

 

 

               

 

ภาพที่ 30

 

29 พฤศจิกายน 2506

ในหลวง รัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระราชินี ทรงปลูกต้นนนทรี 9 ต้น วันนี้เมื่อ 53 ปีที่แล้ว บริเวณสระพระพิรุณ ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน Kasetsart University ในวันนี้ ชาวเกษตรศาสตร์รวมตัวกันจัดงาน "วันที่ระลึกวันนนทรีทรงปลูก ดนตรีทรงโปรด สืบสานวันทรงดนตรี" ที่บริเวณด้านหน้าหอประชุมด้วยนะครับ

ปล. ต้องบอกไว้นิดนึงครับว่า ผมพยายามสอบถามจากหน่วยงานใน ม.เกษตรฯ ถึงต้นนนทรีที่ทั้ง 2 พระองค์ทรงปลูกในภาพนี้ว่าเป็นต้นลำดับที่เท่าไหร่ แต่เท่าที่สอบถามก็ยังไม่สามารถตอบได้ แต่ผมคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นต้นที่ 2 โดยสังเกตจากภาพลำดับที่ 29 ที่มีต้นคูณอยู่เป็นฉากหลังเหมือนกัน ซึ่ง จนท. ม.เกษตรฯ ก็บอกว่าพระองค์ท่านทรงปลูกต้นนนทรีเริ่มต้นจากฝั่ง ถ.งามวงศ์วาน จึงคิดว่าภาพนี้น่าจะเป็นต้นที่สองที่ท่านทรงปลูกครับ (หากมีใครคิดว่าเป็นต้นอื่นสามารถแย้งผมมาได้เลยนะครับ)

ถ่ายเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559  ภาพ original จาก สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม ม.เกษตรศาสตร์  ข้อมูลจาก ม.เกษตรศาสตร์ และ เมเนเจอร์

   

               

 

ภาพที่ 31

 

31 ธันวาคม 2556

ในหลวง รัชกาลที่ 9 พระราชทานพรแก่ประชาชนชาวไทย เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2557 ณ วังไกลกังวล เมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2556 โดยมีพระราชดำรัสความว่า "ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีมาอวยพรแก่ท่านทุกๆ คน ให้มีความสุข ความเจริญ และความสำเร็จสมประสงค์ในสิ่งที่ปรารถนา ความปรารถนาของทุกๆ คน คงไม่แตกต่างกันนัก คือ ต้องการให้ตนเองมีความสุข ความเจริญ และให้บ้านเมืองมีความสงบ ร่มเย็น ในปีใหม่นี้จึงขอให้ท่านทั้งหลาย รักษาสุขภาพกาย สุขภาพจิตให้สมบูรณ์แข็งแรง เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้เต็มกำลัง ข้อสำคัญจะคิดจะทำสิ่งใด ให้นึกถึงส่วนรวมและความเป็นไทยไว้เสมอ งานของตนและงานของชาติ จะได้ดำเนินก้าวหน้าไปโดยถูกต้อง เที่ยงตรง ไม่ติดขัด แล้วบรรลุถึงประโยชน์ เป็นความสุข ความเจริญ และความสงบ ร่มเย็น ดังที่ทุกคนตั้งใจปรารถนา  ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคนให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย ให้มีความสุขกาย สุขใจ ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน"

ทุกปีตั้งแต่จำความได้วันสิ้นปีแบบนี้เราจะต้องเฝ้ารอรับพรจากพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9....ไม่มีพรใดจะสุขใจเท่ารับพรจากในหลวง รัชกาลที่ 9....

ภาพต้นฉบับและข้อมูลจาก นสพ.คมชัดลึก