ReadyPlanet.com
dot

dot
dot
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
bullet สมัครสมาชิก
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
ชมคลิปวีดีโอน่าสนใจ
ยังไม่มีสมาชิกที่ล็อกอินในขณะนี้
bulletบุคคลทั่วไป 11 คน
dot
dot

dot


ฟัง F.M. 103.25 MHz.
ชมทีวีช่องหลวงตา
ฟังวิทยุออนไลน์ วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน
ชมคลิปวีดีโอน่าสนใจ
เข้าชม face book วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน


พระชาติที่ ๕ พระมโหสถ ตอน ๖

 

ผจญศึก

       ตั้งแต่ปราบอาจารย์ทั้ง 4 เสร็จเรียบร้อยแล้ว มโหสถ เป็นที่ปรึกษาในกิจราชการทุกอย่าง แม้กระทั่งการป้องกันพระนคร เขาได้ตระเตรียมซ่อมแซมป้อมคูป้อมประตูหอรบ โดยขุดลอกคูเมือง และกักเก็บน้ำไว้บริโภคสั่งสมเสบียงอาหาร พร้อมกับส่งราชบุรุษคือหัวแนวที่ห้าไปไว้ทุกเมือง ที่มโหสถทำดังนี้เข้าคติที่ว่า

     “แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์ ศัตรูกล้ามาประจัญ ก็อาจสู้ริปูสลาย” แม้จะมีผู้อื่นทัดทานในการที่สิ้นเปลืองทั้งกำลังแรงงานและกำลังทรัพย์ แต่มโหสถเห็นภัยข้างหน้ามากกว่า จึงพยายามชี้แจงให้ผู้คัดค้านนั้นเชื่อถือและยินยอม

     ต่อมาไม่ช้าราชบุรุษที่ส่งไปไว้กับปิลรัฐ ก็ส่งข่าวมาว่าเห็นพระเจ้าสังขพลกะ ตระเตรียมกองทัพช้างม้าไม่รู้ว่าจะไปก่อศึกกับประเทศใด หากท่านอยากทราบความละเอียดโปรดส่งนกแก้วแสนรู้ไปสืบความดู มโหสถเลี้ยงนกแก้วแสนรู้ไว้ตัวหนึ่ง จึงได้ส่งนกแก้วไปสอบสวนดูพฤติการณ์แห่งนครนั้น ทราบความแล้วให้ตรวจต่อไปทุกเมืองด้วย

     เจ้านกแก้วก็บินจากไปดูการตระเตรียมทัพของพระเจ้าสังขพลกะ แล้วบินไปถึงอุดรปัญจาล พระเจ้าจุลนีหรพมทัตเป็นผู้ครอบครอง มีรี้พลพหลโยธามากมาย แถมมีผู้ปรึกษาที่แสนจะเฉียบแหลมชื่อเกวัฎด้วยผู้เหนึ่ง เกวัฎจอมเจ้าเล่ห์ พยายามใช้อุบายยกกองทัพไปล้อมเมืองน้อยต่าง ๆ บังคับให้ส่งบรรณาการแก่พระเจ้าจุลนีถึง 100 หัวมือง นับว่าแผนการยุทธของเกวัฎไม่เลว แต่ยังไม่เป็นที่พอใจของเกวัฎคิดจะยึดครองเมืองเหล่านั้นเสียทั้งหมด โดยจะวางยาพิษให้ดื่มในคราวประทุมเลี้ยงฉลองชัย แต่ความคิดเหล่านี้ล่วงรู้ไปถึงมโหสถเสียก่อน จึงได้ให้ตระเตรียมไว้รับทัพกับปิลรัฐอย่างแข็งแรง เกวัฎยังรู้จักคนอย่างมโหสถน้อยไป มโหสถรำพึง

     “เราจะต้องทำให้รู้จักเราให้ได้” เขาจะทำอย่างไงที่จะทำให้เกวัฎรู้จักเขาได้ เราดูกันต่อไป ทัพพระเจ้าจุลนียกไปล้อมเมืองเล็กน้อยต่าง ๆ ตามอุบายของเกวัฎ กระทั่งได้ถึง 101 หัวเมือง มาจนกระทั่งถึงเมืองมิถิลานคร ซึ่งพระเจ้าจุลนีจะตีเอา แต่อำมาตย์กลับทูลคัดค้านเพราะเห็นว่ามีคนสำคัญคือมโหสถอยู่ด้วย สมบัติในแผ่นดินทั้งหมดเว้นมิถิลานครเท่านั้น พระองค์ก็ได้หมดแล้ว จะมาคิดโลภสมบัติมิถิลานครอีกดูไม่สมควร และได้สั่งให้พระราชา 101 กลับพระนคร แต่ก่อนจะกลับควรฉลองชัยชนะเสียก่อน ซึ่งพระราชาเหล่านั้นมิได้ระแวง ก็พร้อมกันในอุทยานซึ่งจะเป็นที่เลี้ยง

ในขณะนั้นเองก็ได้เกิดอลแวงเพราะมีเสียงทหารก่อวิวาทกันเป็นโกลาหลไม่รู้ว่าใครเป็นใคร และไหเหล้าที่เตรียมไว้เลี้ยงถูกมือมึดบ้างลูกหลงบ้างจากการวิวาทบ้างทุบตีแตกเสียหายหมดน้ำเหล้าที่เจือยาพิษไหลนองส่งกลิ่นฟุ้งไปทั่วทั้งอุทยาน การเลี้ยงฉลองชัยต้องป็นอันระงับไป เหตุที่เป็นดังนี้ เพราะมโหสถจะช่วยพวกกษัตริย์เหล่านั้นให้รอดจากการถูกปลงพระชนม์ จึงได้ส่งทหารปลอมแปลงเป็นไพร่พลของท้าวพระยาเหล่านั้น เข้าไปก่อวิวาททำลายพิธีเสีย มิใช่แต่เท่านั้น เมื่อเห็นว่าทำลายพิธีฉลองชัยเรียบร้อยแล้ว กลับประกาศเสียด้วยว่า
“เราเป็นทหารของมโหสถ ใครอยากจะพบกับมโหสถก็เชิญที่มิถิลา” ผู้ที่เคียดแค้นที่สุดก็คือเกวัฎกับพระเจ้าจุลนี เพราะโครงการวางไว้กลับถูกทำลายโดยสิ้งเชิง พวกพระราชา 101 องค์ แทนที่จะนึกถึงคุณของมโหสถที่ช่วยให้รอดชีวิต กลับโกรธเคือง กูจะกินเลี้ยงสักหน่อยก็มาเป็นก้างขวางคอ แม้พวกไพร่พลก็เคียดแค้นไปตาม ๆ กัน เพราะอดกินนั้นเอง

เมื่อพระเจ้าจุลนีบอกว่า ให้ติดตามไปดูหน้าเจ้ามโหสถทุกองค์และทุกคนก็พร้อมจะไปทั้งนั้น แต่เกวัฎเป็นคนฉลาด ตนเองไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะมโหสถได้ ถ้ายิ่งเกิดพ่ายแพ้ก็จะเสื่อมเสียความนับถือ จึงออกอุบายให้พระราชาทั้ง 101 องค์ไปด้วย ก็คงไปแต่เฉพาะพระเจ้าจุลนีเท่านั้น เมื่อทัพของพระเจ้าจุลนีเดินทางมาถึงเมืองมิถิลาแล้ว ก็สั่งให้ล้อมพระนครไว้อย่างแน่นหนา ท่านปราชญ์ทั้ง 4 พากันตกใจกลัว แต่มโหสถหาได้ตกใจกลัวไม่ เพราะได้ตระเตรียมการไว้พร้อมแล้ว กองทัพที่ล้อมไว้แลดูไพร่พลหนุนเนื่องกันอย่างแน่นขนัด ปานประหนึ่งแถวคลื่นที่วิ่งไล่กันเป็นระยะ ๆ มิได้ขาดสายเลย แลไปทางไหนก็ล้วนล้วนแต่ข้าศึกสลอนไปทั้งนั้น อย่าว่าแต่มนุษย์จะออกไปเลย แม้แต่นกผ่านก็จะถูกยิงด้วยธนูสิ้นชีวิตเสียก่อนที่จะผ่านกองทัพไปได้ มิถิลาจะแย่เสียกระมัง พระเจ้าวิเทหราชเองก็รู้สึกขวัญไม่ค่อยจะดีนัก ทรงตรัสถามปราชญ์ทั้ง 4 ท่านเพื่อหาทางออก ปราชญ์ทั้ง 4 ก็จนปัญญาไม่สามารถจะช่วยเหลืออะไรได้ จึงต้องทรงปรึกษากับมโหสถ ซึงมโหสถก็ทูลให้เบาพระทัยในการจะสู่ศึก

พระเจ้าจุลนีทรงล้อมเมืองเพื่อให้ยอมแพ้ แต่เมื่อเห็นชาวเมืองไม่ยอมแพ้ ก็คิดจะกักน้ำโดยทำทำนบกั้นน้ำที่ไหลเช้าไปในเมืองเสีย แต่มโหสถก็แสดงให้ทราบว่าในเมืองมีบ่อมีสระที่ลึกและกว้างใหญ่มากมาย แม้จะล้อมทั้งปี ผู้คนพลเมืองก็ไม่อด กักเพื่อให้อดข้าวและฟืน แต่มโหสถก็สำแดงให้ทราบว่า ฟืนและข้าวเปลือกในเมืองมีพอกับประชาชนพลเมือง แม้จะล้อมอยู่กี่ปีก็ไม่อดตาย
เมื่อคิดว่าจะยอมให้ยอมแพ้ไม่สำเร็จ เกวัฎจึงทูลพระเจ้าจูลนีขอตัดศึกโดยทำธรรมยุทธกับมโหสถ โดยกำหนดว่าถ้าใครไหว้คนนั้นจะต้องพ้ายแพ้ โดยอาจารย์เกวัฎเห็นว่า มโหสถเป็นคนมีปัญญามีสัมมาคารวะ เมื่อตนซึ่งสูงอายุกว่า ก็ต้องทำความเคารพฐานผู้ใหญ่กับเด็ก มโหสถจะแก้ไขอย่างไรล่ะ พอได้รับคำท้าเรื่องธรรมยุทธ มโหสถก็เห็นทางชนะทีเดียว เขาเข้าไปขอยืมแก้วมณีวิเศษมาจากพระเจ้าวิเทหราชเพื่อใช้ประกอบในสงครามกับฝ่ายศัตรู ในสนามรบได้จัดตั้งที่ประทับให้พระราชาทั้งสองฝ่ายได้ประทับอยู่ด้วย ไพร่พลให้ยืนประจัญหน้ากันกลางสนามซึ่งก็ออกจะไกลจากที่ประทับทั้งสองฝ่ายหน่อย

วันทำสงความได้เริ่มขึ้น โดยอาจารย์เกวัฎแต่งตัวอย่างนักปราชญ์ออกไปยืนคอยมโหสถอยู่ในสนามก่อน มโหสถก็ถือแก้วมณีออกไปกลางสนาม เมื่อประจันหน้ากัน เขากล่าวกับอาจารย์เกวัฎว่า
“ท่านอาจารย์คงได้เคยเห็นแก้วมณีดวงนี้ หรือเคยทราบกิตติศัพท์ในความวิเศษมาบ้างแล้ว” อาจารย์เกวัฎยิ้มพยักหน้า
“เคยเห็นและเคยทราบกิตติศัพท์ว่าเป็นแก้ววิเศษดวงหนึ่งในแผ่นดิน”
“ที่ข้าพเจ้าถือมาในวันนี้ ท่านอาจารย์ทราบไหมว่าข้าพเจ้าถือมาทำไม”
“ไม่ทราบ”
“ข้าพเจ้าจะให้ท่านอาจารย์” เกวัฎแสดงอาการลิงโลดอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านจะให้ข้าพเจ้าทำไม?”
“เพราะท่านอาจารย์ทำให้บ้านเมืองข้าพเจ้ารอดพ้นจากการโจมตี จนไม่ต้องเสียชีวิตไพร่พลและบ้านเมือง”
“ท่านจะให้ข้าพเจ้าจริง ๆ หรือ?”
“จริง ๆ ขอได้โปรดมารับเอาเถิด” พออาจารย์เกวัฎเดินมารับแก้วมณีซึ่งมโหสถส่งให้ พอถึงมือความหนักของแก้วมณีทำให้หล่นจากมือเกวัฎลงยังพื้นนดิน ด้วยอารามเสียดายเกวัฎก็ก้มลงไปเก็บ และในขณะนั้นเองมโหสถก็กดศรีษะเกวัฎไว้ พลางหัวเรอะพร้อมกับพูดว่า
“ท่านอาจารย์ อย่าได้เคารพข้าพเจ้าผู้เป็นเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานเลย โปรดลุกขึ้นเถิด” ใคร ๆ ก็เห็นกันถ้วนทั่วหน้าแล้วว่าเกวัฎก้มลงไปแทบเท้ามโหสถก็นึกเสียว่าไหว้เท้า เกวัฎเองจะดิ้นก็ไม่ไหวเพราะกำลังสู้มโหสถไม่ได้ จะสะบัดก็ไม่หลุด
“เล่นบ้า ๆ” ได้แต่บ่นพึมพำอยู่เท่านั้น มโหสถเห็นว่าคนทั้งปวงเห็นทั่วกันแล้ว ก็ใสศรีษะเกวัฎไปข้างหลังถึงกับหงายท้อง

พอลุกขึ้นได้ก็เปิดหนี ไพร่พลก็แตกตื่นตกใจกระจัดกระจายพระเจ้าจุลนีถึงกับพระพักตร์เสีย อะไรยอมเขาง่าย ๆ เช่นนี้ โดยมิได้ตรัสอะไรเลย เสด็จกลับเมืองทันที มโหสถไม่ปล่อยนาทีทองให้ผ่านไปง่าย ๆ เขาได้สั่งไพร่พลโจมตีซึ่งกำลังเสียขวัญอยู่ให้แตกกระเจิดกระเจิง หนีกลับเมืองของตนอย่างทุลักทุเล กว่าเกวัฎจะติดตามกองทัพทันก็ไปไกลเต็มที อาวุธยุทธภัณฑ์ทั้งหลายถูกข้าศึกกวาดไปได้มากมาย เกือบจะพูดได้ว่าเหลือแต่ตัวเท่านั้นกลับไป 

 

ซ้อนกล 

       พระเจ้าจุลนีเห็นเสียท่าเขาเสียแล้ว เลยพากันกลับพระนคร คิดหาทางเล่นงานทางอื่นต่อไป อาจารย์เกวัฎเองหัวหูดูไม่ได้ เพราะถูกมโหสถกดลงไปกับพื้นดิน ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น 

     “ถ้ามีโอกาสมึงตาย” เขาได้แต่คิดว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป เขาเห็นว่าพระเจ้าจุลนีมีพระราชธิดาแสนสวย จึงคิดจะล่อให้พระเจ้าวิเทหราชมา แล้วจะจับกุมเอาตัวไว้บังคับให้ยอมถวายบรรณาการ มิฉนั้นจะประหารเสีย พระเจ้าจุลนีก็ชอบใจในความคิดของเกวัฎ จึงได้ส่งฑูตสันติไปยังมิถิลา ขอทำสัมพันธไมตรีให้แน่นแฟ้นจึงใคร่ถวายพระราชธิดาเป็นบาทบริจากา ซึ่งพระเจ้าวิเทหราชจะต้องไปจัดการพิธีอภิเษก ณ ปัญจาลนคร 

     ทูตได้เดินทางมาถึงมิถิลา ได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติจากมโหสถผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน และได้ทราบความแล้วเขาก็วิตกอยู่ในใจ แต่นิสัยนักสู้จะต้องพยายามแก้ไขเอาตัวรอดให้ได้ แบบเอาเหยื่อล่อปลาเข้าไปกินเบ็ดนี้ 

     ในเรื่องของจีนก็มีจากเรื่องสามก๊ก ตอนเอาบีฮูหยินน้องสาวซุนกวนล่อเล่าปี่ไปเพื่อจะจับฆ่าเสีย แต่ในเรื่องนั้นมีขงเบ้งช่วยแก้ไขตลอดจนได้ตัวบีฮูหยินมา ซึ่งซุนกวนไม่ได้อะไรเลย แถมเสียน้องสาวเปล่า ๆ เสียด้วย 

     นี่ก็เช่นเดียวกัน มีเจ้ามโหสถเป็นผู้ช่วย มโหสถตระเตรียมการโดยไปตั้งเมืองใหม่ใกล้เขตปัญจาลนครเพื่อจะได้ต้อนรับพระเจ้าวิเทหราช และได้ทำการแอบขุดอุโมงค์จากในเมืองจนมาถึงในพระราชวังของพระเจ้าจุลนี โดยที่ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้เลย ตระเตรียมการที่จะซ้อนกลไว้อย่างเสร็จสรรพ 

     เมื่อพระเจ้าวิเทหราชเสด็จไปพักยังเมืองใหม่เพียงคืนเดียวเมือก็ถูกล้อมล้อมด้วยพระเจ้าจุลนีและพระราชาทั้ง 101 หัวเมือง เจ้ามโหสถก็หาได้ตื่นตกใจไม่ ขณะที่พระเจ้าจุลนีไปล้อมเมืองคิดจะจับตัวพระเจ้าวิเทหราชนั้นก็ทรงทิ้งมเหสีโอรสธิดาไว้ทางข้างหลังโดยคิดไม่ถึงว่าจะมีใครกล้าเข้ามาถึงข้างในพระราชวังได้ มโหสถคุมทหารและคนสนิทเดินตามทางอุโมงค์ที่ขุดไว้ไปทะลุขึ้นภายในพระราชวังของพระเจ้าจุลนี จับกุมเอาคนเหล่านั้นไปไว้ในอุโมงค์ และยังแถมลำเลียงส่งไปยังเมืองมิถิลาเสียด้วย เมื่อการทั้งปวงเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว รุ่งเช้าเจ้ามโหสถก็โผล่หน้าออกไปยังหอรบ และทูลต่อพระเจ้าจุลนีซึ่งคุมทหารมาประจันหน้าอยู่ข้างหลัง
     “พระองค์อย่าเล็งผลเลิศ คิดว่าจะจับข้าพเจ้าและพระราชาของข้าพเจ้าได้หรือ ตอนนี้พระมเหสี โอรส และธิดา ของพระองค์อยู่ในมืองของข้าพระเจ้าเรียบร้อยแล้ว”
     “ชะ ชะ เจ้าจะมาขู่ข้ารึ” พระเจ้าจุลนีตรัส
     “จริง ๆ ไม่ได้ขู่ ไม่เชื่อก็ลองส่งคนไปดูสิ”

เมื่อพระเจ้าจุลนีส่งคนไปดูทางในเมืองก็ได้ทราบว่าถูกจับตัวไปหมดแล้ว ความแกล้วกล้าหมดไปทันทีที่คิดถึงอันตรายกับมเหสีและโอรสธิดาจะถูกฆ่า เจ้ามโหสถกลับปลอบว่า จะไม่ทำอันตรายกับคนเหล่านั้นเพียงจับตัวไว้เป็นตัวประกันเท่านั้น และยังแถมแสดงเมืองใต้ดินให้ดูเสียด้วย เวียดกงชนะฝรั่งเศสด้วยการขุดอุโมงค์เข้าไปถึงภายในค่าย มโหสถเก่งกว่าเพราะทำมาก่อน เข้าใจว่าแม่ทัพเวียดกงคงจะอ่านเรื่องมโหสถเป็นแน่  

 ที่คำโบราณเขาว่า อดีตคือสิ่งที่ล่วงไปแล้วเป็นกระจกเงาของปัจจุบันก็จะเห็นว่าจริงแท้แค่ไหน เพราะอะไรที่ว่าดีนั้นล้วนมาจากสิ่งที่เป็นอดีตทั้งนั้น ตั้งแต่วัฒนธรรมประเพณี ตลอดจนการรบการปกครองการอุตสาหกรรม เพียงแต่ปัจจุบันมาส่งเสริมเพิ่มเข้า จนกลายเป็นสภายที่เรียกว่าเหล่าเก่าในขวดใหม่เท่านั้นเอง

     พระเจ้าจุลนีตื่นใจในความสามารถของมโหสถ ซึ่งเขาก็ได้พาชมทัศนาจรทุกแห่งหน มโหสถวางนโยบายที่จะให้พระเจ้าจุลนียอมแพ้อย่างจริงจังจึงได้พาลงไปทั้งพระยา 101 หัวเมืองด้วยและขังพระราชา 101 นั้นไว้ในอุโมงค์ ก็เป็นอันว่าเหลือแต่พระเจ้าจุลนีกับมโหสถเพียงสองต่อสองเท่านั้น เขาได้เงือดเงื้ออาวุธ ทำทีจะพิฆาตองค์พระเจ้าจุลนีเสียซึ่งทำเอาแทบสิ้นสติไปกับความกลัวตาย เขาได้เอาคำมั่นสัญญาจากพระเจ้าจุลนีว่า จะไม่คิดร้ายต่อเมืองมิทิลาและบ้านเมืองของใครอีกต่อไป แล้วก็ปล่อยให้พระราชาทั้ง 101 กับพระเจ้าจุลนีออกมา พร้อมกับส่งมเหสีและโอรสคืนส่วนพระราชธิดานั้นก็ได้เป็นมเหสีของพระเจ้าวิเทหราช เป็นอันว่าพระเจ้าจุลนีต้องเสียพระราชธิดาไปเปล่า ๆ เพราะความที่ขุดบ่อล่อปลาของเกวัฎ ศึกสงครามระหว่างปัญจาลนครกับมิทิลา ก็เป็นอันว่าหมดสิ้นไป

     เมื่อรับมเหสีกับโอรสกลับมาแล้ว ก็ได้พบว่ามโหสถจัดการรับรองและเลี้ยงดูอย่างกษัตริย์ทุกประการ คิดถึงคุณว่ามโหสถประกอบไปด้วยคุณธรรมดีจริง ๆ ถึงกับชวนให้ไปอยู่ด้วย แต่มโหสถมิใช่คนข้าสองเจ้าบ่าวสองนายจึงไม่รับ ต่อเมื่อพระเจ้าวิเทหราชสิ้นพระชนเมื่อไรจึงจะไปอยู่ด้วย ด้วยเชิงปัญญาอันเลิศล้น มโหสถอยู่ในฐานะคนเหนือคนตราบจนสิ้นชีวิต

     คุณ ๆ ได้อ่านมโหสถมานานจนพอสมควร ได้รับอะไรจากเรื้องนี้บ้าง ปัญญาแก้ไขเฉพาะหน้า พร้อมกับรอบคอบในกิจการทุกอย่างเป็นคุณสมบัติของมโหสถ แม้ในการหาทรัพย์ท่านก็กล่าวไว้ว่าต้องใช้ปัญญา ขอจบเรื่องนี้ด้วยคำว่า


ทรัพย์นี้มีอยู่ใกล้
ใครปัญญาไว หาได้บ่นาน
แว่นแคว้นแดนดิน มีสิ้นทุกสถาน
ถ้าใครเกียจคร้าน บ่พานพบเลย

 

ขอบคุณแหล่งข้อมูล: sawanbanna




พระเจ้าสิบชาติ

พระชาติที่ ๑ พระเตมีย์
พระชาติที่ ๒ พระมหาชนก
พระชาติที่ ๓ พระสุวรรณสาม
พระชาติที่ ๔ พระเนมีราช
พระชาติที่ ๕ พระมโหสถ ตอน ๑
พระชาติที่ ๕ พระมโหสถ ตอน ๒
พระชาติที่ ๕ พระมโหสถ ตอน ๓
พระชาติที่ ๕ พระมโหสถ ตอน ๔
พระชาติที่ ๕ พระมโหสถ ตอน ๕
พระชาติที่ ๖ พระภูริทัต
พระชาติที่ ๗ พระจันทรกุมาร
พระชาติที่ ๘ พระพรหมนารท
พระชาติที่ ๙ พระวิธูร
พระชาติที่ ๑๐ พระเวสสันดร ตอน ๑
พระชาติที่ ๑๐ พระเวสสันดร ตอน ๒