๑๒๙. อทฺธา หิ ปญฺญา ว สตํ ปสตฺถา
กนฺตา สิรี โภครตา มนุสฺสา
ญาณญฺจ พุทฺธานมตุลฺยรูปํ
ปญฺญํ น อจฺเจติ สิรี กทาจิ.
สัตบุรุษสรรเสริญปัญญาแน่แท้ คนทั้งหลายชอบทรัพย์สมบัติ
จึงใคร่ได้สิริ ( ยศ ) ก็ความรู้ของท่านผู้รู้ทั้งหลายชั่งไม่ได้ ทรัพย์จึง
เกินกว่าปัญญาไปไม่ได้ ไม่ว่ากาลไหน ๆ
(ปโหสธโพธิสตฺต) ขุ. ชา. วีส. ๒๗/๔๒๘.
๑๓๐. คมฺภีรปญฺหํ มนสาภิจินฺตยํ
นจฺจาหิตํ กมฺม กโรติ ลุทฺทํ
กาเลคตํ อตฺถปทํ น ริญฺจติ
ตถาวิธํ ปญฺญาวนฺตํ วทนฺติ.
ผู้ขบคิดปัญหาอันลึกซึ้งด้วยใจ ไม่ทำกรรมชั่ว อันไม่เป็น
ประโยชน์เกื้อกูลเลย, ไม่ละทางแห่งประโยชน์ที่มาถึงตามเวลา,
บัณฑิตทั้งหลายเรียกคนอย่างนั้นว่า ผู้มีปัญญา.
(สรภงฺคโพธิสตฺต) ขุ. ชา. จตฺตาฬีส. ๒๗/๕๔๐.
๑๓๑. ทาโส ว ปญฺญสฺส ยสสฺสิ พาโล
อตฺเถสุ ชาเตสุ ตถาวิเธสุ
ยํ ปณฺฑิโต นิปุณํ สํวิเธติ
สมฺโมหมาปชฺชติ ตตฺถ พาโล.
คนเขลามียศศักดิ์ ก็เป็นทาสของคนมีปัญญา, เมื่อเรื่องราว
ต่าง ๆ เกิดขึ้น คนฉลาดจัดการข้อใดได้แนบเนียน คนเขลาถึง
ความงมงายในข้อนั้น.
(มโหสธโพธิสตฺต) ขุ. ชา. วีส. ๒๗/๔๒๘.
๑๓๒. ปญฺญวนฺตํ ตถาวาทึ สึเลสุ สุสมาหิตํ
เจโตสมถมนุยุตฺตํ ตํ เว วิญฺญู ปสํสเร.
ผู้รู้ย่อมสรรเสริญคนมีปัญญา พูดจริง ตั้งมั่นในศีล ประกอบ
ความสงบใจนั้นแล.
(มหาสฺสปเถร) ขุ. เถร. ๒๖/๔๑๑.
๑๓๓. ปญฺญา สุตวินิจฺฉินี ปญฺญา กิตฺติสิโลกวฑฺฒนี
ปญฺญาสหิโต นโร อิธ อปิ ทุกฺเขสุ สุขานิ วินฺทติ.
ปัญญาเป็นเครื่องวินิจฉัยสิ่งที่ฟังแล้ว ปัญญาเป็นเครื่องเพิ่มพูน
เกียรติคุณและชื่อเสียง คนผู้ประกอบด้วยปัญญาในโลกนี้ แม้ในความ
ทุกข์ก็หาความสุขได้.
(มหากปฺปินเถร) ขุ. เถร. ๒๖/๓๕๐.
๑๓๔. ปญฺญาย ติตฺตินํ เสฏฺฐํ น โส กาเมหิ ตปฺปติ
ปญฺญาย ติตฺตํ ปุริสํ ตณฺหา น กุรุเต วสํ.
บรรดาความอิ่มทั้งหลาย ความอิ่มด้วยปัญญาประเสริฐ, ผู้อิ่ม
ด้วยปัญญานั้นย่อมไม่เดือดร้อนด้วยกาม, ตัณหาทำผู้อิ่มด้วยปัญญาไว้
ในอำนาจไม่ได้.
(โพธิสตฺต) ขุ. ชา. ทฺวาทส. ๒๗/๓๒๙.
๑๓๕. ส ปญฺญวา กามคเณ อเวกฺขติ
อนิจฺจโต ทุกฺขโต โรคโต จ
เอวํ วิปสฺสี ปชหาติ ฉนฺทํ
ทุกฺเขสุ กาเมสุ มหพฺภเยสุ.
ผู้มีปัญญานั้น ย่อมเล็งเห็นกามคุณเป็นของไม่เที่ยง เป็น
ทุกข์ และเป็นโค, ผู้เห็นอย่างนี้ ย่อมละความพอใจในกามอัน
เป็นทุกข์ เป็นภัยใหญ่ได้.
(สรภงฺคโพธิสตฺต) ขุ. ชา. จตฺตาฬีส. ๒๗/๕๔๒.