๑๓๖. อกฺโกธโน อนุปนาหี อมกฺขี สุทฺธตํ คโต
สมฺปนฺนทิฏฺฐิ เมธาวี ตํ ชญฺญา อริโย อิติ.
ผู้ใดไม่โกรธ ไม่ผูกโกรธ ไม่ลบหลู่ ถึงความหมดจด มีทิฏฐิ
สมบูรณ์ มีปัญญา, พึงรู้ว่าผู้นั้นเป็นอริยะ.
(สารีปุตฺตเถร) ขุ. ปฏิ. ๓๑/๒๔๑.
๑๓๗. อกฺโกธสฺส กุโต โกโธ ทนฺตสฺส สมชีวิโน
สมฺมทญฺญา วิมุตฺตสฺส อุปสนฺตสฺส ตาทิโน.
ผู้ไม่โกรธ ฝึกตนแล้ว เป็นอยู่สม่ำเสมอ หลุดพ้นเพราะรู้ชอบ
สงบระงับ คงที่ จะมีความโกรธมาแต่ไหน.
(นฺหาตกมุนีเถร) ขุ. เถร. ๒๖/๓๓๔.
๑๓๘. อจฺฉิทฺทวุตฺตึ เมธาวึ ปญฺญาสีลสมาหิตํ
เนกฺขํ ชมฺโพนทสฺเสว โก ตํ นินฺทิตุมรหติ.
ใครควรจะติคนฉลาดประพฤติไม่ขาด ตั้งมั่นด้วยปัญญาและศีล
ประดุจแท่งทองชมพูนุท.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๔๕.
๑๓๙. อนาคตปฺปชปฺปาย อตีตสฺสานุโสจนา
เอเตน พาลา สุสฺสนฺติ นโฬว หริโต ลุโต.
คนเขลาย่อมซูบซีด เพราะคำนึงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง เพราะ
เศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว เหมือนต้นอ้อสดที่ถูกตัด.
(พุทฺธ) สํ. ส. ๑๕/๗.
๑๔๐. อนุทฺธโต อจปโล นิปโล สํวุตินฺทฺริโย
กลฺยาณมิตฺโต เมธาวี ทุกฺขสฺสนฺตกโร สิยา.
คนฉลาด ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่คลอนแคลน มีปัญญา สำรวมอินทรีย์
มีมิตรดี พึงทำที่สุดทุกข์ได้.
(อญฺญาโกณฺฑญฺญเถร) ขุ. เถร. ๒๖/๓๖๖.
๑๔๑. อปฺปสฺสาทา ทุกฺขา กามา อิติ วิญฺญาย ปณฺฑิโต
อปิ ทิพฺเพสุ กาเมสุ รตึ โส นาธิคจฺฉติ.
กามทั้งหลายมีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก, บัณฑิตรู้ดังนี้แล้ว
ไม่ใยดีในกามแม้เป็นทิพย์.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๔๐.
๑๔๒. อสฺสทฺโธ อกตญฺญู จ สนฺธิจฺเฉโท จ โย นโร
หตาวกาโส วนฺตาโส ส เว อุตฺตมโปริโส.
นรชนใด ไม่เชื่อ ( ตามเขาว่า ) รู้จัดพระนิพพาน อันอะไร ๆ
ทำไม่ได้ ตัดเงื่อนต่อได้ มีโอกาสอันขจัดแล้ว และคายความหวัง
แล้ว, ผู้นั้นแล เป็นบุรุษสูงสุด.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๒๘.
๑๔๓. อโยเค ยุญฺชมตฺตานํ โยคสฺมิญฺจ อโยชยํ
อตฺถํ หิตฺวา ปิยคฺคาหี ปิเหตตฺตานุโยคินํ.
ผู้ประกอบตนในสิ่งที่ไม่ควรประกอบ และไม่ประกอบตนในสิ่ง
ควรประกอบ ละประโยชน์เสีย ถือตามชอบใจ ย่อมกระหยิ่มต่อ
ผู้ประกอบตนเนือง ๆ.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๔๓.
๑๔๔. อสตญฺจ สตญฺจ ญตฺวา ธมฺมํ
อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ สพฺพโลเก
เทวมนุสฺเสหิ จ ปูชิโต โย
โส สงฺคชาลมติจฺจ โส มุนิ.
ผู้ใดรู้ธรรมของอสัตบุรุษและของสัตบุรุษ ทั้งภายใน ทั้งภายนอก
มีเทวดาและมนุษย์บูชาในโลกทั้งปวง ผู้นั้นจึงล่วงข่ายคือเครื่องข้อง
ได้ และเป็นมุนี.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๔๓๒. ขุ. มหา. ๒๙/๔๐๖.
๑๔๕. อากาเสว ปทํ นตฺถิ สมโณ นตฺถิ พาหิโร
สงฺขารา สสฺสตา นตฺถิ นตฺถิ พุทฺธานมิญฺชิตํ.
สมณะภายนอกไม่มี, สังขารเที่ยงไม่มี, ความหวั่น
ไหวของพระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่มี, เหมือนรอยเท้าไม่มีใน
อากาศ.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๔๙.
๑๔๖. อุฏฺฐานวโต สตีมโต สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมการิโน
สญฺญตสฺส จ ธมฺมชีวิโน อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติ.
เกียรติยศย่อมเจริญแก่ผู้ขยัน มีสติ มีการงานสะอาด ใคร่ครวญ
แล้วจึงทำ สำรวมแล้ว เป็นอยู่โดยธรรม และไม่ประมาท.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๑๘.
๑๔๗. อุตฺตมํ ธมฺมตํ ปตฺโต สพฺพโลเก อนตฺถิโก
อาทิตฺตาว ฆรา มุตฺโต มรณสฺมึ น โสจติ.
ผู้บรรลุธรรมอย่างสุงสุด ไม่มีความต้องการในโลกทั้งปวง ย่อม
ไม่เศร้าโศกในเพราะความตาย เหมือนพ้นจากเรือนถูกไฟไหม้.
(ปาราสริยเถร) ขุ. เถร. ๒๖/๓๗๐.
๑๔๘. อุยฺยุญฺชนติ สตีมนฺโต น นิเกเต รมนฺติ เต
หํสาว ปลฺลลํ หิตฺวา โอกโมกํ ชหนฺติ เต.
ผู้มีสติย่อมหลีกออก ท่านไม่ยินดีในที่อยู่ ท่านย่อมละที่อยู่ได้
ดุจหงส์ละเปือกตมไปฉะนั้น.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๒๗.
๑๔๙. กายมุนึ วาจามุนึ เจโตมุนิมนาสวํ
มุนึ โมเนยฺยสมฺปนฺนํ อาหุ สพฺพปหายินํ.
บัณฑิตทั้งหลายกล่าวถึงผู้นิ่งทางกาย นิ่งทางวาจา นิ่งทางใจ
ไม่มีอาสวะ ถึงพร้อมด้วยปัญญา ผู้ละสิ่งทั้งปวงได้ ว่าเป็นมุนี.
(พุทฺธ) องฺ. ติก. ๒๐/๓๕๒.
๑๕๐. กายสุจึ วาจาสุจึ เจโตสุจิมนาสวํ
สุจึ โสเจยฺยสมฺปนฺนํ อาหุ นินฺหาตปาปกํ.
บัณฑิตกล่าวถึงผู้มีกายสะอาด มีวาจาสะอาด มีใจสะอาด ไม่มี
อาสวะ ถึงพร้อมด้วยความสะอาด ล้างบาปแล้ว ว่าเป็นผู้สะอาด.
(พุทฺธ) องฺ. ติก. ๒๐/๓๕๒.
๑๕๑. โกธโน อุปนาหี จ ปาปมกฺขี จ โย นโร
วิปนฺนทิฏฺฐิ มายาวี ตํ ชญฺญา วสฺล อิติ.
ผู้ใดมักโกรธ ผูกโกรธไว้ ลบหลู่เขาด้วยความชั่ว มีความเห็น
วิบัติ มีมายา พึงรู้ว่าคนนั้น เป็นคนเลว.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๓๔๙.
๑๕๒. ขตฺติยา พฺราหฺมณา เวสฺสา สุทฺทา จณฺฑาลปุกฺกุสา
สพฺเพว โสรตา ทนฺตา สพฺเพว ปรินิพฺพุตา.
กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร จัณฑาล และคนงาน
ชั้นต่ำทั้งปวง สงบเสงี่ยมแล้ว ฝึกตนแล้ว ก็ปรินิพพานเหมือนกัน
หมด.
(พฺราหฺมณ อุทฺทาลก) ขุ. ชา. ปกิณฺณก. ๒๗/๓๗๖.
๑๕๓. โจรํ หรนฺตํ วาเรนฺติ หรนฺโต สมโณ ปิโย
สมณํ ปุนปฺปุนายนฺตํ อภินนฺทนฺติ ปณฺฑิตา.
บัณฑิตขัดขวางโจรผู้นำของไป, ส่วนสมณะนำไป ย่อมเป็น
ที่รัก, บัณฑิตย่อมยินดีต้อนรับสมณะผู้มาบ่อย ๆ.
(พุทฺธ) สํ. ส. ๒๕/๖๐.
๑๕๔. ชยํ เวรํ ปสวติ ทุกฺขํ เสติ ปราชิโต
อุปสนฺโต สุขํ เสติ หิตฺวา ชยปราชยํ.
ผู้ชนะย่อมก่อเวร ผู้แพ้ย่อมนอนเป็นทุกข์ คนละความชนะ
และความแพ้ได้แล้ว สงบใจได้ ย่อมนอนเป็นสุข.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๔๒.
๑๕๕. ตสฺมา สตญฺจ อสตญฺจ นานา โหติ อิโต คติ
อสนฺโต นิรยํ ยนฺติ สนฺโต สคฺคปรายนา.
(เพราะธรรมของสัตบุรุษยากที่อสัตบุรุษจะประพฤติตาม) คติ
ที่ไปจากโลกนี้ของสัตบุรุษและอสัตบุรุษจึงต่างกัน, คืออสัตบุรุษไป
นรก, สัตบุรุษไปสวรรค์.
(พุทฺธ) ขุ. ชา. มหา. ๒๘/๔๓๕.
๑๕๖. ตสฺมา หิ ธีโร อิธุปฏฺฐิตาสติ
กาเม จ ปาเป จ อเสวมาโน
สหาปิ ทุกฺเขน ชเหยฺย กาเม
ปฏิโสตคามีติ ตมาหุ ปุคฺคลํ.
เพราะนักปราชญ์มีสติตั้งมั่นในธรรมวินัยนี้ ไม่เสพกามและ
บาป พึงละกามพร้อมทั้งทุกข์ได้ ท่านจึงกล่าวบุคคลนั้นว่า ผู้ไปทวน
กระแส.
(พุทฺธ) องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๗.
๑๕๗. ทุทฺททํ ททมานานํ ทุกฺกรํ กมฺมกุพฺพตํ
อสนฺโต นานุกุพฺพนฺติ สตฺ ธมฺโม ทุรนฺวโย.
เมื่อสัตบุรุษให้สิ่งที่ให้ยาก ทำกรรมที่ทำได้ยาก, อสัตบุรุษ
ย่อมทำตามไม่ได้ เพราะธรรมของสัตบุรุษยากที่อสัตบุรุษจะประพฤติ
ตาม.
(โพธิสตฺต) ขุ. ชา. ทุก. ๒๗/๖๓.
๑๕๘. น ชจฺจา วสโล โหติ น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ
กมฺมุนา วสโล โหติ กมฺมุนา โหติ พฺรมหฺมโณ.
บุคคลเป็นคนเลวเพราะชาติก็หาไม่ เป็นผู้ประเสริฐเพราะชาติก็หา
ไม่ (แต่) เป็นคนเลวเพราะการกระทำ เป็นผู้ประเสริฐก็เพราะการกระทำ.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๓๕๒.
๑๕๙. นิฏฺฐํ คโต อสนฺตาสี วีตตณฺโห อนงฺคโณ
อจฺฉินฺทิ ภวสลฺลานิ อนฺติโมยํ สมุสฺสโย.
บุคคลถึงความสำเร็จแล้ว ( พราะอรหัตผล ) ไม่สะดุ้ง ปราศจาก
ตัณหา ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ตัดลูกศรอันจะนำไปสู่ภพได้แล้ว
ร่างกายนี้จึงชื่อว่า มีในที่สุด.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๖๓.
๑๖๐. นิลฺโลลุโป นิกฺกุโห นิปฺปิปาโส
นิมฺมกฺโข นิทฺธนฺตกสาวโมโห
นิราสโส สพฺพโลเก ภวิตฺวา
เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.
ผู้ไม่ละโมภ ไม่อำพราง ไม่กระหาย ไม่ลบหลู่ ขจัดโมหะ
ดุจน้ำฝาดแล้ว ไม่มีความมุ่งหวัง ครอบงำโลกทั้งหมด ควรเที่ยวไป
ผู้เดียวเหมือนนอแรด.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๓๓๖. ขุ. จู. ๓๐/๓๗๙.
๑๖๑. ปาป น กยิรา วจสา มนสา
กาเยน วา กิญฺจน สพฺพโลเก
กาเม ปหาย สติมา สมฺปชาโน
ทุกฺขํ น เสเวถ อนตฺถสญฺหิตํ.
บุคคลไม่ควรทำบาปซึ่งเป็นเครื่องกังวลในโลกทั้งปวง ด้วย
กาย วาจา หรือด้วยใจ มีสติสัมปชัญญะ ละกามทั้งหลายได้แล้ว
ไม่ควรเสพทุกข์อันประกอบด้วยสิ่งที่ไร้ประโยชน์.
(จุลฺลโกกนทา ปชฺชุนฺนธีตา) สํ. ส. ๑๕/๔๒.
๑๖๒. มทนิมฺมทนํ โสกนุทํ สํสารปริโมจนํ
สพฺพทุกฺขกฺขยํ มคฺคํ สกฺกจฺจํ ปฏิปชฺชถ.
ท่านทั้งหลายจงดำเนินตามทางที่สร่างความเมา บรรเทาความ
โศก เปลื้องสงสาร เป็นที่สิ้นทุกข์ทั้งปวง โดยความเคารพ.
(พุทฺธ) ขุ. พุ. ๓๓/๔๑๕.
๑๖๓. มานํ ปหาย สุสมาหิตตฺโต
สุเจตโส สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโต
เอโก อรญฺเญ วิหรํ อปฺปมตฺโต
ส มจฺจุเธยฺยสฺส ตเรยฺย ปารํ.
ผู้ใดละมานะ มีตนตั้งมั่นดีแล้ว มีใจดี หลุดพ้นในที่ทั้งปวง
อยู่ในป่าคนเดียว เป็นผู้ไม่ประมาท, ผู้นั้นพึงข้ามฝั่งแห่งแดน
มฤตยู.
(พุทฺธ) สสํ. ส. ๒๕/๖.
๑๖๔. โมสวชฺเช น นิยฺเยถ รูเป เสฺนหํ น กุพฺพเย
มานญฺจ ปริชาเชยฺย สาหสา วิรโต จเร.
บุคคลไม่ควรนิยมการกล่าวคำเท็จ ไม่ควรทำความเสน่หาใน
รูปโฉม ควรกำหนดรู้มานะ และประพฤติงดเว้นจากความผลุนผลัน.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๕๑๘. ขุ. มหา. ๒๙/๕๑๗.
๑๖๕. มาเนน วญฺจิตา เส สงฺขาเรสุ สงฺกิลิสฺสมานา เส
ลาภาลาเภน มถิตา สมาธึ นาธิคจฺฉนฺติ.
ผู้ถูกมานะหลอกลวง เศร้าหมองอยู่ในสังขาร ถูกลาภและ
ความเสื่อมลาภย่ำยี ย่อมไม่ลุถึงสมาธิ.
(เสตุจฺฉเถร) ขุ. เถร. ๒๖/๒๘๓.
๑๖๖. ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธมฺโม จ อหึสา สญฺญโม ทโม
ส เว วนฺตมโล ธีโร โส เถโรติ ปวุจฺจติ.
ผู้ใดมีความสัตย์ มีธรรม มีความไม่เบียนดเบียน มีความ
สำรวม และมีความข่มใจ ผู้นั้นแล ชื่อว่า ผู้มีปัญญา หมด
มลทิน เขาเรียกท่านว่า เถระ.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๕๐.
๑๖๗. ยทา ทุกฺขํ ชรามรณนฺติ ปณฺฑิโต
อวิทฺทสู ยตฺถ สิตา ปุถุชฺชนา
ทุกฺขํ ปริญฺญาย สโต ว ฌายติ
ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทติ.
เมื่อใด บัณฑิตรู้ว่า ชราและมรณะเป็นทุกข์ กำหนดรู้ทุกข์ซึ่ง
เป็นที่อาศัยแห่งปุถุชน มีสติเพ่งพินิจอยู่ เมื่อนั้น ย่อมไม่ประสบ
ความยินดีที่ยิ่งกว่านั้น.
(ภูตเถร) ขุ. เถร. ๒๖/๓๔๔.
๑๖๘. ยสฺส ราโค จ โทโส จ มาโน มกฺโข จ ปาติโต
สาสโปริว อารคฺคา ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
ผู้ใดทำ ราคะ โทสะ มานะ และมักขะ ให้ตกไป
เหมือนทำให้เมล็ดผักกาดตกจากปลายเหล็กแหลม, เราเรียกผู้นั้นว่า
พราหมณ์.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๖๙.
๑๖๙. ยสฺสาลยา น วิชฺชนฺต อญฺญาย อกถงฺกถี
อมโตคธํ อนุปฺปตฺตํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
ผู้ใดไม่มีความอาลัย รู้แล้วหาความสงสัยมิได้ เราเรียกผู้หยั่ง
ลงสู่อมตะ บรรลุประโยชน์แล้วนั้นว่าเป็นพราหมณ์.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๗๐.
๑๗๐. เย เกจิ กาเมสุ อสญฺญตา ชนา
อวีตราคา อิธ กามโภคิโน
ปุนปฺปุนํ ชาติชรูปคา หิ เต.
ตณฺหาธิปนฺนา อนุโสตคามิโน.
คนบางพวกเหล่าใด ไม่สำรวมในกาม ยังไม่ปราศจากราคะ
เป็นผู้บริโภคกามในโลกนี้, คนเหล่านั้นถูกตัณหาครอบงำ ลอยไปตาม
กระแส (ตัณหา) ต้องเป็นผู้เข้าถึงชาติชราร่ำไป.
(พุทฺธ) องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๗.
๑๗๑. เย จ โข พาลา ทุมฺเมธา ทุกมฺมนฺตี โมหปารุตา
ตาทิสา ตตฺถ รชฺชนฺติ มารกฺขิตฺตสฺมิ พนฺธเน.
คนเหล่าใดเขลา มีปัญญาทราม มีความคิดเลว ถูกความหลง
ปกคลุม, คนเช่นนั้น ย่อมติดเครื่องผูกอันมารทอดไว้นั้น.
(นนฺทกเถร) ขุ. เถร. ๒๖/๓๑๒.
๑๗๒. เย จ สีเลน สมฺปนฺนา ปญฺญายูปสเม รตา
อารกา วิรตา ธีรา น โหนฺติ ปรปตฺติยา.
ผู้มีปัญญาเหล่าใด ประกอบด้วยศีล ยินดีในความสงบด้วยปัญญา
ผู้มีปัญญาเหล่านั้น เว้นไกลจากความชั่วแล้ว ไม่ต้องเชื่อผู้อื่น.
(โพธิสตฺต) ขุ. ชา. จตุกฺก. ๒๗/๑๔๓.
๑๗๓. เย ฌานปสุตา ธีรา เนกฺขมฺมูปสเม รตา
เทวาปิ เตสํ ปิหยนฺติ สมฺพุทฺธานํ สตีมตํ.
ผู้มีปัญญาเหล่าใด ขวนขวายในฌาน ยินดีในความสงบอันเกิด
จากเนกขัมมะ เทวดาทั้งหลายก็พอใจต่อผู้มีปัญญา ผู้รู้ดีแล้ว มีสติ
เหล่านั้น.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๓๙.
๑๗๔. เยสํ ราโค จ โทโส จ อวิชฺชา จ วิราชิตา
ตาที ตตฺถ น รชฺชนฺติ ฉินฺนสุตฺตา อพนฺธนา.
ราคะ โทสะ และอวิชชา อันผู้ใดหลุดพ้นแล้ว, ผู้นั้น เป็นผู้คงที่
มีสายล่ามขาดแล้ว ไม่มีเครื่องผูก ย่อมไม่ติดในที่นั้น.
(นนฺทเถร) ขุ. เถร. ๒๖/๓๑๒.
๑๗๕. โย จ คุตฺเตน จิตฺเตน สุณาติ ชินสาสนํ
เขเปตฺวา อาสเว สพฺเพ สจฺฉิกตฺวา อกุปฺปตํ
ปปฺปุยฺย ปรมํ สนฺตึ ปรินิพฺพาติ อนาสโว.
ผู้ใดมีจิตคุ้มครองแล้ว ฟังคำสอนของพระชินเจ้า ผู้นั้นชื่อว่า
ให้อาสวะทั้งปวงสิ้นไป ทำให้แจ้งซึ่งอกุปปธรรม, บรรลุความสงบ
อย่างยิ่ง ไม่มีอาสวะ ย่อมดับสนิท.
(ยสทตฺตเถร) ขุ. เถร. ๒๖/๓๒๓.
๑๗๖. โย เตสุ คุตฺโต วิทิตินฺทฺริโย จเร
ธมฺเม ฐิโต อชฺชวมทฺทเว รโต
สงฺคาติโค สพฺพทุกฺขปฺปหีโน
น ลิมฺปตี ทิฏฺฐสุเตสุ ธีโร.
ผู้ใด ระมัดระวังอินทรีย์เหล่านั้น รู้จักอินทรีย์ ๖ ตั้งอยู่ในธรรม
ยินดีในความซื่อตรงและความอ่อนโยน ล่วงกิเลสเครื่องข้องเสียได้
ละทุกข์ได้ทั้งหมดเที่ยวไป, ผู้นั้น เป็นธีรชน ย่อมไม่ติดในสิ่งที่เห็น
แล้วและได้ฟังแล้ว.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๓๗๔.
๑๗๗. โรสโก กทริโย จ ปาปิจฺโฉ มจฺฉรี สโฐ
อหิริโก อฺนตฺตปฺปี ตํ ชญฺญา วสฺโล อิติ.
ผู้ใดเป็นคนขัดเคือง เหนียวแน่น ปรารถนาลามก ตระหนี่
โอ้อวด ไม่ละอาย และไม่เกรงกลัวบาป พึงรู้ว่า ผู้นั้นเป็นคนเลว.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๓๕๑.
๑๗๘. ลาภกมฺยา น สิกฺขติ อลาเภ จ น กุปฺปติ
อวิรุทฺโธ จ ตณฺหาย รเส จ นานุคิชฺฌติ.
บัณฑิตไม่ศึกษา เพราะอยากได้ลาภ, ไม่ขุ่นเคือง เพราะเสื่อม
ลาภ, ไม่ยินดียินร้ายเพราะตัณหา และไม่ติดในรส.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๕๐๑. ขุ. มหา. ๒๙/๒๘๔.
๑๗๙. สงฺขาย โลกสฺมิ ปโรปรานิ
ยสฺสิญฺชตํ ขตฺถิ กุหิญฺจิ โลเก
สนฺโต วิธูโม อนีโฆ นิราโส
อตาริ โส ชาติชรนฺติ พฺรูมิ.
ผู้ใดพิจารณาเห็นความยิ่งและหย่อนในโลกแล้ว ไม่มีความ
หวั่นไหวในอารมณ์ไหน ๆ ในโลก, เรากล่าวว่า ผู้นั้นเป็นผู้สงบ
ไม่มีกิเลสดุจควันไฟ ไม่มีทุกข์ ปราศจากตัณหา ข้ามชาติชราได้.
(พุทฺธ) องฺ. ติก. ๒๐/๑๖๙.
๑๘๐. สพฺพทา เว สุขํ เสติ พฺราหฺมโณ ปรินิพฺพุโต
โย น ลิมฺปติ กาเมสุ สีติภูโต นิรูปธิ.
ผู้ใดเป็นผู้เยือกเย็น ไม่มีอุปธิ ไม่ติดในกาม, ผู้นั้นเป็น
พราหมณ์ เป็นผู้ดับแล้ว อยู่เป็นสุขทุกเมื่อ.
(พุทฺธ) สํ. ส. ๑๕/๓๑๒.
๑๘๑. สพฺพโส นามรูปสฺมึ ยสฺส นตฺถิ มมายิตํ
อสตา จ น โสจติ ส เว ภิกฺขูติ วุจฺจติ.
ผู้ใดไม่มีความยึดถือว่าของเราในนามรูปโดยประการทั้งปวง
และผู้ใดย่อมไม่เศร้าโศกเพราะนามรูปที่ไม่มีอยู่, ผู้นั้นแลท่านเรียกว่า
ภิกษุ.
(พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/๖๕.
๑๘๒. สพฺพา อาสตฺติโย เฉตฺวา วิเนยฺย หทเย ทรํ
อุปสนฺโต สุขํ เสติ สนฺตึ ปปฺปุยฺย เจตโส.
ผู้ใดตัดความข้องทั้งปวงแล้ว บรรเทาความกระวนกระวายใจ
ได้, ผู้นั้น ถึงความสงบใจ เป็นผู้สงบระงับอยู่เป็นสุข.
(พุทฺธ) องฺ. ติก. ๒๐/๑๗๕.
๑๘๓. สพฺเพสุ กาเมสุ โย วีตราโค
อากิญฺจญฺญํ นิสฺสิโต หิตฺวมญฺญํ
สญฺญาวิโมกฺเข ปรเมธิมุตฺโต
ติฏฺเฐยฺย โส ตตฺถ อนานุยายี.
ผู้ใดปราศจากความติดในกามทั้งปวง ล่วงฌานอื่นได้แล้ว
อาศัยอากิญจัญญายตนฌาน น้อมใจไปในสัญญาวิโมกข์อันประเสริฐ,
ผู้นั้นจะพึงในอากิญจัญญายตนฌานนั้น ไม่มีเสื่อม.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๕๓๘. ขุ. จู. ๓๐/๑๓๓.
๑๘๔. ส วีตราโค ส วิเนยฺย โทสํ
เมตฺตจิตฺตํ ภาวเยฺย อปฺปมาณํ
สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ
อนินฺทิโต พฺรหฺมมุเปติ ฐานํ.
ผู้ปราศจากราคะ และกำจัดโทสะได้แล้วนั้น พึงเจริญเมตตาจิต
ไม่มีประมาณ. ผู้นั้น งดอาชญาในสัตว์ทั้งปวงแล้ว ไม่ถูกติเตียน
ย่อมเข้าถึงสถานอันประเสริฐ.
(สรภงฺคโพธิสตฺต) ขุ. ชา. จตฺตาฬีส. ๒๗/๕๔๒.
๑๘๕. โส อุภนฺตมภิญฺญาย มชฺเฌ มนฺตา น ลิมฺปติ
ตํ พฺรูมิ มหาปุริโสติ โส อิธ สิพฺพนิมจฺจคา.
ผู้ (ดับกิเลสได้แล้วหมดความหวั่นไหว) นั้น รู้ที่สุดทั้ง ๒ แล้ว
ย่อมไม่ติดในท่ามกลางด้วยปัญญา, เราเรียกผู้นั้นว่า เป็นมหาบุรุษ
ผู้นั้นละตัณหาเครื่องเย็บร้อยใจในโลกนี้ได้แล้ว.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๕๓๒. ขุ. จู. ๓๐/๓๕.
๑๘๖. โสกปริเทวมจฺฉรํ
น ชหนฺติ คิทฺธา มมายิเต
ตสฺมา มุนโย ปริคฺคหํ
หิตฺวา อจรึสุ เขมทสฺสิโน.
ผู้ติดในสิ่งที่ยึดถือว่าของเรา ย่อมละความโศกเศร้า ความ
รำพัน และความตระหนี่ไม่ได้ เพราะฉะนั้น มุนีทั้งหลายผู้เห็นความ
ปลอดภัย จึงละความยึดถือไปได้.
(พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/๑๙๓. ขุ. มหา. ๒๙/๑๕๔.
๑๘๗. โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา
โคมิโก โคหิ ตเถว โสจติ
อุปธีหิ นรสฺส โสจนา
น หิ โส โสจติ โย นิรูปธิ.
ผู้มีบุตรย่อมเศร้าโศกเพราะบุตร, ผู้มีโคย่อมเศร้าโศกเพราะโค
เหมือนกัน, นรชนมีความเศร้าโศกเพราะอุปธิ, ผู้ใด ไม่มีอุปธิ ผู้นั้น
ไม่ต้องเศร้าโศกเลย.
(พุทฺธ) สํ. ส. ๑๕/๙.