
เทศกาล "กินเจ" แล้วต้อง "ด่าแบบเจ" ด้วยนะ!!!
.
ช่วงนี้ก็เป็นเทศกาลกินเจ ฟังว่า ตั้งแต่ ๔ ต.ค. - ๑๓ ต.ค. ถ้าฟังผิดก็ขออภัย ก็มีหลาย ๆ คน งดเว้นการกินเนื้อสัตว์ แล้วหันมากินเจแทนในช่วงเทศกาล ก็ถือปฏิบัติไปตามประเพณีปีละหน หรือบางคนก็กินเจเป็นปกติอยู่แล้ว ก็ไม่ว่ากัน จะกินเจ หรือกินเนื้อ ก็กินไปเถอะ แต่สำคัญตรงที่ว่า ระวังอย่าทำความเห็นให้ผิดจนกลายเป็นมิจฉาทิฎฐิไปก็แล้วกัน ถ้ามันเป็นมิจฉาทิฎฐิฝังลึกแล้ว แก้ยากมาก
.
มีคนพูดตลกว่า ถ้ากินเจแล้ว หากโกรธใครขึ้นมา ถ้าทนไม่ไหว อยากจะด่าใคร ก็ให้ด่าแบบเจด้วย เฮ๊ย!!! มีด้วยหรือ? ด่าแบบเจ อ้าว!! มีสิ ก็ให้ด่าโดยงดเว้นการออกชื่อสัตว์ยังไงเล่า! คือเลี่ยงไปใช้คำด่าต่อไปนี้แทน เช่น คุณถั่วงอก คุณเห็ดหอม คุณดอกกะหล่ำ คุณฟักทอง อะไรประมาณนี้!!
.
ถ้าด่าแบบเจได้ ดูท่าน่าจะปลอดภัย ไม่ต้องคอยระวังว่า ตีนใครจะลอยฝ่าอากาศมากระทบปาก ถึงขั้นฟันหลุดออกจากปากได้ โดยไม่ต้องให้หมอฟันมาช่วยถอนให้เสียเวลา
.
เราเคยได้ยิน พ่อแม่ครูจารย์ องค์หลวงตาพระมหาบัว ท่านเทศน์กรณีพระอาจารย์อุ่น ซึ่งเป็นลูกศิษย์ผู้ใหญ่ของหลวงปู่มั่นองค์หนึ่ง ท่านฉันเจมานานนับ ๑๐ ปี แต่หลวงปู่มั่นบังคับให้ท่านเลิกฉันเลยทีเดียว
.
เพราะความเคารพในองค์หลวงปู่มั่น ท่านยอมละทิฎฐิเดิม หันมาฉันเนื้อสัตว์ตามปกติที่ธรรมวินัยอนุญาตให้ฉันได้ แต่กว่าที่ท่านจะกลับลำได้ ต้องใช้เวลานานหลายปี เพราะฉันทีแรกก็อ้วกออกมาหมด ร่างกายมันก็ไม่รับเอาเลย ต้องฝึกต้องฝืน และใช้เวลานานมากทีเดียว ถ้ามิใช่เป็นเพราะความเคารพในองค์หลวงปู่มั่น คงยากที่ท่านจะทำตาม
.
แต่ถ้าถามว่า แล้วทำไมองค์หลวงปู่มั่น จึงบังคับให้พระอาจารย์อุ่น เลิกฉันเจ คงยากที่ใคร ๆ จะตอบแทนท่านได้ รู้ได้แต่เพียงว่า การฉันเจนั้น หากฉันด้วยมิจฉาทิฎฐิแล้ว มันก็ขวางมรรคขวางผลอย่างแน่นอน ชรอยองค์ท่านอาจจะเล็งเห็นอุปนิสัยบางอย่างของพระอาจารย์อุ่น และเห็นว่าเป็นลูกศิษย์ที่ยังพอแก้ไขได้ ท่านจึงเมตตาเป็นกรณีพิเศษ
.
ดังนั้น หากใครที่คิดจะเปลี่ยนทิฎฐิไปกินเจ ก็จงคิดให้ดีเสียก่อน หากจะกินผักเพื่อสุขภาพ ก็กินไปเถอะ หรือจะงดเว้นเนื้อบางอย่างเพื่อสุขภาพ เพราะมันแสลงต่อโรค หรือทำให้เกิดโรค ก็งดเว้นไปเถอะ แต่ไม่จำเป็นต้องสร้างทิฎฐิที่ผิด ๆ ฝังไว้ในหัวโดยไม่จำเป็นว่า จะกินแต่ผักไม่กินเนื้อ หรือจะกินแต่เนื้อไม่กินผัก มันก็สร้างความยึดมั่นถือมั่นผิด ๆ ให้กับจิตใจไปโดยเปล่าประโยชน์
.
เพราะไม่ว่าจะเป็น พืช หรือ สัตว์ มันก็มีทั้งคุณและโทษอยู่ในตัวมันดุจเดียวกัน พืชผักเป็นพิษก็มี เป็นคุณก็มี เนื้่อสัตว์เป็นพิษก็มี เป็นคุณก็มี ในธรรมท่านก็สอนให้พิจารณาโดยแยบคาย อะไรที่มันเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย กินแล้วไม่เกิดโทษ ไม่ผิดธรรมผิดวินัย ก็กินไปเถอะ ส่วนอันใดที่มันกินแล้วเกิดโทษต่อร่างกาย ผิดธรรมผิดวินัย ก็จงงดเว้นไป ไม่ว่าจะเป็น "พืช" หรือเป็น "สัตว์"
.
ดังนั้น การกินผักไม่กินเนื้อก็ดี หรือการกินเนื้อไม่กินผักก็ดี ก็เท่ากับไปสร้างกฏกติกาผูกมัดตัวเองไว้ในที่แคบ ๆ โดยไม่จำเป็น มิหนำซ้ำ หากเกิดมิจฉาทิฏฐิก็กลายเป็นโทษตีพิษขึ้นที่ใจ ขวางกั้นทางไปสู่มรรคผลนิพพานให้ตีบตันคับแคบหนักเข้าไปอีก
.
ยิ่งถ้าไปบอกว่า การกินเจ งดเว้นไม่กินเนื้อสัตว์ทุกชนิด ถือเป็นการเมตตาสัตว์ ไม่เบียดเบียนสัตว์ และช่วยให้สัตว์ถูกฆ่าน้อยลง ก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะการที่คนจะเกิดเมตตาสัตว์ ไม่เบียดเบียนสัตว์ และไม่ฆ่าสัตว์ได้นั้น มันต้องอาศัยสติปัญญาอันลึกล้ำ ที่มองเห็นคุณค่าของการดำรงชีวิตอยู่อย่างเท่าเทียมกันของทุกสรรพสัตว์ในโลก
.
ไม่คำนึงว่าจะเป็นคนหรือเป็นสัตว์ เป็นหญิงหรือเป็นชาย เป็นสัตว์เล็กหรือเป็นสัตว์ใหญ่ ทุกชีวิตล้วนต้องการความเป็นอยู่อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน รักตัวกลัวตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ด้วยกันทั้งนั้น ทั้งไม่ต้องการให้ใครมาข่มเหงรังแกเช่นเดียวกัน
.
ต้องมีสติปัญญาพิจารณาด้วยจิตที่เป็นธรรมอย่างละเอียดลออ ปราศจากความลำเอียงด้วยอคติทั้งสี่ ซึ่งไม่ใช่ของง่าย ที่ใคร ๆ จะทำความเห็นให้ได้อย่างนั้น เป็นเรื่องใหญ่โตระดับโลกเลยทีเดียว
.
ลำพังการกินเจของใครคนหนึ่ง จะไปแก้ปัญหาใหญ่โตเช่นนั้นได้อย่างไร? ควรแก้ปัญหาที่ตัวเองคนเดียวนี้ให้ได้เสียก่อนเถิด ถ้าอยากจะกินเจก็กินไปเถอะ แล้วทำตัวเองให้เกิดความเมตตาสัตว์ ไม่เบียดเบียนสัตว์ และไม่ฆ่าสัตว์ให้ได้อย่างถาวรเสียก่อน ถ้าแก้ปัญหาให้กับตัวเองได้แล้ว การจะไปช่วยแก้ปัญหาให้กับคนอื่น ก็เป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ และทำได้อย่างถูกต้องอีกด้วย
.
สัตว์อาจจะถูกฆ่าน้อยลงบ้างในช่วงเทศกาลกินเจ แต่นั่นเป็นเพราะกลไกทางการตลาด หาเป็นเพราะการกินเจอย่างแท้จริงไม่ คือ เป็นหลักเศรษฐศาสตร์อย่างง่าย ๆ ถ้ามองในแง่ที่ว่า เนื้อสัตว์เป็นสินค้า เมื่อมีความต้องการเนื้อสัตว์น้อยลง การผลิตก็จะน้อยลงไปตาม พอผ่านพ้นเทศกาลไปแล้ว สัตว์ตัวไหนมีกรรมที่ต้องถูกฆ่า ก็ยังคงถูกฆ่าอยู่เหมือนเดิม
.
ถ้าสัตว์จะตายน้อยลงได้ ต้องรณรงค์ให้ทุกคน เห็นคุณของศีล แล้วหันมารักษาศีล ถ้าทำให้คนรักษาศีลได้ คนก็จะละเว้นการฆ่าสัตว์ไปเอง อย่างน้อยทำตัวเราคนหนึ่งให้เป็นผู้มีศีลมั่นคงก่อน อันนี้จะเป็นเหตุผลให้พูดได้ว่า สัตว์จะถูกฆ่าน้อยลงจากน้ำมือของเราคนเดียวนี้ ส่วนคนอื่น ๆ เราไปบังคับเขาไม่ได้ การจะกินเจ หรือไม่กินเจ ก็หาเป็นสาระสำคัญอันใดไม่
.
การกินเจของใครคนหนึ่ง จึงไม่อาจมีอิทธิพลไปยกเลิกกรรมของสัตว์ ที่มีกรรมจะต้องตายเพราะถูกคนอื่นสัตว์อื่นฆ่าตายได้
.
การกินเจของใครคนหนึ่ง ถ้ากินเจอย่างเดียว แต่ไม่ได้รักษาศีลตลอดชีวิต ก็ไม่มีบุญกุศลใด ๆ เกิดขึ้นเพราะการกินเจนั้น ถ้าการกินเจกินผักเป็นบุญได้ พวกวัว พวกควาย มันคงได้บุญกันเพียบเลย
.
การกินเจของใครคนหนึ่ง ในช่วงเทศกาลก็เพียงแค่ชลอการฆ่าสัตว์ให้ยืดเวลาออกไปหน่อยเท่านั้นเอง ไม่อาจช่วยทำให้สัตว์ถูกฆ่าน้อยลงได้อย่างแท้จริง แต่ถ้ากินเจแล้ว เกิดมิจฉาทิฎฐิอยู่ในใจ กลับทำให้ตัวเองเกิดบาปโดยไม่จำเป็น และอย่างแท้จริงด้วย
.
การกินเจของใครคนหนึ่ง ไม่อาจทำให้จิตใจของคนที่ประกอบอาชีพเกี่ยวข้องกับการฆ่าสัตว์ ให้เขาเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นได้
.
การกินเจของใครคนหนึ่ง ไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจของคนที่ฆ่าสัตว์อยู่เป็นนิจ ให้เห็นโทษของการฆ่า แล้วหันมาถือศีล เลิกฆ่าสัตว์ตลอดชีวิตได้เลย
…………
มาฟังโอวาทธรรมของหลวงปู่มั่น ที่พูดเกี่ยวกับเรื่องกินเจดูบ้าง ท่านเทศน์ไว้ประทับใจจริง ๆ ผู้มีปัญญาฟังแล้ว ก็ต้องได้ปัญญาอย่างไม่ต้องสงสัย แต่จะเป็นคำเทศน์ของหลวงปู่มั่น ทั้งหมดหรือไม่ ก็ไม่กล้ารับรอง เพราะไม่ได้ยินกับหู ได้แต่ฟังเขาพูดมาอีกต่อหนึ่ง
.
โอวาทธรรม ของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
สอนเรื่องการกินเจ เทศน์แก่พระอาจารย์อุ่น กลฺยาณธมฺโม ซึ่งเป็นลูกศิษย์ผู้ใหญ่ของท่าน
.
“คนเรามันไม่ได้วิเศษเพราะการกินผักกินเนื้อนะ แต่มันวิเศษด้วยการพินิจพิจารณาโดยแยบคาย อันผักหญ้าเนื้อนั้นมันไม่ได้รู้เรื่องดี เรื่องชั่ว เหมือนคนเรา จิตเราดอก
.
พระธรรมคำสอนแง่หนักเบาต่างหาก ที่เรานำมาพินิจพิจารณา แล้วนำมาสอนตนจะทำให้เราดีขึ้นได้ เรื่องกิน อยู่หลับนอน อะไร ๆ พระพุทธเจ้าพระองค์ก็ทรงบัญญัติไว้หมดแล้ว ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร กับการกินเจไม่กินเจ กินเนื้อไม่กินผัก กินแต่ผักไม่กินเนื้อ อันไหนกินได้ ฉันได้ ท่านก็บัญญัติไว้หมดแล้ว
.
ถ้าท่านคิดว่า การกินแต่ผัก ทำให้ท่านเลิศเลอเป็นผู้วิเศษขึ้นมาได้ อันนี้ผมก็สุดปัญญาที่จะสอนท่าน ถ้าการกินแต่ผักอย่างท่านว่า เป็นผู้บริสุทธิ์สิ้นกิเลส จบพรหมจรรย์ได้ มนุษย์ไม่ได้สิ้นกิเลสหรอก วัวควายเป็นต้นนั่นแหละ มันจะสิ้นก่อน เพราะมันไม่ได้กินเนื้อ มันกินแต่ผักแต่หญ้าเต็มปากเต็มพุง มันกินแต่ผักแต่หญ้า ทำไมลูกมันถึงเต็มท้องไร่ทุ่งนา
.
ถ้าการกินแบบท่านว่าเป็นของเลิศ วัวควายมันเลิศก่อนแล้ว เพราะมันเกิดมามันก็กินแล้ว โดยไม่ต้องมีใครคอยสอน ถึงท่านกินยังไง มันก็ไม่เท่าวัวเท่าควายกินหรอก เพราะวัวควายมันปฏิเสธเนื้อโดยประการทั้งปวง กินแต่ผักแต่หญ้า
.
ถ้าจะกินเจ ฉันเจ กินผักไม่กินเนื้อ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่การไปหาตำหนิคนโน้นคนนี้ ว่ากินเนื้อเป็นเปรตเป็นผี มันไม่สมควร แล้วก็มาหลงตน ยกยอตนว่าเป็นผู้ประเสริฐกว่าคนอื่นเขา ท่านดูใจของท่านเองก็ได้นี่ ว่ามันประเสริฐตรงไหนหรือยัง ถ้ายังไม่ประเสริฐให้รีบแก้ ราคะ โทสะ โมหะ ที่เผาหัวอยู่นั่นล่ะ มันเป็นสิ่งที่ท่านต้องแก้เสียโดยเร็วพลัน ไม่ใช่วัน ๆ เที่ยวแต่ชวนหาคนมากินผัก ไอ้ผักนั้นผมก็กิน
.
คนเรามันประเสริฐเลิศได้ด้วยความประพฤติ มิใช่เพราะการกิน ส่วนเรื่องการกินเป็นเรื่องรอง ๆ อย่าเอามาเป็นเรื่องเอก ท่านจะกินก็กินเถอะเจ ผักของท่านนั้น ผมไม่เอาด้วยหรอก”
.
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เทศน์แก่พระอาจารย์อุ่น กลฺยาณธมฺโม ซึ่งเป็นลูกศิษย์ผู้ใหญ่ของท่าน เมื่อท่านพูดจบลง คณะญาติโยมที่มาด้วยเงียบกริบ มองตากันปริบ ๆ ไม่มีใครกล้าพูดกล้าแสดงอะไรอีก บางคนคงจะรู้สึกว่า เหมือนฟ้ามันผ่าลงที่กบาลฤดูแล้ง บางคนก็คงจะเห็นเหตุผลที่ท่านแสดงอย่างคมคาย แต่สำหรับบางคนที่จิตใจไม่ยอมรับความจริง ก็ถือว่าเป็นกรรมของสัตว์ไป
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๔


๕ ตุลาคม ๒๕๖๔