ReadyPlanet.com
dot

dot
dot
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
bullet สมัครสมาชิก
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
ชมคลิปวีดีโอน่าสนใจ
ยังไม่มีสมาชิกที่ล็อกอินในขณะนี้
bulletบุคคลทั่วไป 18 คน
dot
dot

dot


ฟัง F.M. 103.25 MHz.
ชมทีวีช่องหลวงตา
ฟังวิทยุออนไลน์ วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน
ชมคลิปวีดีโอน่าสนใจ
เข้าชม face book วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน


ข่าวดังโซเชียล
 
มีคำถามเข้ามาว่า เรื่องที่กำลังเป็นข่าวดังอยู่ในโซเชี่ยลเวลานี้ พระอาจารย์คิดเห็นอย่างไร?
.
เป็นคำถามหนักทีเดียว เราก็คิดอยู่นานยังหาคำตอบที่ดีไม่ได้ เพราะมันตอบยาก เราเองก็ไม่เคยได้พบเห็น ไม่เคยเรียนรู้ข้อวัตรปฏิปทาของท่าน จะไปตอบสุ่มสี่สุ่มห้าด้นเดาเกาหมัดเอาตามความคิดความเชื่อของตัวเองไม่ได้
.
ถ้าจะตอบก็ต้องตอบไปตามพระธรรมวินัยเป็นบรรทัดฐาน และต้องเป็นผลดีไม่ก่อให้เกิดโทษ เพราะเรื่องราวมันมีลึกมีตื้น มีหยาบมีละเอียด มีได้มีเสีย ไม่ใช่จะตอบแบบพูดเอามัน พูดพล่อย ๆ พูดเกาะกระแส พูดไปตามความรู้สึกของตัวเอง
.
ต้องยึดถือเอาตามพระธรรมวินัย และปฏิปทาในฝ่ายพระธุดงคกรรมฐานที่พ่อแม่ครูอาจารย์องค์หลวงตาพระมหาบัว พาดำเนินมาด้วย เพราะอันนี้เป็นที่ตายใจได้
.
เราเห็นหลายคนโพสต์อธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ราวกับเป็นนักปราชญ์ผู้ฉลาดแหลมคม การตอบโดยใช้ศรัทธาและความคาดเดาของตัวเองนั้น มันอันตรายมาก ก็อดเป็นห่วงไม่ได้
.
ถ้าสิ่งที่คุณคิดมันเป็นความจริงที่ถูกต้อง ก็แค่เสมอตัว แต่ถ้ามันไม่เป็นความจริง ก็จะได้ตีตั๋วไปเที่ยวนรกกันเลยทีเดียว
.
 
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “สุทธิ อะสุทธิ ปัจจัตตัง นาญโญ อัญญัง วิโสธะเย” แปลว่า “ความบริสุทธิ์ หรือไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว บุคคลจะยังคนอื่นให้บริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ หาได้ไม่”
.
ใครมีคุณวิเศษอันใด จึงจะไปรับรองว่า ผู้นี้จะเป็นพระอรหันต์ หรือผู้นั้นจะไม่ใช่พระอรหันต์ ผู้ที่จะรู้ได้ว่า ใครเป็นพระอรหันต์ หรือใครไม่เป็นพระอรหันต์ ก็มีแต่พระอรหันต์ด้วยกันเองเท่านั้น
.
ถ้าท่านเป็นพระอรหันต์ แต่เราไปตำหนิว่า ท่านไม่เป็นพระอรหันต์ ความหายนะก็จะพึงบังเกิด
.
หรือถ้าท่านไม่เป็นพระอรหันต์ แต่เราไปยกย่องว่า ท่านเป็นพระอรหันต์ ความหายนะก็จะพึงบังเกิดเช่นเดียวกัน สรุปแล้วก็มีแต่เสียกับเสีย
.
ดังนั้น ผู้มีปัญญาก็จงอย่าเอาความรู้สึกของตัวเองไปพยากรณ์ความเป็นพระอรหันต์ หรือไม่เป็นพระอรหันต์ของใครเลย  ถ้าไม่รู้จริงด้วยตัวเอง ก็จงอยู่เฉย ๆ นั่นแหละดีกว่า ถือหลักปลอดภัยเอาไว้ก่อนจึงเป็นการสมควรแท้
.
 
อันนี้พูดไปตามพระธรรมวินัย ไม่เจตนาจะให้กระทบกระทั่งท่านผู้ใด ถ้าเราอยากฟังธรรมเพื่อให้รู้ธรรมเห็นธรรม ก็จงฟังด้วยใจเป็นกลาง แล้วใคร่ครวญไปตามพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ดีแล้วนั้น พิจารณาให้มาก ทำให้มาก
.
ถ้าเราพิจารณาพระธรรมวินัยให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ก็จะเข้าไปเห็นความจริงด้วยสติปัญญาของตัวเอง ว่าเป็นจริงดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ทุกประการ อย่างไม่มีผิดพลาดคลาดเคลื่อนแม้แต่เพียงนิดเดียว
.
อะไรที่มันขัดกับพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว แม้มันจะถูกใจเรา หรือเราเชื่อว่า เป็นอย่างนั้น หรือจะฟังใครพูดมาก็ตาม ให้เรายกไว้ก่อน อย่าเพิ่งเชื่อหรือไม่เชื่อ จนกว่าเราจะหาทางพิสูจน์ได้ บทพิสูจน์ก็มีดังนี้ :-
.
๑. ต้องไม่ผิดไปจากพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ ไม่ใช่ไปคิดเอาเอง ลักษณะตัดสินพระธรรมวินัย ๘ ประการ นั้นชัดเจนที่สุดแล้ว
.
๒. เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ตายใจได้จริง ๆ บอกต่อกันมา คำว่า ตายใจได้ คือ ท่านเป็นพระอรหันต์แท้ เราได้ไปศึกษาอยู่กับท่าน ได้ยินได้ฟังคำสอนของท่าน ได้เห็นวัตรปฏิบัติของท่าน ได้เห็นปฏิปทาความเพียรในการชำระกิเลสของท่าน
.
ที่สำคัญคือ ดูอุบายวิธีปฏิบัติที่ท่านใช้ในการชำระกิเลสของท่าน ผู้สิ้นกิเลสจะพูดได้อย่างอาจหาญในกลอุบายที่ท่านใช้จัดการกับกิเลส ท่านทำความเพียรสู้ทุกข์อย่างไร ท่านใช้อุบายปัญญาประเภทใด จึงเอาชนะทุกขเวทนาอันแรงกล้าที่เกิดขึ้นภายในกายได้ โดยที่ใจสงบนิ่งไม่หวั่นไหวไปกับทุกขเวทนาอันเผ็ดร้อน
.
 

ที่กล่าวมานี้ คือด่านอริยสัจ ๔ ที่พระอรหันต์ทุกประเภทต้องผ่านไปให้ได้เป็นเบื้องต้น เว้นแต่ผู้ที่จะบรรลุธรรมได้ในแบบที่เป็นขิปปาภิญญา คือ รู้ได้อย่างรวดเร็วจึงไม่ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลำบากมากนัก แต่ท่านก็เข้าใจวิธีการเอาชนะทุกข์ได้อย่างแจ่มแจ้ง และเอาชนะทุกข์ได้จริงอย่างไม่มีข้อสงสัย 
.
ไม่ใช่ดีแต่พูดอวดรู้อวดฉลาดเอาเองเฉย ๆ แต่ไม่มีข้อปฏิบัติเป็นเครื่องรับรอง พอกายเจอทุกขเวทนาเผ็ดร้อน ใจก็เป็นทุกข์กระวนกระวาย กายก็ดิ้นก็ร้องปานเสือถูกปืน อย่างนี้มันก็ใช้ไม่ได้
.
ผู้ที่จะผ่านอริยสัจ ๔ ขั้นสุดท้าย ยังต้องกำจัดความหลงอย่างละเอียดอันเป็นมิจฉาทิฏฐิที่สุขุมลุ่มลึกที่ฝังจมอยู่ภายในใจให้หมดสิ้นไปอย่างไม่เหลือซากอีกต่างหาก ใจจึงจะเปิดเผยให้เห็นธรรมอันบริสุทธิ์ขึ้นมาแทน
.
การจะเป็นพระอรหันต์ได้นั้น แต่ละองค์ล้วนต้องผ่านความเพียรขั้นเดนตายมาแล้วทั้งนั้น มิใช่อยู่ ๆ ใคร ๆ ก็จะมาคิดนึกเอาเองตามใจชอบ หรือตามความเชื่อว่า องค์นั้นเป็นพระอรหันต์ องค์โน้นเป็นพระอรหันต์ โดยไม่รู้ข้อวัตรปฏิบัติอะไรเลย
.
 
 
ดังนั้น ถ้าอยากจะรู้ว่าใครจะเป็นพระอรหันต์ หรือไม่เป็นพระอรหันต์ ก็ต้องเข้าไปศึกษาข้อวัตรปฏิบัติของท่าน ศึกษาคำสอนของท่าน ดูอุบายวิธีการชำระกิเลสของท่าน ท่านชำระกิเลสให้หมดสิ้นไปได้อย่างไร ได้แค่ไหน ท่านก็รู้ได้แค่นั้น พูดได้แค่นั้น พูดเลยนั้นไป ก็มีแต่ผิดกับผิด อย่างนี้เป็นต้น
.
เราเองไม่ได้อยากรู้เลยว่า ใครจะเป็นพระอรหันต์ หรือไม่เป็นพระอรหันต์ ยกให้เป็นเรื่องของท่าน ไม่ใช่เรื่องของเรา ถึงรู้ไปก็ไม่ช่วยทำให้เรามีคุณธรรมเหมือนท่านได้ นอกเสียจากเราจะเร่งทำความเพียรด้วยตัวเอง ปฏิบัติไปตามศีล สมาธิ ปัญญา ทำให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ก็จะพอมีทางให้ได้บรรลุธรรมตามสมควรแก่วาสนาบารมีในชาตินี้
.
หรืออย่างน้อยก็ให้มี ศีล สมาธิ ปัญญา เจริญรุดหน้ามั่นคงยิ่ง ๆ ขึ้นไป เป็นต้นทุนหนุนส่งบารมีธรรมให้สูงส่งยิ่ง ๆ ขึ้นไปในภพหน้าชาติหน้า อยากได้อย่างไหนก็เลือกทำเอาเอง
.
พระอริยเจ้าทุกประเภท นับตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ แม้ท่านจะอยู่เหนือสมมติแล้ว แต่ท่านก็ยังเคารพพระธรรมวินัยอันเป็นสมมตินี้ยิ่งชีวิต เพื่อทอดสะพานให้กุลบุตรผู้มาสุดท้ายภายหลังได้ก้าวเดินตาม
.
มิใช่ว่า เป็นพระอริยเจ้าแล้ว จะทำอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องถือพระธรรมวินัยอีกแล้ว เลยไปทุบสะพานทิ้งเสีย หากเป็นเช่นนั้น กุลบุตรผู้มาสุดท้ายภายหลังจะก้าวเดินตามพระธรรมวินัยได้อย่างไร แล้วใครจะเป็นศาสนทายาทสืบทอดพระพุทธศาสนาได้
.
อีกประการหนึ่ง ใครก็ตามถ้าไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ก็ไม่มีทางที่จะผ่านด่านอริยสัจ ๔ ที่มีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ ไปได้เลย คือไม่มีทางที่จะได้บรรลุมรรค ผล นิพพานใด ๆ ได้นั่นเอง
.
มิใช่ว่า พอสำเร็จเป็นพระอริยเจ้าแล้ว อยู่เหนือสมมติแล้ว เลยไม่เคารพสมมติ ไม่เคารพพระธรรมวินัย อยากจะทำอะไรก็ทำได้ ไม่ใช่อย่างนั้น
.
ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ย่อมตกอยู่ในกฏแห่งไตรลักษณ์ คือ เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง ไม่จีรังยั่งยืนอยู่เสมอ เป็นทุกขัง มีความเสื่อมสิ้นพิบัติแปรปรวนไปเป็นธรรมดา เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของผู้ใด ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
.
พระอรหันต์รูปร่างแปรเปลี่ยนได้ แก่ เจ็บ ตายเหมือนกับทุกคน มีทุกข์กายเจ็บปวดได้ แต่ทุกข์ใจท่านไม่มี ความทุกข์ไม่อาจแทรกซึมเข้าไปในจิตบริสุทธิ์ได้
.
พระอรหันต์มีความจำเสื่อมได้หลงลืมได้ คิดอะไรไม่ออกได้ ตาฝ้าตาฟาง หูตึงหูหนวกได้ การรับสัมผัสทางกายก็ผิดเพี้ยนไปได้ ก็เป็นไปตามสุขภาพร่างกายเหมือนคนทั่วไป เหล่านี้ ถือเป็นเรื่องของขันธ์ ๕ เป็นเรื่องของสมมติ ต้องตกอยู่ในกฏแห่งไตรลักษณ์
.
 
ดังนั้น ถ้าครูบาอาจารย์ทุพพลภาพช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรืออาจทำอะไรไปตามสภาพของขันธ์ ถ้าล่อแหลมจะผิดต่อพระธรรมวินัย ลูกศิษย์ลูกหาที่ฉลาดก็ต้องคอยป้องกัน สิ่งใดที่ไม่เหมาะไม่ควร แม้เพียงอาหารการกินที่แสลงต่อโรค ไม่ถูกกับธาตุขันธ์ ยังต้องมีการคัดกรองออกไป อย่าว่าแต่สุภาพสตรีที่เป็นภัยร้ายแรงต่อพรหมจรรย์ ไฉนจะปล่อยให้เข้าไปใกล้ชิดจนเกินขอบเขตได้ เรื่องเช่นนี้ลูกศิษย์ลูกหาที่ฉลาดต้องรู้จักคิดเองได้อยู่แล้ว
.
ส่วนเรื่องการหลงลืมนั้นก็มีได้เป็นธรรมดา เพราะสัญญาขันธ์ เป็นความจดความจำมันก็ไม่เที่ยง แต่สิ่งหนึ่งที่พระอริยเจ้าทั้งหลายจะไม่มีวันลืม ก็คืออริยสัจ ๔ ที่ท่านรู้แล้วเห็นแล้ว เพราะอันนี้คือความจริงที่เกิดขึ้นที่ใจ มิได้อยู่ในวงของขันธ์ ๕ พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ท่านไม่มีเจตนาที่จะกระทำชั่วใด ๆ อีกเลย นับตั้งแต่วันที่ได้ตรัสรู้อริสัจ ๔
.
เว้นไว้แต่สิ่งที่ท่านเคยทำเป็นนิสัยวาสนาสั่งสมมาตั้งแต่ครั้งยังมีกิเลส ก็อาจยังหลงเหลืออยู่บ้าง เพราะภูมิสาวกละนิสัยวาสนาไม่ได้ มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่ละนิสัยวาสนาได้เพียงพระองค์เดียว
.
ดังนั้น เรื่องราวของพระอรหันต์เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนยิ่งนัก ไม่ใช่เรื่องที่ใคร ๆ จะไปด้นเดาเกาหมัดคิดเอาเองตามใจที่ยังหนาแน่นด้วยกิเลส
.
ในครั้งพุทธกาลพระสารีบุตรเคยเกิดเป็นลิงมา ๕๐๐ ชาติ นิสัยของลิงจึงฝังมา พอท่านเห็นหนองน้ำ เห็นขอนไม้ท่านก็นุ่งโจงกระเบนทำท่ากระโดดเหมือนลิง บรรดาพระหนุ่ม ๆ เห็นแล้ว ก็ตำหนิติเตียนว่า เป็นถึงพระอัครสาวก เหตุไฉนมาแสดงพฤติกรรมอันน่าเกลียดเช่นนี้
.
พระพุทธเจ้าจึงต้องตรัสเตือนเหล่าสาวกให้เข้าใจ ว่าท่านมิได้มีเจตนาที่จะทำเช่นนั้น แต่หากเป็นด้วยนิสัยวาสนาเก่าที่สั่งสมมาหลายภพหลายชาติบันดาลให้เป็นไป
.
หรือพระสันตกายเคยเกิดเป็นราชสีห์ถึง ๕๐๐ ชาติ ท่านจะยืนจะเดินจะนั่งจะนอน ก็ล้วนมีกิริยาสง่าสงาม มีสติสำรวมปานพระอรหันต์ จนพระหนุ่ม ๆ ก็สงสัย ท่านจะเป็นพระอรหันต์หรือเปล่าหนอ? พระพุทธเจ้าต้องตรัสบอกว่า ยังเป็นปุถุชนอยู่ แต่ท่านติดนิสัยสำรวมของราชสีห์มา จึงเป็นแบบนั้น
.
นี่! ยกตัวอย่างให้ฟังพอให้เข้าใจ ก็แค่อยากจะบอกว่า ใครทำดีก็ได้ดีเอง ใครทำชั่วก็ได้ชั่วเอง บุคคลจะยังคนอื่นให้ดีหรือชั่ว หาได้ไม่
.
พระท่านจะดีหรือจะชั่วให้ถือตามพระธรรมวินัย ลักษณะตัดสินพระธรรมวินัย ๘ ประการก็มีอยู่ อย่าถือเอาตามความเชื่อหรือตามความเห็นของตัวเอง หรือได้ยินได้ฟังจากใครมาก็ไม่รู้
.
 
พุทธเจ้ายังตรัสเอาไว้อีกว่า ถ้าอยากจะรู้ว่า ใครจะดี ใครจะชั่ว ให้ดูกันไปนาน ๆ ศึกษากันไปนาน ๆ อย่าดูแค่ฉาบฉวย เห็นเขาทำดี พูดดี หรือเห็นใครทำชั่ว พูดชั่ว นิด ๆ หน่อย ๆ ก็หลงเชื่อ ว่าดี ว่าชั่ว จนหัวปักหัวปำ เป็นเหตุนำมาซึ่งความทะเลาะวิวาทกัน นั่น! ไม่ใช่วิสัยของผู้มีปัญญา
.
จงดูเหตุการณ์อย่างสงบนิ่ง ใคร่ครวญหาเหตุผลด้วยสติปัญญา การจะทำดี ทำชั่ว มันแยกกันอยู่แล้ว ให้ดูเจตนาของการกระทำ ท่านเจตนาที่จะทำเช่นนั้นไหม ทำแล้วเป็นคุณหรือเป็นโทษ ทำเป็นอาจิณหรือเปล่า ทำโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว หรือทำโดยไม่ได้ตั้งใจที่จะทำ ค่อย ๆ ดูไป ปล่อยให้เหตุการณ์มันเปิดเผยตัวเอง ดีก็คือดี ชั่วก็คือชั่ว เราอย่าเพิ่งไปตัดสิน ไปฟันธงว่า ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างโน้น
.
ใครทำดีก็จะได้ดีเอง ใครทำชั่วก็จะได้ชั่วเอง บุคคลจะยังคนอื่นให้ดีหรือชั่ว หาได้ไม่ นี้! คือ สัจธรรมที่ไม่มีใครจะปกปิดได้ ไม่มีใครจะไปยัดเยียดให้ใครได้ ไม่มีใครจะเปลี่ยนแปลงให้เป็นอย่างอื่นได้
.
 
จงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยใจที่สงบเป็นกลาง อย่างผู้มีสติปัญญา ไม่ต้องเข้าข้างใคร  มีเหตุอันควรทำอย่างไรก็ทำไป ใครจะปกป้องครูบาอาจารย์แบบไหนจึงเหมาะจึงควรก็ทำไป ใครอยากจะสืบค้นหาความจริงก็ทำไป
.
ทุกอย่างมันมีความพอเหมาะพอดีอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว อยู่ที่ใครจะหาเจอไหม ทำได้หรือเปล่า ถ้ามากไปก็เกิดโทษ ถ้าน้อยไปก็เกิดโทษ จะทำอะไรก็ขอให้ตั้งอยู่บนความพอดีก็แล้วกัน เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา
.
อย่าไปใส่ร้ายป้ายสีกัน อย่าไปประทุษร้ายกัน ให้หาความจริงด้วยจิตเมตตาต่อกัน ถ้าใครรู้ว่าผิดก็ยอมรับว่าผิด ถูกก็ยอมรับว่าถูก ที่ผิดก็อย่าทำอีก ส่วนการที่จะแก้ไขให้ดีงามได้อย่างไรก็ทำไป เราต่างเป็นชาวพุทธด้วยกัน ถ้าต่างคนต่างช่วยกันทำดีเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา จึงเป็นการดีการชอบแท้
.
จงตั้งใจทำดีให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ต้องไปด่ากัน โกรธกัน ทะเลาะกัน มันจะทำให้เกิดความแตกแยกแตกสามัคคี นั่น! ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก
.
 
ถ้าอยากให้ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรือง ชาวพุทธต้องรักกันสามัคคีกัน และพร้อมใจกันทำดี ตั้งอยู่ในศีลในธรรม นี้ต่างหาก
.
เรื่องอื่น ๆ ใครจะดี ใครจะชั่ว เราไปตัดสินคนอื่นไม่ได้ มันจะเป็นเหตุให้ทะเลาะกัน ไม่มีใครอยากให้ใครมาว่าตัวเองไม่ดี แม้ตัวเองจะไม่ดีจริง ๆ ก็ตาม แค่ศึกษาให้รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว และจะแก้ไขให้ดีได้อย่างไร เท่านั้นก็พอแล้ว อย่าไปถึงกับเคียดแค้นอาฆาตพยาบาทจองเวรกัน อันเป็นการสร้างทุกข์ให้แก่ใจตัวเองเปล่า ๆ
.
อย่าไปอยากให้กรรมทำงานเร็ว หรือทำงานช้า อย่าไปอยากให้เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างโน้น เป็นเรื่องของกิเลสล้วน ๆ  ไม่มีอะไรจะอยู่เหนือกรรมได้ ไม่มีใครไปบังคับกรรมไม่ให้ปรากฏผลได้
.
 
จงตั้งใจคิดดี ทำดี พูดดีให้มาก ๆ ก็พอ แล้วปล่อยให้เป็นเรื่องของกรรมจะทำงานเอง ใครจะดี ใครจะชั่ว เดี๋ยวกรรมก็เปิดเผยตัวมันเอง อย่าไปเดือดเนื้อร้อนใจกับการกระทำไม่ดีของคนอื่น จนกินอยู่ไม่เป็นสุข จะหาความสุขไม่ได้ไปตลอดชีวิต เพราะเราไปห้ามคนไม่ให้ทำชั่วไม่ได้
.
ทำใจให้สบาย ๆ รักษาศาสนาพุทธในใจเราไว้ให้ดี ศีล สมาธิ ปัญญาในใจเราอย่าให้ขาดตกบกพร่อง อย่าให้เศร้าหมอง ส่วนศาสนาพุทธในใจคนอื่น ก็ยกให้เป็นเรื่องของคนอื่น ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกทำดีทำชั่วได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกรับผลดีผลชั่วตามใจตัวเอง
.
เอวัง! ก็มีด้วยประการฉะนี้!!
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๕_๐๕

 




สายธารธรรม โดย...เจ้าอาวาส

* ข้อวัตรปฏิปทาในพ่อแม่ครูอาจารย์
* บริขารพระป่าในปฏิปทาพ่อแม่ครูอาจารย์
* สุดรัก...สุดอาลัย... พ่อแม่ครูอาจารย์
* ประกาศวัดป่าบ้านตาด เรื่อง หนังสือภูริทัตตะ อัครเถราจารย์
* พระประวัติย่อ สมเด็จพระญาณสังวร ฯ
* ชมวีดีโอชิวิตที่วัดป่าบ้านตาด
* 100 ปี ชาตกาลองค์หลวงตา
* ชมวีดีโองานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
* ประวัติหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน (ย่อ)
* ทำเนียบพระสังฆาธิการจังหวัดเชียงใหม่
* คำพระอุปัชฌาย์สอนนาค
* สวดปาติโมกข์เมื่อ 30 พ.ค. 2546 ณ.วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
* สวดปาติโมกข์เมื่อ 1 มิ.ย. 2554 ณ.วัดพทธธัมมธโร สหรัฐอเมริกา
* เทศน์อบรมนักศึกษา ที่หอพระ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต 29 มิถุนายน 2555
* เทศน์อบรมนักศึกษา ที่ชมรมพุทธธรรมกรรมฐาน มช. 9 ส.ค. 2556
* เทศน์ที่เวที คปท. ๑๖ ก.พ. ๒๕๕๗
* เทศน์ที่วัชรธรรมสถาน ๒๕ เม.ย.๒๕๕๗
* เทศน์งานหลวงปู่เขียน ฐิตสีโล 5 ก.พ.2561
* เทศน์งานหลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต 8 มี.ค.2561
* เทศน์งานหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป 12 มี.ค.2561
* เทศน์งานหลวงปู่ท่อน ญาณธโร 11 ส.ค.2561
* เทศน์งานหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป 11 ก.พ.2562
* เทศน์งานวัดอโศการาม 17 มี.ค. 2562
* เทศน์งานหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป 15 พ.ย. 2562
* เทศน์งานวัดเจริญสมณกิจ 16 ธ.ค. 2562
* เทศน์งานวัดป่าภูผาสูง 8 ม.ค. 2563
* เทศน์งานบำเพ็ญกุศลศพ พระปลัดอนุพุทธ 12 ม.ค. 2563
* เทศน์งานประชุมเพลิง พระปลัดอนุพุทธ 13 ม.ค. 2563
* เทศน์งานวัดเจดีย์หลวง 20 ม.ค. 2563
* เทศน์งานวัดป่าสุขใจ ชะอม 23 ส.ค. 2563
* เทศน์งานผูกพัทธสีมา วัดป่ากิ่วดู่ 27 ก.พ. 2564
* เทศน์อบรมที่ วัดสำปะซิว 26 ธ.ค. 2564
* เทศน์งานหลวงปู่ไม อินทสิริ วัดป่าเขาภูหลวง 27 ม.ค. 2566
* เทศน์ที่วัดป่าบ้านตาด 29 มกราคม 2566
* เทศน์อบรมมูลนิธิบ้านอารีย์ วันที่ 5 ก.พ. 2566
* เทศน์สวนแสงธรรม 26 ก.พ.2566
* เทศน์คอร์สอบรมปฏิบัติภาวนา ณ.วัชรธรรมสถานวันที่ 24-26 มี.ค. 2566
* เทศน์คอร์สอบรมปฏิบัติภาวนา ณ.วัชรธรรมสถานวันที่ 26-28 พ.ค 2566
* เทศน์อบรมมูลนิธิบ้านอารีย์ สายธรรมวันสว่าง วันที่ 18 มิ.ย. 2566
* เทศน์สวนแสงธรรม 29 มิ.ย. 2566
* พระธรรมเทศนา ณ.วัดเกาะทอง ในพิธีอุปสมบทประจำปี ๒๕๖๖ ณ.วันที่ ๒ ก.ค. ๖๖
* เทศน์วัดป่าศรัทธาถวาย เนื่องในงานแสดงมุฑิตาสักการะฯ วันที่ 6 สิงหาคม 2566
* เทศน์วัดเกาะทอง วันที่ 8 กันยายน 2566
* เทศน์วัดอโศการาม ณ.ศาลาหลวงพ่อทรงธรรม วันที่ 26 พฤศจิกายน 2566
* เทศน์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ตำหนักบางขุนพรหม 24 ตุลาคม 2566
* เทศน์แสดงธรรม ณ.ชมรมพระพทธศานาเอไอเอสำนักงานใหญ่ชั้น 8 วันที่ 6 ธันวาคม 2566
* เทศน์แสดงธรรมเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2566 ณ.วัดเกาะทอง
* แสดงธรรมในงานครบรอบ 21 ปีวันละสังขาร หลวงปู่เขียน ฐิตสีโล 5 ก.พ.67
* เทศนาธรรมที่มูลนิธิบ้านอารีย์วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567
* เทศนาธรรมที่ชมรมพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต 24 มีนาคม 2567
* พระธรรมเทศนาคอร์สอบรมปฏิบัติธรรม ณ.วัชรธรรมสถาน 29-31 มีนาคม 2567
* พระธรรมเทศนาอบรมจิตภาวนาวัดเกาะทอง วันที่ 5 เมษายน 2567
* เทศน์วัดอโศการาม ณ.ศาลาหลวงพ่อทรงธรรม วันที่ 14 เมษายน 2567
* เทศน์ภาคปฏิบัติ ณ.วัดอโศการาม วันที่ 25 เมษายน 2567 เนื่องในวาระครบรอบปีที่ 63 ท่านพ่อลี ละสังขาร
* เทศนาธรรมคอร์สปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ในหลวง ร.10 ภาวนาสัญจร 4-6 พ.ค. 2567 ณ บ้านนางฟ้า เขาใหญ่
* เทศนาธรรมที่ธนาคารแห่งประเทศไทย 20 มิ.ย.67
* เทศน์อบรมปฏิบัติภาวนาที่พิพิธภัณฑ์จรรโลงพระพุทธศาสนา 5 ก.ค.2567
* พระธรรมเทศนาคอร์สอบรมปฏิบัติธรรม ณ.วัชรธรรมสถาน 12-14 กรกฎาคม 2567
* พระธรรมเทศนาเฉลิมพระเกียรติในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ
* แสดงธรรมภาคปฏิบัติ ณ.วัดเกาะทอง ถวายเป็นพระราชกุศลฯ ในหลวงรัชกาลที่ 10 เมื่อ 28 ก.ค.67
* เทศน์แสดงธรรมภาคปฏิบัติ ณ.วัดอโศการาม วันที่ 10 พฤศจิกายน 2567
อาสาฬหบูชารำลึก ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗
มาฆบูชารำลึก ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
วิสาขบูชารำลึก ๓ มิถุนายน ๒๕๖๖
แม่นี้มีคุณอันใหญ่หลวง
วันเข้าพรรษา
ชมภาพบรรยากาศพิธีอุปสมบท ณ.พัทธสีมา วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน
ตำแหน่งที่ควรค่าต้องได้มาเพราะคู่ควร
สุขใดเสมอสงบไม่มี
สื่อโซเชียลคุณอนันต์โทษมหันต์
ชีวิตติดPresentTense
ความสวยความงาม
บุพเพอาละวาด
ศีลคือรากแก้วของศาสนา
ได้ยินสักแต่ว่า ได้ยิน
พึงชนะคนไม่ดีด้วยความดี
จะหงุดหงิดใจกับคนโกงเพื่อ?
ทำใจให้มันเป็นสุข-EP2
ทำใจให้มันเป็นสุข-EP1
ธรรม!!!เตือนสติสังคมไทย
การใช้ชีวิตแบบพอเพียง เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
ดูท่าแล้วเก็บทรงไม่อยู่
มาเจริญศาสนาในใจกันดีกว่า
เรื่องของหัวหน้ากับลูกน้อง
โลกที่แท้จริงมีอยู่ในใจ
อย่าประมาทในชีวิตอันน้อยนิด
ทางสองแพร่ง
ทุกข์อันเกิดจากมิจฉาอาชีวะ
นักรบศิษย์พระตถาคต
สิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยเรื่องการลักทรัพย์
อเสวนา จ พาลานํ
พัฒนาสิ่งใหญ่ๆเริ่มได้จากพัฒนาตัวเอง
หากจะเปรียบธรรมะคือสินค้าพรีเมียมเกรดระดับโลก
ทำอย่างไรให้งามชาตินี้ ยันชาติหน้า ต่อไปชาติโน้น
เป็นห่วงชาติ
ถ้าโลกนี้มีแต่คนดี
คู่มือส่องพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
กฎธรรมชาติ
ไม่มีใครอยู่เหนือกรรม