
จะหงุดหงิดใจกับคนโกงเพื่อ? หลายคนมีอารมณ์โมโหหงุดหงิดที่เห็นคนโกงบ้านโกงเมือง ยังอยู่ดีมีสุข ไม่ต้องติดคุกติดตาราง
.
รู้ไหมว่า ที่ทำให้เราหงุดหงิดขณะได้ยินได้ฟังเรื่องราวของเขา สาเหตุเป็นเพราะอะไร?
.
ถ้าไม่อยากหงุดหงิด ต้องรับทราบและทำความเข้าใจกับ ๓ เรื่องที่จะกล่าวต่อไปนี้ก่อน
.
๑. เพราะกรรมชั่วของเขายังไม่ถึงเวลาที่จะให้ผล เขาก็ยังคงเสพสุขสบายดีอยู่ ด้วยอำนาจเงินที่มีอยู่อย่างมหาศาล
.
๒. เพราะกรรมปัจจุบันบางอย่างที่เขาทำกับใครบางคน มันมีกำลังมากพอที่จะชลอการปรากฏผลของกรรมบางอย่างเอาไว้
.
๓. เพราะใจเราไปอยากให้เขาได้รับผลแห่งกรรมชั่วโดยเร็ว ซึ่งมันยังไม่อาจให้ผลได้ตอนนี้ ก็เลยทำให้เราหงุดหงิด เพราะความอยากไม่สมหวัง เนื่องจากไปอยากในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หรืออาจเป็นไปได้แต่ยังไม่ถึงเวลาที่ควรจะเป็น
.
ถ้าเราเข้าใจเหตุ ๓ ประการนี้ เราก็จะไม่หงุดหงิด ต้องทำความเข้าใจว่า ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลก มักจะมีผู้ที่มีกรรมเกี่ยวเนื่องกัน เป็นคู่กรณีกัน มาจัดการกันเองอยู่เสมอ
.
เพราะโลกนี้มันเป็นธรรมคู่ มีร้อนก็มีเย็น มีกลางคืนก็มีกลางวัน มีสุขก็มีทุกข์ มีคนชั่วก็ต้องมีคนดี
.
ไม่ต้องไปหงุดหงิดหรือเคียดแค้นเขาให้ใจเราเป็นทุกข์ ถ้าใจเราคิดไม่ดีกับเขา เราก็ผิดอีก เพราะเท่ากับเราไปยินดีอยากให้เขาเกิดความหายนะ ใจเราก็จะเป็นบาปเพราะอำนาจของความโกรธ ทำให้ขาดเมตตา และใจจะเป็นทุกข์ไปตลอดเท่าที่ยังเห็นเขามีความสุขดีอยู่
.
ในทางตรงกันข้าม พอเขาได้รับผลแห่งกรรมชั่ว ต้องติดคุกติดตาราง ใจเราก็จะยินดี และนึกสมน้ำหน้าเขา ใจเราก็ผิดอีกที่ไปยินดีในความหายนะของคนอื่น มันขัดกับหลักพรหมวิหาร ๔ ที่สอนให้ยินดีเมื่อเห็นเขาได้ดี ก็ผิดทั้งขึ้นทั้งล่อง
.
ส่วนที่เขาทำกรรมชั่ว มันก็เป็นกรรมของเขาที่จะต้องได้รับผลชั่วเองอยู่แล้ว โดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับใจเราเลย เราไม่ต้องไปมีความอยากอันใดเพื่อซ้ำเติมเขาก็ได้ มันจะทำให้ใจเราเป็นทุกข์ไปเปล่า ๆ
.
แต่มิใช่ว่า จะให้ทำใจวางเฉยโดยไม่ใส่ใจอะไรเลย ก็หามิได้ ถ้าคิดว่า จะสามารถผดุงความยุติธรรมได้อย่างไร เพื่อความถูกต้องดีงามในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ก็ช่วยกันทำไปโดยสุจริตจริงใจ ทำให้เต็มที่ เมื่อทำเต็มที่แล้วไม่ได้ผล ก็จึงปล่อยวาง ยกให้เป็นเรื่องของกรรมจะทำงานเอง
.
ถ้าคนชั่วจะทำชั่ว มันก็ถูกของเขาแล้ว จะให้คนชั่วทำดี ก็คงทำได้ยาก เราไปห้ามเขาไม่ได้ เว้นไว้แต่เขาจะสำนึกผิดกลับใจเองเท่านั้น
.
ส่วนคนดีจะทำดี ก็ชอบแล้ว จะให้คนดีไปทำชั่ว ก็ทำได้ยากเช่นกัน ใครก็ไปบังคับไม่ได้ ต่างมีกรรมเป็นของของตัว ทุกคนเลือกทำกรรมดีกรรมชั่วได้ตามความปรารถนา แต่จะเลือกรับผลของกรรมตามความปรารถนาไม่ได้แค่นั้น
.
ใครทำดีก็ได้ดีเอง ใครทำชั่วก็ได้ชั่วเอง กรรมเป็นตุลาการที่เที่ยงตรงที่สุด เมื่อถึงเวลาก็ขึ้นนั่งบัลลังก์พิพากษาทั้งคนดีและคนชั่วให้เป็นไปตามผลของกรรมที่ตนเองได้ทำเอาไว้อย่างไม่ลำเอียง
.
มีแต่ใจคนที่ยังมีกิเลสตัวโลภ โกรธ หลง นี่! ต่างหากที่ลำเอียงเข้าข้างตัวเอง เลยเอาความอยากของตัวเองเป็นใหญ่ ถ้าอยากได้อะไร ก็อยากให้กรรมส่งผลเช่นนั้นเร็ว ๆ ถ้าไม่อยากได้อะไร ก็ไม่อยากให้กรรมส่งผลเช่นนั้น หรือให้ส่งผลช้า ๆ
.
ให้เข้าใจว่า โลกนี้ไม่มีสิ่งใดมาทำให้ใจเราเป็นทุกข์ได้หรอก มีแต่กิเลสที่อยู่ในใจเรานี่แหละ ที่ทำให้ใจเราเป็นทุกข์ ทุกข์เพราะอยากได้สิ่งนั้น ไม่อยากได้สิ่งโน้น
.
ก็มัวแต่อยาก แต่ถ้าไม่ยอมทำเหตุให้ตรงกับผลที่จะพึงได้ อยากมากแค่ไหน มันก็ไม่มีทางจะได้
.
แต่ถ้าเราลงมือทำเหตุให้ตรงกับผลที่จะพึงได้ แม้ไม่อยาก มันก็ต้องได้ผลอย่างนั้นตรงตามเหตุที่ทำอยู่แล้ว ความอยากเป็นเพียงเป้าหมายที่จะเดินทางไป เพียงแต่เป้าหมายจะผิดหรือจะถูก จะดีหรือจะชั่ว เป็นหน้าที่ที่เราต้องพิจารณาตรวจตรองเอาเองให้ดี ๆ ถ้าตั้งเป้าหมายไว้ผิด ชีวิตก็จะย่ำแย่
.
ให้รู้ว่า ความอยากมี ๒ อย่าง คือ
.
๑. อยากในทางไม่ดีเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เรียก สมุทัย คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา หรือชื่อที่เราคุ้นเคยกันดีคือ โลภ โกรธ หลง ๓ ตัวนี้แหละ ธรรมท่านสอนให้ละเสีย
.
๒. ความอยากในทางที่ดี เป็นเหตุให้ดับทุกข์ได้ เรียก มรรค คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ทั้ง ๓ นี้ ธรรมท่านสอน ให้เจริญให้มาก พึงทำให้มาก
.
ศีล ระงับความโลภ
สมาธิ สยบความโกรธ
ปัญญา ฆ่าความหลง
.
ถ้าใครไม่มี ศีล สมาธิ ปัญญา ก็แน่นอนว่า ไม่มีเครื่องมือที่จะทำลาย ความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้พังทลายจากใจลงได้เลย กิเลส ๓ ตัวนี้ ก็จะพาให้ใจเรา คิดชั่ว ทำชั่ว พูดชั่ว ไปตลอดชีวิต สุดท้ายพอลมหายใจดับลง ใจก็ไปสู่ทุคติมี อบายภูมิ ๔ เป็นที่ไปเบื้องหน้าเท่านั้นเอง
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๗_๐๕
|
สายธารธรรม โดย...เจ้าอาวาส