ReadyPlanet.com
dot

dot
dot
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
bullet สมัครสมาชิก
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
ชมคลิปวีดีโอน่าสนใจ
ยังไม่มีสมาชิกที่ล็อกอินในขณะนี้
bulletบุคคลทั่วไป 15 คน
dot
dot

dot


ฟัง F.M. 103.25 MHz.
ชมทีวีช่องหลวงตา
ฟังวิทยุออนไลน์ วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน
ชมคลิปวีดีโอน่าสนใจ
เข้าชม face book วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน


ทางออกจากทุกข์!!


 ทางออกจากทุกข์!! 

.

โลกนี้!! ใครว่ากว้างใหญ่ไพศาล? จริง ๆ แล้ว มันแคบมาก  เพราะมันมีทางเดินให้เราเลือกเดินเพียงแค่ 2 ทางเท่านั้นเอง คือ ทางหนึ่งเป็นทางเดินไปสู่ทุกข์ กับ อีกทางหนึ่งเป็นทางเดินออกจากทุกข์ สัตว์โลกทั้งหมด ถูกบีบบังคับให้ต้องเดินอยู่บนทางเดินสองสายนี้ ใครว่าเก่ง ว่าแน่ ก็ลองไปหาทางที่สาม ที่ไม่ใช่สองทางนี้ เดินดูสิ!!

.

จะว่าไม่บังคับ ก็เป็นเหมือนบังคับ เพราะมันไม่มีทางเดินเส้นที่สาม ให้เลือกเดินได้ ทุกคนต้องเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง จะเดินทางไหน? ก็เลือกเอาเอง แน่นอน!! ไม่มีใครจะเลือกทางเดินไปสู่ทุกข์ กี่คนก็บ่นแต่อยากจะเดินออกจากทุกข์ไว ๆ แต่แล้วก็แข่งกันเดินไปหาทุกข์อยู่นั่นเอง จนท่านเปรียบคนที่เดินไปสู่ทุกข์นี้ เป็นเหมือนขนโค คือจำนวนคนมากมายจนนับไม่ได้

.

ส่วนทางเดินออกจากทุกข์จริง ๆ ที่ใคร ๆ ก็ปรารถนากัน แต่กลับไม่ค่อยจะมีคนเดินไปนัก จนท่านเปรียบคนที่ตั้งใจเดินทางออกจากทุกข์ เป็นเหมือนเขาโค คือมีจำนวนเพียงเล็กน้อย เพราะโคตัวหนึ่งมีแค่สองเขา แต่ขนของมันมากมายมหาศาล

.

ที่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ก็เพราะ นี่คือธรรมสำคัญในพระพุทธศาสนา อันได้แก่ อริยสัจสี่อันประเสริฐ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ในคืนวันวิสาขบูชา คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค นั่นเอง

.

สมุทัยเป็นแดนเกิดแห่งทุกข์ มรรค คือแดนเกิดแห่งความดับทุกข์ ซึ่งเป็นธรรมคู่ปรับกัน ส่วนทุกข์ คือความบีบคั้นทรมาน ที่ทนได้ยาก นั้น ย่อมเป็นผลมาแต่สมุทัย และนิโรธ คือความดับทุกข์ ก็เป็นผลมาจากการเจริญมรรคอย่างเต็มรอบนั่นเอง

.

ดังนั้น ถ้าไม่อยากมีทุกข์ ก็ต้องอย่ากระทำเหตุแห่งทุกข์  ถ้ายังกระทำเหตุแห่งทุกข์อยู่ ก็ไม่มีวันจะพ้นไปจากทุกข์ได้ แม้จะตั้งหน้าตั้งตาหนีทุกข์ไปอยู่ก็ตาม นี่คือ สัจธรรมความจริงอันยิ่งใหญ่ ที่ผู้ปรารถนาความดับทุกข์ จะต้องเรียนรู้ไว้ และปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามครรลองแห่งธรรม

.

ที่คนเราต้องประสบทุกข์ และพร่ำบ่นว่า ทุกข์ ๆ ๆ อยู่ทุกวี่ทุกวัน ก็เพราะต่างไม่ยอมรับความจริง และไม่เข้าใจความจริงในอริยสัจสี่ข้อนี้ นี่เอง

.

คราใดที่ได้เผชิญกับทุกข์ ธรรมท่านสอนให้กำหนดรู้ทุกข์ ให้ดูว่าทุกข์นี้ คืออะไร? มันเป็นทุกข์ที่กาย หรือทุกข์ที่ใจ ทุกข์อันใดเป็นทุกข์จริง ดับไม่ได้ ทุกข์อันใดเป็นทุกข์ปลอม ดับได้ ใครเป็นผู้ทุกข์ ใครเป็นผู้ว่าทุกข์ แล้วต้นเหตุของทุกข์ มาจากไหน? จะแก้ไขได้ด้วยวิธีใด?

.

ทันทีที่จิตตั้งต้นวินิจฉัยเหตุเกิดแห่งทุกข์ นั่นก็คือการปรากฎตัวแห่งมรรคเริ่มต้นขึ้นแล้ว ต้นเหตุของการดับทุกข์ อยู่ที่นี่ คือ การที่จิตต้องพิจารณาเพื่อหาสาเหตุแห่งทุกข์ และนำไปสู่การดับทุกข์อย่างถาวร คือดับที่ต้นเหตุแห่งทุกข์ นี่คือการเดินมรรคให้ปรากฏขึ้นที่ใจ เพื่อเป็นคู่ปรับของสมุทัยที่เป็นเหมือนมะเร็งร้าย ที่แอบแฝงฝังตัวอยู่ในจิตมานาน 

.

แต่คนเราในยามต้องเผชิญทุกข์ ถ้าไม่ใช่ผู้ฝึกจิตมาก่อน แทนที่จะกำหนดรู้ทุกข์ กลับกลายเป็นการเอาความอยากของใจไปบังคับให้ทุกข์หายไปในทันที โดยไม่ใส่ใจที่จะค้นคว้าหาเหตุแห่งทุกข์นั้น ๆ แล้วดับเหตุแห่งทุกข์นั้นเสีย

.

เมื่อเหตุแห่งทุกข์ ไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยา ทุกข์ย่อมปรากฏอยู่ตราบนั้น ยิ่งใจมีความอยากให้ทุกข์หายมากขึ้นเท่าใด ใจก็ยิ่งผิดหวังมากขึ้นไปตาม และกลายเป็นเหตุให้เกิดทุกข์แทรกซ้อนขึ้นที่ใจ ทับถมใจให้ทุกข์หนักยิ่งขึ้นไปอีก อย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์

.

เพราะว่า ทุกข์ทั้งหลายนั้น จะไม่ดับไปเพราะด้วยความอยากของใจเพียงอย่างเดียว แต่ทุกข์จะดับลง เพราะต้นเหตุแห่งทุกข์ถูกทำลายให้สิ้นซากไปเท่านั้น

.

ดังนั้น ใครก็ตามที่ต้องเผชิญทุกข์ แล้วแก้ทุกข์อย่างไม่ถูกวิธี ผลสะท้อนของมันย่อมน่าสะพรึงกลัว จากคนปกติที่เคยสนุกสนานรื่นเริง ก็อาจกลายเป็นคนเซื่องซึมหงอยเหงาเฉื่อยชา ไม่มีชีวิตชีวา กลายเป็นคนเป็นโรคซึมเศร้า เพราะคิดหมกมุ่นวกวนไปมา ไม่มีที่ปลงที่วาง หาทางออกจากทุกข์ไม่ได้

.

สุดท้ายก็ตัดสินใจหนีปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย ก็ยิ่งกลายเป็นการสร้างปัญหาเรื้อรังให้กับตัวเองเพิ่มมากขึ้น เพราะการฆ่าตัวตายคือตัวเรา ก็เท่ากับฆ่าคน ๆ หนึ่ง ต้นเหตุก็มาจาก การที่ใจขลาดเขลาปลดเปลื้องทุกข์ให้กับตัวเองไม่ถูกวิธี ก็พาลไปหาเรื่องก่อโทษแก่ร่างกาย ด้วยคิดว่าจบชีวิตแล้วปัญหาทุกอย่างก็คงหมดสิ้นไป เลยเป็นเหตุให้ทำกรรมหนักยิ่งขึ้นไปอีก

.

จะฆ่าตัวเอง หรือฆ่าคนอื่น ก็เป็นเหตุทำกรรมหนักให้ต้องไปตกนรกได้เช่นกัน พอพ้นจากนรก ได้กลับมาเกิดเป็นคนใหม่ ก็อาจมีการจองเวรจองล้างจองผลาญกันไปอีกหลายภพหลายชาติ หรือเป็นเหตุให้เกิดมาฆ่าตัวตายไปอีก 500 ชาติ กว่าจะหมดเวรหมดกรรม

.

ดังนั้น ปัญหาเรื่องทุกข์จึงเป็นปัญหาหนักของโลก ที่ทุกคนพยายามแสวงหาทางออก แต่ทางออกจากทุกข์ มันมีแค่ทางเดียวเท่านั้น ที่สามารถออกจากทุกข์ได้ และพ้นทุกข์ไปได้อย่างแท้จริง นั่นคือ มัชฌิมาปฏิปทาอันเป็นทางสายกลาง อุปมาเหมือนเราอยู่ในจุดศูนย์กลางของวงกลม ทางพ้นทุกข์ คือ ทางเดินไปสู่เส้นรอบวง และทะลุเส้นรอบวงออกไปได้ มีเพียงองศาเดียวเส้นเดียวเท่านั้น ที่เหลือนอกนั้นอีก 359 องศา เป็นทางหลงวนเวียนอยู่ในทุกข์ อย่างไม่มีทางออก ก็ลองคิดดูเองละกัน ว่าง่ายไหม?

.

เพราะเหตุนั้น หากใครเกิดมาแล้วต้องเผชิญทุกข์อย่างมากมาย ก็จงอย่ามัวนั่งบ่นอยู่เลยว่า ชีวิตนี้ช่างบัดซบสิ้นดี ทำไมมันจึงทุกข์จริงหนอ? เพราะไม่ใช่เราคนเดียวหรอก ที่ต้องเจอทุกข์  สัตว์โลกทุกรายต้องเผชิญทุกข์ด้วยกันทั้งหมด ต่างแต่ว่า ใครจะโง่ หรือใครจะฉลาด ในการที่จะแก้ทุกข์ได้อย่างถูกวิธีต่างหาก

.

จงจำไว้ให้ถึงใจว่า ที่สุดแห่งทุกข์ทางกายก็แค่ตาย พอตายแล้ว ทุกข์ทั้งปวงทางกายก็ดับหมด คนเรายังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว และตายกันแค่คนละหน ไม่มีใครหรอก จะตายถึงสองหนสามหน และทุกคนต่างตายเมื่อกรรมตายมาถึงเท่านั้น เวลามันเจอทุกข์หนัก ๆ แล้วมันเกิดกลัวตายขึ้นมา ก็ตั้งปัญหาใส่มันเลย จะกลัวตายไปหาอะไร? กลัวแล้วมึงก็ต้องตายอยู่ดี ถ้ามันจะตาย ก็ให้มันตายไปสิ!! จะไปยื้อยุดฉุดกระชากมันไว้ได้ที่ไหน? มันตายแค่หนเดียว แต่กิเลสมันหลอกให้เรากลัวตายตั้งเป็นร้อยเป็นพันหน ควรกลัวตายแค่หนเดียวก็พอ มันจึงจะยุติธรรม

.

แต่ถึงกระนั้น ความกลัวตายก็ไม่อาจช่วยให้ใครหนีตายไปได้หรอก ยังไงก็ต้องตายอยู่วันยังค่ำ แล้วจะทะลึ่งกลัวตายไปทำอะไรนักหนา!! มันทุกข์แค่ไหน ก็ต้องทำใจให้ยอมรับมัน มันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ทุกข์มีเท่าไร ก็ให้มันดาหน้าออกมา ทุกข์ในโลกนี้ ไม่มีทุกข์ไหน จะหนักหนาสาหัสไปกว่า ทุกข์เพราะตาย เป็นไม่มีแล้ว ทุกข์แค่นี้ ยังไม่ถึงตาย จะกลัวไปทำไม?

.

ทำใจให้ยอมรับทุกข์ แล้วแก้ไขที่ต้นเหตุแห่งทุกข์ ไปตามควรแก่สถานการณ์ เดี๋ยวมันก็ผ่านพ้นไปได้ เพราะทุกข์แค่ไหน มันเกิดแล้วก็ต้องดับไปหมด ไม่มีทุกข์อะไรที่เกิดแล้วไม่ดับ ไม่มีทุกข์อะไรจะยืนยงคงอยู่ได้นาน มันต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ เกิดแล้วก็ดับอยู่ตลอดเวลา  ถ้าใครทำใจให้กล้าหาญต่อทุกข์ กล้าหาญต่อความตายได้ ผู้นั้นก็จะรู้ความจริงของทุกข์ ทุกข์ทางกายมันก็จะหมดความน่ากลัวไปเอง

.

ส่วนทุกข์ทางใจ นั้น ต้องเป็นความแยบคายของสติปัญญาในอีกระดับหนึ่ง ต้องระดับมือโปรเท่านั้น คือ ผู้ที่ไม่คิดมาเวียนว่ายตายเกิดในโลกนี้อีกแล้ว ถึงจะกำราบทุกข์ทางใจให้มันพินาศย่อยยับไปได้ เพราะที่สุดแห่งทุกข์ทางใจ คือ พระนิพพาน

.

ตราบใด ถ้ากิเลสในใจยังไม่หมดสิ้นไป ความโลภ ความโกรธ ความหลง ยังครองใจอยู่ และตราบใดที่ ศีล สมาธิ ปัญญา ยังไม่เต็มรอบ ตราบนั้น ทุกข์ทางใจก็ยังคงมีอยู่ ไม่มีอะไรไปทำลายมันได้ เว้นไว้แต่ภูมิธรรมในระดับมหาสติมหาปัญญาเท่านั้นเอง พูดให้ฟังง่าย ๆ ก็คือ ผู้ที่จะดับกิเลสพ้นทุกข์ไปได้ ก็มีแต่พระอรหันต์ขีณาสพแต่ผู้เดียว

.

จึงควรที่พวกเราชาวพุทธ จะต้องสำเหนียกศึกษาให้เข้าใจในทุกข์ทั้งมวล ทั้งเหตุให้ทุกข์เกิด และเหตุที่จะให้ทุกข์ดับไป เพื่อยังผลให้ปรากฏตามที่ต้องการ ด้วยอุบายอันแยบคาย และพอเหมาะพอดีกับทุกข์ในแต่ละประเภท มันก็ถึงจะแก้ทุกข์ได้ ไม่ใช่พอเผชิญหน้ากับทุกข์ ก็วิ่งหนีทุกข์ เรียกร้องหาแต่พ่อ หาแต่แม่ให้มาช่วยแก้ทุกข์ โดยที่ไม่พยายามจะช่วยตัวเองบ้างเลย มิหนำซ้ำ ยังไปบนบานศาลกล่าว สร้างฝันลม ๆ แล้ง ๆ ว่า วันนั้นจะดี วันโน้นจะดี เป็นเหตุให้โง่หลงงมงายหนักเข้าไปอีก

.

จงจำไว้เถิดว่า ไม่มีใครจะมาช่วยให้เราดีได้ ถ้าเราไม่ทำดีด้วยตัวเอง และไม่มีทางที่ทุกข์จะดับไปได้ ถ้าเราไม่ดับที่ต้นเหตุของมันอย่างถูกวิธี การดับทุกข์อย่างผิดวิธี ก็คือ การสร้างทุกข์ใหม่ให้มาเผาใจตัวเองให้หนักหนาสาหัสยิ่งขึ้นไปอีก

.

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้!!

.

#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๔

 ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๔ 

 

 



สายธารธรรม โดย...เจ้าอาวาส

* ข้อวัตรปฏิปทาในพ่อแม่ครูอาจารย์
* บริขารพระป่าในปฏิปทาพ่อแม่ครูอาจารย์
* สุดรัก...สุดอาลัย... พ่อแม่ครูอาจารย์
* ประกาศวัดป่าบ้านตาด เรื่อง หนังสือภูริทัตตะ อัครเถราจารย์
* พระประวัติย่อ สมเด็จพระญาณสังวร ฯ
* ชมวีดีโอชิวิตที่วัดป่าบ้านตาด
* 100 ปี ชาตกาลองค์หลวงตา
* ชมวีดีโองานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
* ประวัติหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน (ย่อ)
* ทำเนียบพระสังฆาธิการจังหวัดเชียงใหม่
* คำพระอุปัชฌาย์สอนนาค
* สวดปาติโมกข์เมื่อ 30 พ.ค. 2546 ณ.วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
* สวดปาติโมกข์เมื่อ 1 มิ.ย. 2554 ณ.วัดพทธธัมมธโร สหรัฐอเมริกา
* เทศน์อบรมนักศึกษา ที่หอพระ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต 29 มิถุนายน 2555
* เทศน์อบรมนักศึกษา ที่ชมรมพุทธธรรมกรรมฐาน มช. 9 ส.ค. 2556
* เทศน์ที่เวที คปท. ๑๖ ก.พ. ๒๕๕๗
* เทศน์ที่วัชรธรรมสถาน ๒๕ เม.ย.๒๕๕๗
* เทศน์งานหลวงปู่เขียน ฐิตสีโล 5 ก.พ.2561
* เทศน์งานหลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต 8 มี.ค.2561
* เทศน์งานหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป 12 มี.ค.2561
* เทศน์งานหลวงปู่ท่อน ญาณธโร 11 ส.ค.2561
* เทศน์งานหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป 11 ก.พ.2562
* เทศน์งานวัดอโศการาม 17 มี.ค. 2562
* เทศน์งานหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป 15 พ.ย. 2562
* เทศน์งานวัดเจริญสมณกิจ 16 ธ.ค. 2562
* เทศน์งานวัดป่าภูผาสูง 8 ม.ค. 2563
* เทศน์งานบำเพ็ญกุศลศพ พระปลัดอนุพุทธ 12 ม.ค. 2563
* เทศน์งานประชุมเพลิง พระปลัดอนุพุทธ 13 ม.ค. 2563
* เทศน์งานวัดเจดีย์หลวง 20 ม.ค. 2563
* เทศน์งานวัดป่าสุขใจ ชะอม 23 ส.ค. 2563
* เทศน์งานผูกพัทธสีมา วัดป่ากิ่วดู่ 27 ก.พ. 2564
* เทศน์อบรมที่ วัดสำปะซิว 26 ธ.ค. 2564
* เทศน์งานหลวงปู่ไม อินทสิริ วัดป่าเขาภูหลวง 27 ม.ค. 2566
* เทศน์ที่วัดป่าบ้านตาด 29 มกราคม 2566
* เทศน์อบรมมูลนิธิบ้านอารีย์ วันที่ 5 ก.พ. 2566
* เทศน์สวนแสงธรรม 26 ก.พ.2566
* เทศน์คอร์สอบรมปฏิบัติภาวนา ณ.วัชรธรรมสถานวันที่ 24-26 มี.ค. 2566
* เทศน์คอร์สอบรมปฏิบัติภาวนา ณ.วัชรธรรมสถานวันที่ 26-28 พ.ค 2566
* เทศน์อบรมมูลนิธิบ้านอารีย์ สายธรรมวันสว่าง วันที่ 18 มิ.ย. 2566
* เทศน์สวนแสงธรรม 29 มิ.ย. 2566
* พระธรรมเทศนา ณ.วัดเกาะทอง ในพิธีอุปสมบทประจำปี ๒๕๖๖ ณ.วันที่ ๒ ก.ค. ๖๖
* เทศน์วัดป่าศรัทธาถวาย เนื่องในงานแสดงมุฑิตาสักการะฯ วันที่ 6 สิงหาคม 2566
* เทศน์วัดเกาะทอง วันที่ 8 กันยายน 2566
* เทศน์วัดอโศการาม ณ.ศาลาหลวงพ่อทรงธรรม วันที่ 26 พฤศจิกายน 2566
* เทศน์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ตำหนักบางขุนพรหม 24 ตุลาคม 2566
* เทศน์แสดงธรรม ณ.ชมรมพระพทธศานาเอไอเอสำนักงานใหญ่ชั้น 8 วันที่ 6 ธันวาคม 2566
* เทศน์แสดงธรรมเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2566 ณ.วัดเกาะทอง
* แสดงธรรมในงานครบรอบ 21 ปีวันละสังขาร หลวงปู่เขียน ฐิตสีโล 5 ก.พ.67
* เทศนาธรรมที่มูลนิธิบ้านอารีย์วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567
* เทศนาธรรมที่ชมรมพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต 24 มีนาคม 2567
* พระธรรมเทศนาคอร์สอบรมปฏิบัติธรรม ณ.วัชรธรรมสถาน 29-31 มีนาคม 2567
* พระธรรมเทศนาอบรมจิตภาวนาวัดเกาะทอง วันที่ 5 เมษายน 2567
* เทศน์วัดอโศการาม ณ.ศาลาหลวงพ่อทรงธรรม วันที่ 14 เมษายน 2567
* เทศน์ภาคปฏิบัติ ณ.วัดอโศการาม วันที่ 25 เมษายน 2567 เนื่องในวาระครบรอบปีที่ 63 ท่านพ่อลี ละสังขาร
* เทศนาธรรมคอร์สปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ในหลวง ร.10 ภาวนาสัญจร 4-6 พ.ค. 2567 ณ บ้านนางฟ้า เขาใหญ่
* เทศนาธรรมที่ธนาคารแห่งประเทศไทย 20 มิ.ย.67
* เทศน์อบรมปฏิบัติภาวนาที่พิพิธภัณฑ์จรรโลงพระพุทธศาสนา 5 ก.ค.2567
* พระธรรมเทศนาคอร์สอบรมปฏิบัติธรรม ณ.วัชรธรรมสถาน 12-14 กรกฎาคม 2567
* พระธรรมเทศนาเฉลิมพระเกียรติในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ
* แสดงธรรมภาคปฏิบัติ ณ.วัดเกาะทอง ถวายเป็นพระราชกุศลฯ ในหลวงรัชกาลที่ 10 เมื่อ 28 ก.ค.67
* เทศน์แสดงธรรมภาคปฏิบัติ ณ.วัดอโศการาม วันที่ 10 พฤศจิกายน 2567
อาสาฬหบูชารำลึก ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗
มาฆบูชารำลึก ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
วิสาขบูชารำลึก ๓ มิถุนายน ๒๕๖๖
แม่นี้มีคุณอันใหญ่หลวง
วันเข้าพรรษา
ชมภาพบรรยากาศพิธีอุปสมบท ณ.พัทธสีมา วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน
ตำแหน่งที่ควรค่าต้องได้มาเพราะคู่ควร
สุขใดเสมอสงบไม่มี
สื่อโซเชียลคุณอนันต์โทษมหันต์
ชีวิตติดPresentTense
ความสวยความงาม
บุพเพอาละวาด
ศีลคือรากแก้วของศาสนา
ได้ยินสักแต่ว่า ได้ยิน
พึงชนะคนไม่ดีด้วยความดี
จะหงุดหงิดใจกับคนโกงเพื่อ?
ทำใจให้มันเป็นสุข-EP2
ทำใจให้มันเป็นสุข-EP1
ธรรม!!!เตือนสติสังคมไทย
การใช้ชีวิตแบบพอเพียง เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
ดูท่าแล้วเก็บทรงไม่อยู่
มาเจริญศาสนาในใจกันดีกว่า
เรื่องของหัวหน้ากับลูกน้อง
โลกที่แท้จริงมีอยู่ในใจ
อย่าประมาทในชีวิตอันน้อยนิด
ทางสองแพร่ง
ทุกข์อันเกิดจากมิจฉาอาชีวะ
นักรบศิษย์พระตถาคต
สิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยเรื่องการลักทรัพย์
อเสวนา จ พาลานํ
พัฒนาสิ่งใหญ่ๆเริ่มได้จากพัฒนาตัวเอง
หากจะเปรียบธรรมะคือสินค้าพรีเมียมเกรดระดับโลก
ทำอย่างไรให้งามชาตินี้ ยันชาติหน้า ต่อไปชาติโน้น
เป็นห่วงชาติ
ถ้าโลกนี้มีแต่คนดี
คู่มือส่องพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
กฎธรรมชาติ
ไม่มีใครอยู่เหนือกรรม