ทำดีไม่ต้องมีใครเห็น
ถ้าเราทำดีกับใครแล้ว เขาไม่เห็นคุณค่าแห่งความดีของเรา นั่นเป็นเพราะสาเหตุ ๒ ประการ คือ
.
๑. คนนั้นเขาเห็นว่า สิ่งที่เราทำ ยังไม่ดีพอในความรู้สึกของเขา เขาจึงมองไม่เห็นคุณค่า
.
ข้อนี้เราไม่อาจไปบังคับเขาได้ มันเป็นสิทธิ์ของเขา บางทีเขาอาจเห็นสิ่งที่เราทำเป็นความไม่ดีก็ได้ ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องเห็นเหมือนกับเรา ถ้าเราเข้าใจข้อนี้ได้อย่างนี้ จิตก็จะสงบไปครึ่งหนึ่ง
.
๒. เพราะเราไปยึดถือในความดีที่เราทำ ด้วยคิดว่า เราทำดีแก่ใครแล้ว เขาก็ควรที่จะต้องทำดีตอบแทนเรามันถึงจะถูก ครั้นพอเขาไม่ทำอย่างที่เราคิดหมายไว้ ก็ทำให้เราเดือดร้อนใจ
.
ถ้าเราเข้าใจข้อนี้ ทีหลังเวลาทำดีกับใคร ทำแล้วก็ปล่อยวางเสีย อย่าไปคิดว่า เขาจะต้องเห็นบุญเห็นคุณของเรา ต้องทำดีตอบแทนเรา ขอให้เราทำเหตุให้ดีก็พอแล้ว ส่วนผลมันก็จะปรากฏอย่างไร ก็ปล่อยให้มันเป็นไปเองตามสมควรแก่เหตุ
.
แต่ถ้ามันมีตัวแปรอื่นที่อยู่นอกเหนือการบังคับ มาทำให้ผลเปลี่ยนไป ไม่เป็นไปตามเหตุที่ทำ ก็ต้องทำใจให้ยอมรับตามนั้น และหาทางแก้ไขด้วยการทำเหตุที่เหมาะสม อย่าไปโมโหและทำเหตุที่ผิด นั่นคือการสร้างปัญหาให้เพิ่มมากขึ้น
.
ควรเข้าใจว่า เขาจะทำดีตอบแทนเรามากน้อยแค่ไหน มันอยู่ที่จิตสำนึกแห่งความกตัญญูในใจของเขา ซึ่งเราไปบังคับเขาไม่ได้ เขาจะไม่เห็นความดีของเรา ก็เป็นเรื่องของเขา
.
เรื่องของเราคือ เราต้องบังคับใจเรา อย่าให้ใจไปหวังผลใด ๆ จากการทำดีของเรา ว่าจะต้องได้ผลอย่างนั้นอย่างโน้น
.
จงตั้งใจทำเหตุให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนผลปล่อยให้มันเป็นของมันเอง หน้าที่ของเราคือ ทำใจให้เชื่อมั่นว่า เราทำดี ก็ต้องได้รับผลดีอย่างแน่นอน ที่ได้รับผลไม่ดี มันเกิดจากปัจจัยแทรกซ้อนอื่น ๆ ต่างหาก หาได้เกิดขึ้นเพราะเหตุแห่งการทำดีของเราไม่
.
คนอื่นจะมองเห็นความดีของเรา หรือมองไม่เห็นก็ตาม ก็ไม่ได้ช่วยทำให้ความดีของเรา ที่เราทำไว้ดีแล้ว เพิ่มมากขึ้น หรือลดน้อยถอยลงไปแต่อย่างใด
.
ถ้าทำใจให้เห็นชอบได้ดังนี้ ใจก็จะสงบไปอีกครึ่งหนึ่ง แล้วใจจะไม่เดือดร้อนต่อการกระทำของคนอื่น ไม่ว่าเขาจะทำดี หรือทำไม่ดีต่อเรา