
ทิดสึกใหม่ ![]() เห็นสื่อเล่นแต่ข่าวทิดสึกใหม่ จนหลายคนรู้สึกเบื่อ มีคนถามว่า เราคิดยังไงเกี่ยวกับทิดสึกใหม่
.
จะให้ตอบว่าไงล่ะ! เราก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี! แต่อยากให้กำลังใจเขามากกว่านะ! ก็อย่างที่ทุกคนเห็นสื่อเอามาลง บางคนก็ว่า ทิดพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดเกี่ยวกับการไปแอบรักผู้หญิง บางคนก็ว่า ทิดพูดจาก้าวร้าวเกินไปที่ไปท้าตีท้าต่อย บางคนก็ว่า ทิดบวชเรียนมานาน ควรมีน้ำอดน้ำทนมากกว่านี้
.
เราไม่ได้มองแบบที่หลายคนมองกัน และเราก็ไม่แปลกใจที่เขามีพฤติกรรมแบบนั้น เพราะเขาก็ประพฤติปฏิบัติสมควรแก่เหตุที่เขาเคยทำมาแล้ว
.
หลายคนบอกว่า ผิดหวัง ที่เคยเคารพนับถือเขาตอนเป็นพระ แต่พอสึกออกมาแล้ว ก็แทบจะไม่มีกลิ่นอายของคราบผ้าเหลืองติดอยู่บ้างเลย
.
เรามองว่า เขาก็ทำไปตามภูมิจิตภูมิธรรมของเขา จะให้เขาทำดีเลอเลิศกว่านั้น เขาก็ทำไม่ได้ เขาก็ยังใหม่เกินไปสำหรับเรื่องทางโลก รอให้เขามีประสบการณ์ทางโลกมากขึ้น เขาก็จะปรับตัวเอง ประสบการณ์จะค่อย ๆ สอนเขาเอง
.
ที่จริง พระที่สึกออกไปเป็นฆราวาส ปีหนึ่งก็มีจำนวนไม่ใช่น้อย และอาจมีพฤติกรรมเป็นไปต่าง ๆ นานายิ่งกว่านี้ เพียงแต่ไม่มีใครเอาสปอตไลท์ไปส่องให้เป็นข่าวแค่นั้นเอง เพราะเขาเหล่านั้น ไม่ใช่คนดังพอที่จะเป็นข่าวได้
.
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องชมเขาก็คือ เมื่อรู้ตัวว่าไปไม่ไหว เขาก็ยอมละสิกขาลาเพศมาครองฆราวาสวิสัยอย่างเต็มใจ ไม่ดื้อดึงทำผิดพระธรรมวินัยเป็นอลัชชีอยู่ในร่มผ้าเหลืองให้แปดเปื้อนพระพุทธศาสนา เหมือนอย่างที่มีเป็นข่าวฉาวโฉ่อยู่หลายรูป
.
ส่วนญาติโยมที่ผิดหวังต่อการกระทำของเขา นั่นก็เป็นเพราะขาดสติปัญญา ไม่เข้าใจเองว่า ในความเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่แท้จริงนั้น ท่านปฏิบัติกันอย่างไร
.
ชาวพุทธเรามักมีศรัทธาแก่กล้า พอเห็นใครทำดี พูดดีนิด ๆ หน่อย ๆ ก็หลงไปคิดเอง เออเอง มโนไปเองว่า ท่านต้องเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแน่เลย บางคนคิดไปไกลถึงเป็นพระอริยเจ้าโน่น ก็แห่แหนพากันไปกราบไปไหว้ ยิ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ก็ยิ่งศรัทธามาก คือ มีแต่ศรัทธานำหน้า แต่ขาดปัญญาเคียงคู่กันไป
.
เพราะเหตุนั้น ชาวพุทธจึงมักถูกพวกมิจฉาชีพที่เป็นเหลือบอยู่ในวงการศาสนา อาศัยจุดอ่อนนี้หลอกลวงเอา ด้วยการสร้างศรัทธาให้เคารพนับถืออย่างงมงาย จากนั้นก็แปลงศรัทธาเป็นตัวเงินด้วยกุศโลบายต่าง ๆ
.
ธรรมท่านสอนให้เชื่อกรรม ไม่ให้เชื่อโชค เชื่อลาง เชื่อของขลัง เชื่อฤกษ์งามยามดี ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดมาทำให้เราดีได้ ถ้าเราไม่ทำดีด้วยตัวเอง ด้วยการคิดดี ทำดี พูดดี ตั้งมั่นอยู่ในสัมมาทิฏฐิ แห่งองค์อริยมรรคทั้งแปดประการ
.
ดังนั้น จงอย่ามองโลกในแง่ดีเกินไป หรือมองโลกในแง่ร้ายเกินไป ให้มองโลกตามความเป็นจริงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ นั่น ได้ชื่อว่า เป็นผู้มีสติปัญญาแท้
.
ธรรมท่านก็เตือนไว้แล้วว่า คนโง่ย่อมตกเป็นเหยื่อของคนฉลาด (ที่โกง) ท่านจึงสอนไม่ให้คบคนพาล ให้คบบัณฑิต
.
แต่ถ้าเราดูไม่ออกเองว่า ใครเป็นพาล ใครเป็นบัณฑิต ก็ต้องถือว่าเป็นกรรมของเรา ไม่ต้องไปโทษใคร ต้องโทษตัวเองที่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้เพื่อเพิ่มพูนความฉลาดให้มากขึ้นกว่านี้
.
ส่วนพระด้วยกัน ท่านมองกันออก เพราะมีพระธรรมวินัยอันเดียวกัน ใครปฏิบัติเป็นธรรม เป็นวินัย มากน้อยแค่ไหน ก็พอจะรู้กันได้ ใครมีภูมิธรรมสูง ใครมีภูมิธรรมต่ำ ย่ิงภาคปฎิบัติด้วยกัน คุยกันไม่กี่คำก็รู้ได้ เห็นข้อวัตรปฏิบัติที่แสดงออกมา ก็พอมองออกได้
.
เพราะความปฏิบัติดีจริง กับความปฏิบัติลวงโลก มันก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผู้รู้ย่อมรู้ได้จำเพาะตน แต่ท่านก็รู้อยู่ในใจ ไม่มีเหตุอันควรพูดถึง ท่านก็ไม่พูดถึง
.
ธรรมท่านสอนให้ฉลาด ถ้าใครปฏิบัติธรรมแล้วไม่ฉลาด ก็แสดงว่า ผู้นั้นปฏิบัติผิดทาง ก็มีแค่นั้นเอง
.
ส่วนใครจะคิดว่า ตัวเองฉลาดเลิศล้ำอย่างไร ก็คิดได้ตามอัธยาศัย เพียงแต่ให้รู้ว่า ความคิดกับความจริง มันอาจเป็นคนละอย่างกันได้ หรืออาจเป็นอันเดียวกันก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่า เราจะคิดผิด หรือจะคิดถูก เท่านั้น
.
ใด ๆ ในโลกล้วนอนิจจัง ทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับทั้งหมด ใครไปหลงยึดติดอยู่กับสิ่งใด ก็ต้องเป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น ยิ่งถ้าใครชอบทำตัวให้เด่นดังจนกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของพวกสื่อในโซเชี่ยล ยิ่งดังเร็ว ก็ยิ่งดับเร็ว
.
โบราณท่านจึงสอนว่า ทำดีแต่อย่าทำเด่น มันจะเป็นภัยกับตัวเอง ขอให้ทำดี แม้ไม่เด่นไม่ดัง แต่รักษาตัวรอดเป็นยอดคนได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ก็จัดว่า ดีแท้!!
.
สมดังโอวาทธรรม ของพ่อแม่ครูอาจารย์ใหญ่ องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต สอนว่า
.
”ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นชื่อว่าดีเลิศ”
.
ย่อมเป็นความจริงแท้อย่างแน่นอน!!
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๕
๑๑ มกราคม ๒๕๖๕ |
สายธารธรรม โดย...เจ้าอาวาส