
ธรรมกับตลกมันคนละเรื่อง การเทศน์แล้วคนฟังจะได้ประโยชน์ หรือไม่ได้ประโยชน์ มันไม่ได้อยู่ที่จำนวนคนมาฟังมาก หรือมาฟังน้อย … ไม่ได้อยู่ที่เทศน์ตลกขบขัน หรือไม่ตลกขบขัน … ไม่ได้อยู่ที่ใครจะชอบฟัง หรือไม่ชอบฟัง … ไม่ได้อยู่ที่ใช้คำพูดทันสมัย หรือไม่ทันสมัย … แต่อยู่ที่ . . . … “เนื้อธรรมที่เทศน์ว่า มันถูกต้องตรงตามข้อปฏิบัติที่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ หรือไม่ ต่างหาก อย่างที่ธรรมท่านสอนว่า มัชฌิมาปฏิปทา คือ มรรค ๘ ที่ย่อลงเป็น ๓ ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นเอง” …
ถ้าเทศน์ไม่ถูกต้องตามธรรมที่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ ไม่ถูกต้องตามคุณลักษณะของการแสดงธรรมที่ดี คือ ๑. สันทัสสนา ชี้ให้เห็นชัด ๒. สมาทปนา ชวนใจให้ปฏิบัติตาม ๓. สมุตเตชนา ปลุกใจให้อาจหาญ ๔. สัมปหังสนา เร้าใจให้ร่าเริง ในสัมมาปฏิบัติ คือ การรักษาศีล เจริญสมาธิ อบรมปัญญา อย่างจริงใจ … อย่าว่าแต่ให้คนมาฟังแค่แสนสองแสน ต่อให้คนมาฟังเป็นล้าน ก็หามีประโยชน์อันใดจากการเทศน์นั้น ๆ ไม่ … แถมฟังแล้วยังทำให้เกิดความหลงผิดเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวไร้สาระอันหาประโยชน์มิได้ … ไม่ทำให้เกิด สติ ปัญญา ศรัทธา ความเพียร ในอันที่จะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพื่อ ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์ ตามธรรมท่านสอน … ก็สู้อย่าฟังเสียเลยจะดีกว่า … อยากดูตลกก็จงไปดูเขาเล่นตลก อยากฟังธรรมก็จงไปฟังที่ท่านแสดงธรรม .. อย่าบิดเบือนไปเอาการเล่นตลกมาเป็นธรรม อย่าบิดเบือนไปเอาธรรมมาเล่นตลก … มันคนละเรื่องกัน … #ดอยแสงธรรม_๒๕๖๔
๙ กันยายน ๒๕๖๔ |