
ปฏิบัติธรรมอย่างไร? ภายใต้ปัญหามากมาย วันนี้หมอกลงจัด เป็นวันโกน ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๒ พรุ่งนี้เป็นวันพระใหญ่ เป็นวันลอยกระทงด้วย และเป็นวันสิ้นสุดฤดูฝน
.
มีคนถามปัญหานี้เข้ามา เป็นคำถามที่ดีมาก
.
"เราจะสามารถปฎิบัติธรรมได้อย่างไร หากเรามีปัญหาชีวิตมากมาย"
.
ดิฉันมีความสงสัยว่า หากใจเราปรารถนาที่จะปฎิบัติธรรม เพื่อจะได้พบหนทางพ้นทุกข์และเข้าถึงพระธรรมได้อย่างแท้จริง แต่ติดปัญหาไม่สามารถทำได้ เนื่องจากไม่สามารถทำใจให้สงบได้ เพราะมีปัญหาชีวิตเรื่องครอบครัว และโดยเฉพาะปัญหาเรื่องหนี้สิน ที่ทำให้ทุกข์ใจเป็นอย่างมาก มันเข้ามารบกวนจิตใจทุกครั้งที่เราพยายามจะนั่งสมาธิ
.
ภาพของความทุกข์ และปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ วนเวียนเข้ามาในหัวตลอดจนไม่สงบ ไม่สามารถนั่งสมาธิได้ ใจมีแต่ความทุกข์ หลายครั้งที่พยายามจะสมัครไปปฎิบัติธรรมตามคอร์สอบรมต่าง ๆ เผื่อจะสามารถทำได้บ้าง แต่ก็ต้องมีอุปสรรคให้ไปไม่ได้ตามต้องการ เพราะต้องคอยจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ตลอด ไม่สามารถละไปได้เลย
.
ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วดิฉันจะสามารถเข้าถึงธรรม และเข้าถึงความสงบในชีวิตได้ยังงัยคะ หากยังต้องเผชิญกับปัญหาแบบนี้ไปตลอดชีวิต รบกวนชีแนะแนวทางให้ด้วยค่ะ จาก.... ดี
.
ตอบ คุณผู้ใช้นามว่า ดี
.
คุณอยากปฏิบัติทำเพื่อพ้นทุกข์ และเข้าถึงธรรม แต่ไม่สามารถทำใจให้สงบได้ เนื่องจากติดปัญหาชีวิตเรื่องครอบครัว และหนี้สิน ทำให้ทุกข์ใจมาก ทุกครั้งที่พยายามนั่งสมาธิ ภาพของความทุกข์และปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ วนเวียนเข้ามาในหัวตลอด ทำให้ใจไม่สงบ นั่งสมาธิไม่ได้ หลายครั้งที่คุณจะสมัครไปปฏิบัติธรรมตามคอร์สอบรมต่าง ๆ แต่ก็มีอุปสรรคไปไม่ได้ตามต้องการ เพราะต้องคอยจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น คุณจึงสงสัยว่า คุณจะสามารถเข้าถึงธรรมและความสงบได้อย่างไร? หากยังต้องเผชิญกับปัญหาแบบนี้ไปตลอดชีวิต
.
ปัญหาที่คุณเจอ ก็เป็นปัญหาที่คนในโลกนี้แทบทุกคนต้องเจอด้วยกันทั้งนั้น มิใช่มีแต่คุณคนเดียว เพราะโลกนี้มันเป็นโลกแห่งความทุกข์ และเต็มไปด้วยปัญหามากมาย ที่ทุกคนต่างพากันสร้างขึ้นมาเอง ปัญหาทุกอย่างย่อมมีวิธีที่จะแก้ไขได้ เพียงแต่ว่า ใครจะรู้จักวิธีแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องหรือไม่ต่างหาก
.
การฝึกหัดจิตภาวนา เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถทำลายปัญหาได้ทุกปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอันเกิดจากทุกข์ทางกาย หรือทุกข์ทางใจ ย่อมแก้ไขได้ด้วยจิตภาวนาทั้งนั้น และได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ หากจะรอให้หมดปัญหา หมดทุกข์เสียก่อน แล้วจึงจะฝึกหัดจิตภาวนาได้ ถ้าเช่นนั้น โลกนี้คงไม่มีใครพ้นทุกข์ได้แม้แต่คนเดียว
.
แม้พระพุทธองค์ก็ไม่อาจพ้นทุกข์ได้ เพราะก่อนที่จะเสด็จออกทรงผนวช พระองค์ก็มีปัญหาชีวิตเช่นเดียวกับคุณ ถ้าพูดภาษาอย่างเรา ๆ เมียก็เพิ่งจะคลอดลูก ทั้งรัก และห่วงลูก ห่วงเมีย แถมมีปราสาทสี่ฤดูอันงดงามอลังการ ความเป็นอยู่ก็แสนจะสุขสบาย มีนางสนมแวดล้อมรอบข้าง
.
แต่พระองค์ยังทรงตัดพระทัยสละทิ้งได้ทั้งหมด แม้กระทั่งราชบัลลังก์ ยอมลดตัวจากความเป็นกษัตริย์มาเป็นคนขอทาน นอนกลางดิน กินกลางทราย แสนทุกข์แสนทรมานสุดระทมขมขื่น ทั้งอ้างว้างโดดเดี่ยวเดียวดาย แต่พระองค์ก็ไม่ทรงย่อท้อพระทัย ทรงบำเพ็ญจิตภาวนาจนได้บรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ก็เพราะความอดทน ความพากเพียร ความมีสติปัญญา ความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ความกล้าหาญชาญชัย ความมุ่งมั่นต่อแดนพ้นทุกข์
.
คุณคิดว่า คุณมีทุกข์ได้เท่าเศษเสี้ยวหนึ่งของพระพุทธองค์อยู่หรือ? ปัญหาที่คุณมีก็เป็นปัญหาพื้น ๆ ที่คนทั้งโลกมีกัน ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย คุณยังมิต้องถึงกับสละลูก สละผัว สละบ้านช่องห้องหับ สละสมบัติข้าวของเงินทอง คุณยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณรักและหวงแหนเก็บรักษาไว้
.
แต่พระพุทธองค์ต้องสละของรักหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ใครจะเจ็บปวดทรมานมากกว่ากัน ถึงคุณจะมีหนี้สินมากมายก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับตอนที่คุณเกิดมาใหม่ ๆ หักกลบลบหนี้กันแล้ว คุณก็ยังคงมีกำไรอยู่นั่นเอง ตราบใดที่คุณยังมีร่างกายนี้อยู่ นั่นคือต้นทุนที่คุณสามารถจะนำมาใช้ เพื่อสร้างสรรค์ทรัพย์สมบัติให้เกิดขึ้นได้ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในทางโลก หรือในทางธรรม ขอเพียงคุณรู้จักใช้สติปัญญาคิดอ่านการงานให้ดีเท่านั้น และมีความเข้มแข็งอดทน อย่าท้อถอย อย่าอ่อนแอ
.
บนเส้นทางชีวิตอันแสนทุรกันดารในวัฏฏสงสาร การก้าวพลาดและล้มลง ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ใคร ๆ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ผู้มีปัญญา เมื่อล้มลงแล้วต้องพร้อมที่จะลุกขึ้นเพื่อก้าวเดินต่อไป และจะไม่ยอมพลาดล้มลงในแบบเดิมซ้ำสอง พร้อมกับมองหาวิถีทางที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างถูกต้อง ด้วยความมีสติปัญญาคิดอ่านใคร่ครวญอย่างหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม
.
การฝึกหัดจิตภาวนา มิได้หมายความว่า คุณจะต้องนั่งสมาธิหลับตา หรือไปเข้าคอร์สอบรมตามวัด ตามสถานที่ต่าง ๆ จึงจะเรียกว่า ภาวนา ไม่ใช่เช่นนั้น
.
การภาวนาคือการตั้งสติดูใจตัวเองต่างหาก คุณอยู่ที่ไหนคุณก็ภาวนาได้ ถ้าคุณคิดที่จะภาวนา การนั่งสมาธิหลับตา เป็นเพียงกิริยาอันหนึ่ง หรือการไปเข้าคอร์สอบรม ก็เป็นเพียงกิริยาอันหนึ่งเท่านั้น ถ้ามีโอกาสจะไปก็ได้ ไม่มีโอกาสไม่ไป ก็ไม่เป็นไร ที่สำคัญคือ คุณพยายามกำหนดสติดูใจตนเองไว้โดยสม่ำเสมอ นั่นก็คือ การฝึกจิตภาวนาเช่นกัน ซึ่งคุณสามารถทำได้ทุกอิริยาบถ ไม่เลือกกาลสถานที่ และเวล่ำเวลาใด ๆ เลย
.
ที่คุณคิดว่า คุณมีปัญหาชีวิต มีหนี้สิน มีทุกข์มาก นั่นเป็นเพราะว่า ใจของคุณสร้างเรื่องทุกข์ขึ้นมาเองต่างหาก ใจของคุณไปคว้าเอาปัญหาต่าง ๆ มาขบคิด แต่กลับคิดไปในทางที่จะเป็นเหตุให้เกิดทุกข์กับตัวเอง ใจมันก็ต้องเป็นทุกข์อยู่ร่ำไป
.
คุณจงใช้สติปัญญาคิดเสียใหม่ คิดอย่างมีเหตุผล และถูกต้องตามหลักธรรมที่ท่านสอน คุณอย่าเอาความอยากเข้าไปแก้ปัญหา ความอยากมันมีแต่จะเพิ่มปัญหาให้หนักยิ่งขึ้น จงเก็บความอยากไว้ก่อน แล้วเอาสติปัญญาเข้าไปพิจาณาแทน ว่าปัญหามันเกิดจากเหตุอะไร แล้วแก้ไขกันที่ต้นเหตุ หาเหตุแห่งปัญหาให้เจอ แล้วหาวิธีแก้หลาย ๆ วิธีมาเทียบเคียงกัน เลือกเอาวิธีที่ดีที่สุด ที่สามารถทำได้ และแก้ปัญหาได้ หรือบรรเทาปัญหาลงได้
.
จงใช้เหตุผลในการแก้ปัญหาให้มากที่สุด อย่าใช้อารมณ์และความอยาก ถึงปัญหาจะหนัก แต่ถ้าใจเข้าถึงเหตุผลแห่งปัญหา ใจก็ไม่เป็นทุกข์ เพราะใจอยู่กับเหตุผล คือความจริง ยอมรับความจริง จงอย่าไปนึกถึงอดีต และจงอย่าไปคาดหมายอนาคต เพราะนั่นคือความปลอม จงตั้งจิตอยู่กับปัจจุบัน และยอมรับความจริงที่กำลังเผชิญอยู่เฉพาะหน้า
.
ทุกข์ก็ยอมรับว่าทุกข์ สุขก็ยอมรับว่าสุข หากมันจะมี อย่าไปอยากให้ทุกข์มันหาย หรืออย่าไปอยากให้สุขมันอยู่นาน ๆ เพราะทุกข์มันจะไม่หาย เพราะเราอยากให้หาย แต่ทุกข์มันจะหายได้ ก็ต่อเมื่อเราแก้ไขที่ต้นเหตุแห่งทุกข์เท่านั้น หามันให้เจอ แล้วทำลายมันให้สิ้นซากไปเสีย ทุกข์ทั้งหลายมันก็ดับไปเอง ส่วนความสุข จริง ๆ แล้วมันไม่มีหรอก ไม่ต้องไปถามหามันให้เสียเวลา ขอเพียงทุกข์ดับไปเท่านั้น ความสุขมันก็ปรากฏขึ้นเอง
.
จงจำไว้ว่า ความทุกข์ทั้งปวงเกิดขึ้นเพราะใจเราสร้างมันขึ้นมาเองทั้งนั้น ถ้าใจเราไม่สร้างเรื่องทุกข์ขึ้นมา ความทุกข์มันก็ไม่มี การที่เราคิดว่า คนนั้นมาทำไม่ดีกับเรา มาทำร้ายเรา มาทำให้เราเจ็บปวด หรือ เรามีหนี้สินเยอะไม่รู้จะใช้หนี้ยังไง กลายเป็นหนี้สินมาทำให้เราเป็นทุกข์ นั่นแหละ คือ การที่ใจกำลังปรุงแต่งสร้างเรื่องทุกข์ให้กับตัวเองอย่างไม่รู้ตัว แล้วโยนความผิดไปให้กับคนอื่น ไปให้วัตถุอื่น
.
จงตระหนักให้ถึงใจ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ๆ เราจะต้องทำแต่ความดีเท่านั้น เราจะไม่ยอมทำความไม่ดีอย่างเด็ดขาด แม้เราจะต้องตาย เราก็จะขอยอมตายอยู่กับความดีนี้ไม่ให้ผันแปรเป็นอย่างอื่น
.
ถ้าคุณตั้งใจไว้ได้อย่างนี้ ได้ชื่อว่า คุณมีความตั้งใจชอบ มีใจอันหนักแน่นอยู่ในความดี ถึงตายก็ไม่ต้องเสียดายอาลัยชีวิต เพราะทุกคนเกิดมา ยังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว เพียงแต่จะตายอยู่กับความดี หรือจะตายอยู่กับความชั่วเท่านั้นเอง ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง คุณคิดว่า คุณจะเลือกอันไหน?
.
ดังนั้น ถ้าคุณรู้สึกว่า มีใครสักคนมาทำไม่ดีกับคุณ คุณต้องรู้จักว่า คุณควรทำอย่างไร สิ่งที่คุณควรทำคือ หาวิธีป้องกัน หรือแก้ไข หรือหลีกเลี่ยง ให้ได้รับความเสียหายน้อยที่สุด ไม่ใช่ไปฆ่าเขา หรือไปด่าเขา หรือไปบังคับให้เขามาทำดีกับคุณ ป้องกันได้ก็ป้องกันเสีย ป้องกันไม่ได้ มันจะเสียหายแค่ไหน ก็ยอมรับกันไป แต่อย่าไปทำไม่ดีกับเขา ยอมรับกรรมนั้น อย่าไปโกรธ หรือ อย่าไปแค้น ถือว่าเป็นกรรมของเรา เคยทำร้ายเขาไว้ก่อน ก็ใช้หนี้ใช้กรรมกันไป
.
คนอื่นมาทำไม่ดีกับเรา เรายังโกรธเขาฉันใด ตัวเราไปทำไม่ดีกับคนอื่น คนอื่นก็จะต้องโกรธเราฉันนั้น เราก็ควรจะต้องโกรธตัวเองด้วยที่ไปทำไม่ดีกับคนอื่น แบบนี้จึงเรียกว่า ยุติธรรม เรารักษาความดีของเราไว้ได้ในทุกสถานการณ์ คนทำไม่ดีกับเรา เราก็ทำดีของเราไป คนทำดีกับเรา เราก็ยังคงทำดีของเราไป อย่างคงเส้นคงวา ถ้าใจเราไม่สร้างเรื่องทุกข์ให้กับตัวเอง คนอื่นจะมาทำให้เราทุกข์ได้อย่างไร
.
คนอื่นมาทำให้เราเจ็บปวดได้ก็เพียงแค่ร่างกายเท่านั้น ส่วนใจที่เป็นทุกข์ เพราะใจเราคิดเรื่องที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์เองต่างหาก ใจจะทุกข์มาก ทุกข์น้อย หรือไม่ทุกข์เลย ก็อยู่ที่เราจะทำใจเราให้คิดเป็นกุศลหรืออกุศล
.
ถ้าผู้รู้ธรรมจริงแท้ ถึงกายจะเป็นทุกข์มากแค่ไหน ใจก็ไม่ได้ทุกข์ไปด้วยกับร่างกายเลย นี่เรียกว่า อานิสงส์ของการภาวนา ส่วนวัตถุข้าวของเงินทองทางภายนอก ยิ่งไม่มีทางที่จะมาทำให้ใจเป็นทุกข์ได้ เพราะใจไม่คิดปรุงเรื่องที่จะเป็นเหตุทำให้ใจเป็นทุกข์ ทุกข์ก็เกิดไม่ได้
.
การฝึกหัดจิตภาวนาจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ถ้าใจมันสงบด้วยลำพังทำสมาธิไม่ได้ ก็ต้องรู้จักใช้ปัญญาเข้าช่วยอีกแรง การภาวนา คือ การกำหนดสติเฝ้าดูใจ การดูใจ ก็คือ การดูความคิดปรุงของใจนั่นเอง สติ คือ ความสามารถในการบังคับใจ ยิ่งเรามีสติมากขึ้นเท่าใด เราก็มีความสามารถที่จะบังคับใจได้มากขึ้นเท่านั้น ผู้ฝึกจิตจนสติแก่กล้า สามารถที่จะบังคับใจให้หยุดคิดเมื่อไรก็ได้ ให้คิดอะไรก็ได้ โดยที่ใจอยู่ในความบังคับตลอดเวลา ไม่คิดแบบเผลอ ๆ เพลิน ๆ ไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
.
สติ ทำให้เรารู้จักว่า เรากำลังคิดอะไร ปัญญา เป็นตัวบอกให้รู้ว่า สิ่งที่เราคิดนั้น มันดีหรือชั่ว ผิดหรือถูก เป็นคุณหรือเป็นโทษ ควรคิดหรือไม่ควรคิด ดังนั้น ถ้าเราปล่อยใจให้คิดเรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะไปตามอารมณ์ นั่นคือ เราไม่มีสติ ไม่มีปัญญาเอาเสียเลย เมื่อเราปล่อยใจให้เป็นเช่นนี้ ไฉนความทุกข์มันจะไม่เกิดขึ้นที่ใจได้อย่างไร ไม่ต้องมีคนอื่นมาทำร้ายเรา ใจนี้ที่ไม่มีสติปัญญา ก็สร้างเรื่องทุกข์ขึ้นทำร้ายตนเองได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ด้วยความคิดที่เป็นมิจฉาทิฏฐิไม่อยู่ในขอบเขตเหตุผลแห่งธรรมนั่นเอง
.
ธรรมท่านสอนให้คิดอยู่ในปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด กำหนดสติตั้งรับกันในปัจจุบัน อะไรมันจะเกิดก็ให้มันเกิดมาเถอะ จะดีจะชั่ว จะสุขจะทุกข์ จะรวยจะจน จะเป็นจะตาย เอ้า! ให้มันเกิดมาในปัจจุบัน ให้เห็นกันแบบจะจะ เมื่อมันปรากฏแล้วอย่างไร ก็หาทางแก้ไขกันไปให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่มันเกิดขึ้น นี่เรียกว่า ตั้งรับอยู่ในปัจจุบัน แก้ไขกันอยู่ในปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด หน้าที่ของเรามีเท่านี้
.
เมื่อทำดีที่สุดแล้วก็ยอมรับตามนั้น อย่าไปอยากให้มันเป็นอย่างโน้น อย่าไปอยากให้มันเป็นอย่างนั้น โดยที่มันเป็นไปไม่ได้ พอมีความอยากปรากฏ ความทุกข์มันจะเกิดทันที ดังนั้น อย่าไปอยาก ให้อยู่กับความจริง และยอมรับความจริง แก้ไขกันที่เหตุการณ์จริง ๆ ความอยากเป็นความปลอม ให้ทำลายเสีย แล้วความทุกข์มันจะหายไปเอง
.
อดีตมันผ่านไปแล้ว ดับไปแล้ว ก็ปล่อยให้มันผ่านไปดับไป อย่าไปเสียดายไขว่คว้าหามาอุ่นกินใหม่อีก มันเป็นของบูดของเน่าไปแล้ว อาหารเราเก็บไว้ค้างคืนยังไม่มีใครกล้าเอามากิน นี่อดีตผ่านไปเป็นเป็นเดือนเป็นปี มันบูดเน่าส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลยิ่งกว่าอาหารเสียอีก ทำไมยังเอามาอุ่นกินได้ มันจะเป็นเหตุตีพิษขึ้นที่ใจให้เป็นทุกข์ไม่รู้จบ
.
หากจะคิดถึงอดีต ก็คิดเฉพาะที่มันเกี่ยวพันกับปัจจุบันเท่านั้น เช่นเอาอดีตมาเป็นบทเรียน เพื่อหลีกเลี่ยงการทำไม่ดีในปัจจุบัน อย่างนี้เป็นต้น อดีตที่ไม่เกี่ยวกับปัจจุบันเลย คิดไปก็เป็นเรื่องเพ้อฝันเปล่า ๆ เพราะทำอะไรไม่ได้ รังแต่จะทำให้ใจเป็นทุกข์เท่านั้น จึงควรระงับยับยั้งเอาไว้
.
ส่วนอนาคตยังไม่มาถึง ก็อย่าไปคาดไปหมาย อยากให้เป็นอย่างนั้น อยากให้เป็นอย่างนี้ อยากให้ไปเร็ว ๆ อยากให้มาเร็ว ๆ เลยหลงลืมปัจจุบันไปเสียสิ้น นี่ก็เป็นเหตุสร้างทุกข์ขึ้นที่ใจได้เช่นกัน
.
มะม่วงมันยังไม่สุก ก็อย่าเป็นบ้าไปยืนอ้าปากรอมันหล่นลงมา รอให้มันสุกเสียก่อน หากจะคิดถึงอนาคต ก็จงคิดเฉพาะ อนาคตที่เกี่ยวข้องกับปัจจุบัน เช่น ปัจจุบันเรากำลังจะทำอะไร แล้วมันจะเป็นผลดี ผลเสียอย่างไรในอนาคต ดังนี้ ส่วนอนาคตที่ไม่เกี่ยวกับปัจจุบันเลย คิดไปก็เป็นการสร้างวิมานในอากาศ เป็นเรื่องเพ้อฝันลม ๆ แล้ง ๆ ก็สมควรระงับเสีย
.
ถ้าเราฝึกคิดอ่านใคร่ครวญอย่างมีสติมีเหตุมีผล ก็ถือเป็นการฝึกหัดจิตภาวนาได้วิธีหนึ่งเช่นกัน เมื่อจิตเริ่มรู้เหตุรู้ผล รู้จักจัดระเบียบความคิดภายในจิตได้บ้าง จากนั้น จิตจะเริ่มมีช่องว่างปรากฏ ไม่แออัดยัดเยียดเต็มไปด้วยความคิดไร้สาระอย่างแต่ก่อน จึงค่อยเอาคำบริกรรมพุทโธอัดเข้าไป เพื่อเร่งทางด้านสมาธิอย่างเต็มรูปแบบ จิตก็จะได้รับความสงบเร็วขึ้น หากมีเวลา คราวนี้จะพานั่งสมาธิหลับตาบ้างก็ได้ มันหากเป็นของเป็นเอง เมื่อถึงเวลาของมัน
.
ดังนั้น จงอย่าคิดว่า จะรอให้หมดปัญหาชีวิต จะรอให้หมดหนี้หมดสิ้นเสียก่อน ค่อยมาภาวนา มันจะตายทิ้งเสียเปล่า ๆ จงตั้งใจภาวนาให้มากอย่างที่บอกมานี้ ปัญหาทุกอย่างจะได้รับการแก้ไขไปเองอย่างถูกวิธี แล้ววันหนึ่งคุณคงจะได้เห็นแสงสว่างในชีวิตทอประกายเจิดจ้าขึ้นอย่างมีความหวังโดยไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากใคร ๆ อีกเลย เอวังฯ
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๕_๑๑
|
สายธารธรรม โดย...เจ้าอาวาส