
พระทุศีล ถ้าพระภิกษุไม่ปฏิบัติอยู่ในธรรมในวินัย ประพฤติผิดเป็นโลกวัชชะ คือ โลกติเตียนด้วยการกระทำที่แม้คนดีมีศีล ๕ ที่ปฏิบัติธรรม เขายังละอายไม่กล้าทำกัน เช่น การมาดื่มสุรา ต่อหน้าพระพุทธรูป เป็นต้น . แต่พระภิกษุเป็นผู้ทรงศีล ๒๒๗ ปฏิบัติธรรมมากกว่าเขา กลับกระทำได้ลงคออย่างหน้าตาเฉย โดยไม่นึกละอายใจบ้างเลย มันก็เลวกว่าฆราวาสญาติโยมที่เขายังมีหิริโอตตัปปะมากกว่า แสดงให้เห็นถึงความมีจิตใจต่ำทรามของพระภิกษุที่ทำศีลวิบัติได้อย่างหน้าชื่นตาบาน . พระภิกษุเช่นนี้ถึงอยู่ไปก็ไม่เจริญในธรรมในวินัย รังแต่จะทำความเสื่อมเสียให้แก่การพระพุทธศาสนา แต่ถ้าจะให้ลาสิกขาไป ก็อาจจะอ้างว่า ความผิดชั้นนี้ยังไม่ถึงขั้นปาราชิก ใครจะมาบังคับให้สึกไม่ได้ เพราะเป็นแค่อาบัติปาจิตตีย์ แสดงอาบัติเสียก็พ้นความผิดได้ . แต่ถ้ามีหลักฐานแน่ชัดว่า ได้กระทำผิดพระวินัยเป็นอาจิณ แม้จะปลงอาบัติ ก็ปลงไม่ตก ก็ไม่อาจพ้นผิดได้ และถ้าสอบสวนให้ลึก ๆ คงจะไม่ได้กระทำผิดพระวินัยแต่เพียงเท่านี้ อาจมีการกระทำผิดอย่างอื่นที่อาจเป็นอาบัติหนักร้ายแรงด้วยหรือไม่? . คงเป็นหน้าที่ของเจ้าคณะผู้ปกครอง พระอุปัชฌาย์ อาจารย์ ควรจะต้องตรวจสอบให้แน่ชัด อย่างน้อยถ้าเป็นพระระดับเจ้าอาวาส ก็ต้องปลดออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส แล้วพิจารณาสืบสวนสอบสวนเพื่อปรับโทษตามควรแก่โทษานุโทษต่อไป . ถ้ามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาจงใจกระทำความผิดพระวินัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็สมควรให้ลาสิกขาไป เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดี เพราะการกระทำที่เป็นโลกวัชชะนี้ ย่อมเป็นที่รังเกียจแม้ในหมู่พระด้วยกันเอง . ถ้าบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา แล้วปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ในธรรมในวินัยไม่ได้ ถ้าจะเป็นพระทุศีล ก็สู้สึกไปเป็นคนทุศีลเสียยังจะดีกว่า เพราะคนทุศีลยังไม่ได้ชื่อว่า ทำลายพระพุทธศาสนาเหมือนพระทุศีล จะได้ไม่ต้องเป็นบาปเป็นกรรมด้วยการกระทำที่ผิดพระวินัยให้เป็นอาบัติติดตัวอยู่ตลอดเวลาทุกย่างก้าว . เพราะการเป็นพระทุศีล แล้วรับของทานของชาวบ้านที่เขายกมือจบท่วมหัว ด้วยตั้งใจถวายแด่พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันยิ่งของโลก ก็เป็นเหมือนโจร เหมือนขโมยที่แอบขโมยกินของทานของเขา . ตัวเองเป็นพระทุศีล เป็นพระอลัชชี ทั้งที่รู้อยู่ ก็ยังขืนรับไทยทานของเขามากินมาใช้อย่างไม่ละอายใจ โทษมันหนักหนาสาหัสถึงขั้นไปอบายได้เลยทีเดียว . #ดอยแสงธรรม_๒๕๖๔ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ |