ReadyPlanet.com
dot

dot
dot
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
bullet สมัครสมาชิก
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
ชมคลิปวีดีโอน่าสนใจ
ยังไม่มีสมาชิกที่ล็อกอินในขณะนี้
bulletบุคคลทั่วไป 22 คน
dot
dot

dot


ฟัง F.M. 103.25 MHz.
ชมทีวีช่องหลวงตา
ฟังวิทยุออนไลน์ วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน
ชมคลิปวีดีโอน่าสนใจ
เข้าชม face book วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน


ภูมิจิตภูมิธรรม

หลายคนแสดงความห่วงใยพระพุทธศาสนาเกรงว่า จะถูกรุกราน และถูกทำลายให้เสื่อมสลายไปจากเมืองไทย เหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นที่อินเดียมาก่อน
.
ถ้าเป็นห่วงศาสนากันจริง ๆ พวกเราก็ต้องช่วยกันกระทำเหตุในปัจจุบันให้ดีที่สุด จงช่วยกันปกปักรักษาศาสนาพุทธเอาไว้ อย่าให้ใครมาจาบจ้วงล่วงเกินได้
.
ญาติโยมก็ต้องตั้งตนอยู่ในศีลในธรรม พระเณรก็ต้องประพฤติวัตรปฏิบัติสำรวมกาย วาจา ใจ ตั้งอยู่ในธรรมในวินัย พระพุทธศาสนาก็จะดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงในปัจจุบัน ส่วนอนาคตมันก็เป็นผลไปจากปัจจุบันนี่เอง หากทำศาสนาพุทธในปัจจุบันให้ดีแล้ว ศาสนาพุทธในอนาคตมันหากดีเอง
.
ส่วนเรื่องของศาสนาพุทธที่จะเป็นไปอย่างไรในอนาคตจริง ๆ มันก็ไม่มีใครไปรู้ล่วงหน้าได้ว่า จะเป็นอย่างไร เว้นไว้แต่ผู้ที่มีญาณหยั่งรู้อดีตรู้อนาคตได้ ที่ท่านหยั่งรู้อย่างถึงอรรถถึงธรรมจริง ๆ เท่านั้น ไม่ใช่รู้แบบงู ๆ ปลา ๆ จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง พอแค่ให้ได้เอามาคุยโม้โอ้อวดหลอกลวงโลก รู้อย่างนี้ไม่เรียกว่ารู้จริง เพราะยังเอาตัวเองให้รอดพ้นจากขุมนรกไม่ได้
.
มีคำกล่าวว่า ต่อไปศาสนาพุทธจะไปเจริญอยู่ที่ต่างประเทศ เพราะพระไทยไปเผยแผ่ศาสนาพุทธอยู่ในต่างแดนเป็นจำนวนมาก ทั้งทางแถบยุโรป และอเมริกา ชาวต่างชาติก็สนใจคำสอนของพระพุทธศาสนา หันมานับถือพระพุทธศาสนากันมากขึ้น บางพวกก็สนใจปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิเจริญภาวนาอย่างที่เคยปรากฏเป็นข่าว
.
ถ้าเรามองกันอย่างผิวเผิน ก็ดูเหมือนว่าน่าปลาบปลื้มใจนักที่ศาสนาพุทธจะไปเจริญรุ่งเรืองที่ต่างแดน มีชาวต่างชาติหันมานับถือศาสนาพุทธมากขึ้น มีฝรั่งมาบวชเป็นพระมากขึ้น วัดวาอาวาสก็เจริญรุ่งเรืองมีโบสถ์ มีวิหาร มีศาลา มีกุฏิสวยงาม อีกทั้งมีพระไทยไปปฏิบัติศาสนกิจยังต่างแดนมากขึ้น
.
แต่เราจะพูดให้ฟังนะ ฟังแล้วก็เก็บไปคิดเอาเอง ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับเราก็ได้
.
การที่ศาสนาพุทธจะไปเจริญรุ่งเรือง ณ ที่ไหนก็ตาม อย่ามองเพียงแค่ว่ามีศาสนวัตถุสวยงามบริบูรณ์ อย่ามองเพียงแค่ว่ามีคนศรัทธาเลื่อมใสมาก อย่ามองเพียงแค่ว่ามีลาภสักการะมาก อย่ามองเพียงแค่ว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องยืนยันความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา หากจะพูดว่าศาสนวัตถุเจริญ ก็คงพออนุโลม แต่มันเป็นได้แค่สะเก็ดหรือเปลือกของศาสนาเท่านั้น
.
แท้จริง ศาสนาพุทธย่อมเจริญอยู่ที่ใจคน ใจพระ ใจเณร เท่านั้น ถ้าใจใดทรงไว้ซึ่งศาสนธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาที่ถูกต้อง มีข้อวัตรปฏิบัติอันเป็นไปเพื่อการทรมานกิเลส เผากิเลสให้เร่าร้อน จนถึงขั้นสามารถกำจัดอาสวะกิเลสให้หมดสิ้นไปจากใจได้ จะโดยบางส่วน หรือโดยสิ้นเชิงก็ตาม อันจักเป็นเหตุยังพระอริยบุคคล ๔ จำพวกให้ปรากฏขึ้นได้ ณ ที่ใด ที่นั้นแล คือที่ที่ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรืองได้อย่างแท้จริง
.
ดังนั้น การที่จะพูดว่า ศาสนาพุทธจะไปเจริญรุ่งเรืองยังต่างประเทศ ทุกคนก็คงพอมองเห็นภาพกันแล้วว่า ศาสนาพุทธจะไปเจริญได้อย่างไร จะมีเพียงศาสนวัตถุเจริญ หรือจะมีศาสนธรรมไปเจริญรุ่งเรืองด้วย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับข้อวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ที่จะไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในที่นั้น ๆ ว่า มีภูมิจิตภูมิธรรมมากพอที่จะไปสั่งสอนเขาไหม
.
ในส่วนของพระเณรที่จะไปเผยแผ่ศาสนาพุทธให้เจริญรุ่งเรืองยังต่างประเทศ ถ้าจะเอาแบบหวังผลได้ ก็ต้องเป็นพระเณรที่มีศาสนธรรมอยู่ภายในใจแล้วอย่างมั่นคง มีข้อวัตรปฏิบัติอันเข้มแข็งแกร่งกร้าวแล้วเท่านั้น
.
ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น เห็นมีแต่เอาจีวรไปทิ้งอยู่ต่างประเทศเสียเยอะแยะนัก หรือไม่ก็ซมซานกลับมาไทยด้วยบาดแผลเต็มตัว หรือไม่ก็อยู่ที่นั่นพอให้มีพระรักษาศาสนวัตถุเอาไว้ ส่วนการที่จะปฏิบัติรักษาพระธรรมวินัยโดยเคร่งครัด มีข้อวัตรปฏิบัติมุ่งสู่แดนหลุดพ้นอย่างจริงจังก็อาจจะมีอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์ที่ทรงธรรมทรงวินัยคอยให้คำแนะนำพร่ำสอน ก็คงยากที่จะฝ่าดงกิเลสไปได้ตลอดรอดฝั่ง
.
การจะไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังต่างแดน มันไม่ง่ายอย่างที่คิด การไปอยู่ในสังคมที่เขาไม่รู้จักคุ้นเคยกับการปฏิบัติของพระเณร ไม่รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของชาวพุทธ ไม่รู้จักการอุปัฏฐากพระที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย
.
ถ้าพระไม่ฉลาดที่จะรักษาพระธรรมวินัยให้ดี เอาแต่จะอนุโลมตามญาติโยม เพราะกลัวแต่เขาจะไม่เลื่อมใสศรัทธา กลัวเขาจะไม่มาปฏิบัติรับใช้ ก็อนุโลมตามโยมไปเรื่อย ๆ สุดท้ายเลยกลายเป็นอนุแหลก แล้วย้อนกลับมาเป็นภัยกับตัวเองฆ่าตัวเองตายไปเท่านั้นแล!! อย่าว่าแต่พระในต่างแดนเลย พระที่อยู่ในเมืองไทยเองก็เถอะ ถ้าปฏิบัติแบบโง่ ๆ ก็ตายกันไปเยอะแล้ว
.
ดังนั้น ศาสนาพุทธถึงแม้ไม่มีใครมาทำให้เสื่อม ศาสนาพุทธก็จะต้องเสื่อมอยู่เอง ด้วยการที่ชาวพุทธแต่ละคนทำร้ายตัวเอง คือการยอมตัวเป็นขี้ข้าของกิเลสอยู่ตลอดเวลา พระพุทธเจ้าทรงตรัสพยากรณ์เอาไว้ ศาสนาพุทธจะดำรงอยู่ได้ประมาณแค่ ๕๐๐๐ ปี หลังจากนั้นแล้ว จิตใจของสัตว์โลกไม่อาจยอมรับธรรมได้อีกเลยตลอดกาลนานแสนนาน
.
มาพูดถึงเรื่องของศาสนาโดยทั่วไปบ้าง มีคำกล่าวว่า ศาสนาทุกศาสนาย่อมสอนให้คนเป็นคนดี คุณว่าจริงไหม?
.
คำตอบ : มันก็จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง เพราะแต่ละศาสนาย่อมมีศาสดาที่เป็นผู้ตั้งศาสนานั้น ๆ เป็นเจ้าของอยู่ การจะสอนให้คนเป็นคนดีได้ ศาสดาของแต่ละศาสนาก็ต้องเป็นคนดีให้ได้ก่อน และการเป็นคนดีก็มีหลายระดับ อยู่ที่ใครจะเข้าถึงความดีได้ในระดับใด
.
ธรรมชาติของโลกเป็นมาอย่างนี้ เป็นมานานแสนนาน จะมีใครรู้หรือไม่มีใครรู้ก็ตาม ก็หนีความเป็นอย่างนี้ไม่พ้น โลกนี้จึงมีทั้ง “ดี” และ “ชั่ว”คละเคล้าปะปนกันไป จะเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งมิได้
.
มีสุขก็ต้องมีทุกข์ มีรักก็ต้องมีเกลียด มีร้อนก็ต้องมีเย็น มีกลางวันก็ต้องมีกลางคืน มีเกิดก็ต้องมีแก่ มีเจ็บ มีตาย นี่คือความสมดุลย์ในหลักธรรมชาติที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงให้เป็นอย่างอื่นได้
.
เรื่องดี ๆ ในโลกนี้ก็มีอยู่มากมาย เรื่องชั่ว ๆ ก็มีอยู่ไม่ได้ด้อยกว่ากันนัก อีกทั้งคนดีก็มีหลายระดับชั้นดังกล่าวแล้ว ไล่ไปตั้งแต่คนดีทั่ว ๆ ไปที่โลกนิยมยกย่องว่าดี เลยนั้นไปก็เป็นคนดีที่มีศีลธรรมประจำใจที่เรียกว่ากัลยาณปุถุชน สูงกว่านั้นขึ้นไปอีกก็เป็นคนดีแบบสุด ๆ ที่สามารถระงับดับกิเลสได้บ้าง จนถึงสามารถดับกิเลสได้อย่างสิ้นเชิงเข้าถึงพระนิพพานที่เรียกว่า พระอริยบุคคล
.
ส่วนคนชั่วก็มีหลายระดับเช่นกัน ที่ชั่วสุด ๆ ก็พวกที่ชอบไปอยู่ในอเวจีมหานรกจนถึงโลกันตมหานรก คือพวกที่ไม่รู้จักว่าอะไรคือบุญ อะไรคือบาป แต่ตั้งหน้าตั้งตาสั่งสมแต่บาป
.
ดังนั้น ความดีของแต่ละศาสนาอาจมีแตกต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับว่า ศาสดาของแต่ละศาสนาจะมีสติปัญญาเข้าถึงความดีได้ในระดับใด ก็เป็นคนดีได้แค่นั้น และสอนคนอื่นให้ดีได้แค่นั้น ไม่มีทางเลยนั้นไปได้
.
นิยามของคำว่า “คนดี” จึงมีได้หลายนัย แล้วแต่ภูมิสติปัญญาของแต่ละศาสดาว่าจะสามารถรู้ลึกรู้ตื้นในสภาวธรรมทั้งปวง หากเป็นความรู้ที่ยังมีกิเลสครอบงำอยู่ ก็อาจจะรู้ผิดบ้าง รู้ถูกบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
.
คำสอนของศาสนาพุทธเป็นคำสอนของท่านผู้สิ้นกิเลสย่อมปราศจากอคติทั้งสี่ จึงไม่มีทางที่จะไปเหมือนกับคำสอนของคนมีกิเลสอย่างแน่นอน จะมีเหมือนกันบ้างก็เฉพาะการทำความดีในระดับพื้นฐานที่คนมีกิเลสพอจะทำได้รู้ได้เห็นได้เท่านั้น
.
พอก้าวเข้าสู่ความดีที่เป็นธรรมชั้นสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป คนมีกิเลสทั่วไปก็ชักจะรู้ไม่ได้ จำกัดแต่เฉพาะผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติตามแนวทางแห่งมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้น จนจุดสุดท้ายก้าวถึงความดีอันเป็นธรรมขั้นโลกุตระ ก็ยิ่งจำกัดให้รู้ได้แต่จำเพาะพระอริยบุคคลสี่จำพวก ผู้เข้าถึงอริยมรรค อริยผลในขั้นนั้น ๆ จนถึงที่สุดแห่งธรรมคือสำเร็จพระอรหันต์เข้าสู่พระนิพพาน ก็มีแต่พระพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวกเท่านั้น จะพึงรู้ได้เห็นได้
.
ที่กล่าวมานี้ คือความจริงในหลักธรรมชาติที่มีอยู่เป็นอยู่อย่างนี้มานานแสนนาน ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนไปบันดาลให้ธรรมในหลักธรรมชาตินี้ แปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นได้ แม้ตัวพระเจ้าเอง ถ้าไม่ได้เดินบนหนทางแห่งมรรคมีองค์ ๘ ก็ยังต้องตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของกิเลสอย่างไม่มีทางหนีพ้น
.
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า คำสอนของศาสนาพุทธ ไม่ใช่คำสอนที่สอนแค่ให้คนเรา ละชั่ว ทำดี แต่สอนให้ก้าวไปถึงขั้นทำใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์หมดจดจากกิเลส ซึ่งไม่มีในคำสอนของศาสนาอื่น
.
มีคำถามแย้งว่า จะไปพูดอะไรถึงธรรมขั้นหลุดพ้น มันเป็นธรรมชาติลึกลับที่ไม่มีใครมองเห็นและสัมผัสได้ เอาแค่ว่าสามารถดำรงชีพอยู่ได้ในโลกใบนี้ มีงานทำ มีเงินเดือน มีกินมีใช้ ไม่ต้องไปคดโกงใคร ไม่ไปปล้นจี้ลักขโมยของใคร ไม่ไปอาฆาตพยาบาทใคร ไม่ไปเบียดเบียนใคร ไม่ไปทำร้ายใครให้เดือดร้อน ทำได้แค่นี้ก็น่าจะดีแล้วนะ
.
หรือเห็นใครเดือดร้อนประสบกับภัยพิบัติ อยากช่วยเขาก็บริจาคทรัพย์ช่วยเหลือกันไปด้วยมนุษยธรรม ไม่ต้องเลือกว่าเป็นใครก็ช่วยได้ ไม่จำเป็นจะต้องไปทำบุญกับพระที่วัดอย่างเดียว จะทำบุญที่ไหนก็ทำได้ ทำไมจะต้องให้พระในพระพุทธศาสนามาผูกขาดการทำบุญเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว กระนั้นหรือ?
.
ส่วนธรรมขั้นหลุดพ้นอะไรนั่นที่พูดมา มันก็สัมผัสจับต้องได้ยาก แล้วจะมีประโยชน์อะไรกับธรรมที่เราไม่อาจรู้ได้เห็นได้ ทำอะไรแล้วมันสุขกายสบายใจก็ทำไปเถอะ มันก็น่าจะโอเคแล้ว ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร ให้ต้องมาถกเถียงกันว่า ศาสนาไหนดีกว่าศาสนาไหน ใครจะสอนผิดหรือใครจะสอนถูก จริงไหมครับท่าน?
.
คำตอบ : ทุกสิ่งในโลกนี้ย่อมมีคุณค่าอยู่ในตัวมันเอง บางอย่างก็มีคุณค่ามาก บางอย่างก็มีคุณค่าน้อย ผู้ฉลาดย่อมรู้จักที่จะถือเอาประโยชน์จากสิ่งต่าง ๆ ได้ ตามสมควรแก่คุณค่าของมัน
.
ธรรมที่มีอยู่ในหลักธรรมชาติ ก็มีตั้งแต่ธรรมขั้นพื้น ๆ ไปจนถึงธรรมขั้นกลาง ขั้นละเอียด และขั้นละเอียดสุดของธรรม ธรรมแต่ละขั้นก็ย่อมจะอำนวยผลให้แก่ผู้ปฏิบัติตามสมควรแก่ความปฏิบัติ คงไม่มีใครสามารถไปกำหนดได้ว่า ควรปฏิบัติธรรมถึงขั้นไหนจึงจะพอ ต้องให้ผู้ปฏิบัติแต่ละรายเข้าไปตัดสินด้วยความรู้ความเห็นของตนเอง
.
ดังนั้น หากคุณมีสติปัญญาถือเอาประโยชน์จากธรรมได้แค่ไหน ก็จงถือเอาประโยชน์ไปตามนั้น ตามที่คุณเห็นสมควร ไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่จะไปบงการผู้อื่นที่เขาอาจมีสติปัญญาสูงกว่า ที่สามารถถือเอาประโยชน์จากธรรมได้สูงส่งกว่าคุณ
.
ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็จะพูดอย่างนี้ว่า ธรรมมี ๒ อย่าง คือ
.
๑. โลกียธรรม คือธรรมของคนที่ยังมีกิเลสครองใจอยู่ ธรรมชั้นนี้ยังเอาแน่นอนไม่ได้ มีความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ยังตกอยู่ในอำนาจของไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เดี๋ยวว่าดี เดี๋ยวว่าไม่ดี เป็นธรรมขั้นพื้นฐานที่อาจมีในคำสอนของศาสนาอื่น ๆ ได้
.
ที่บอกว่า ทุกศาสนาล้วนสอนให้คนเป็นคนดีเหมือนกัน ก็คืออยู่ในธรรมขั้นนี้ ซึ่งอาจสำคัญผิดว่าชั่วเป็นดี หรืออาจสำคัญผิดว่าดีเป็นชั่วได้ ถ้าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีได้จริง สัตว์โลกก็ควรอยู่ร่วมกันได้อย่างร่มเย็นเป็นสุข ไม่ต้องมาทะเลาะวิวาทบาดหมางกัน รบราฆ่าฟันกันเหมือนอย่างทุกวันนี้
.
แต่เพราะโลกียธรรมเป็นธรรมที่ยังอยู่ภายใต้การกดขี่บังคับควบคุมของกิเลส คนเราจึงเต็มไปด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลง หาความเสียสละหวังดีต่อกันอย่างจริงใจมิค่อยได้ มักใช้เล่ห์เพทุบายประทุษร้ายซึ่งกันและกัน เต็มไปด้วยมิจฉาทิฏฐิ “ดี” ของคนหนึ่ง อาจกลายเป็น ”ไม่ดี” ของอีกคนหนึ่งก็ได้
.
เราก็พูดได้แต่เพียงว่า คำสอนในส่วนที่ทำให้คนเป็นคนดีจริง ๆ ย่อมมีสมบูรณ์ในคำสอนของศาสนาพุทธที่ผู้ปฏิบัติจะพึงรู้เองเห็นเอง ศาสนาอื่นอาจสอนให้ทำดีแตกต่างกันไป ดีของศาสนาหนึ่งอาจจะกลายเป็นชั่วของอีกศาสนาหนึ่งก็ย่อมได้ เพราะศาสดาของแต่ละศาสนาอาจบัญญัติความดีแตกต่างกันไป
.
ที่ศาสนาพุทธสอนว่า “ดี” แต่อาจกลายเป็น “ไม่ดี” ในศาสนาอื่น หรือที่ศาสนาอื่นสอนว่า “ดี” แต่อาจกลายเป็น “ไม่ดี” ในศาสนาพุทธ จึงเป็นหน้าที่ของผู้ปฏิบัติจะพึงพิจารณาเอาเอง เพราะศาสนาเป็นเพียงคำสอน หน้าที่ปฏิบัติตาม เป็นหน้าที่ของผู้นับถือศาสนาต้องนำคำสอนไปปฏิบัติเอาเอง และเป็นผู้ได้รับผลเอง ถ้าปฏิบัติแล้วดีจริงก็จะได้รับผลเป็นสุข แต่ถ้าปฏิบัติแล้วไม่ดีจริงก็จะให้ผลเป็นทุกข์อันผู้ปฏิบัติจะรู้ได้ด้วยตนเอง
.
แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรต้องตระหนักรู้เอาไว้ว่า ไม่สามารถเอาคำสอนของศาสนาใดไปเปลี่ยนแปลง “ความดี“ “ความชั่ว” อันเป็นกฏธรรมชาติที่มีอยู่เป็นอยู่ในหลักธรรมชาติได้ เช่น จะทำให้ดีกลายเป็นชั่ว หรือจะทำให้ชั่วกลายเป็นดี ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้
.
ดังนั้น ถ้าคำสอนของศาสนาไหนสอนถูกต้องตามความเป็นจริง หากสอนว่า “ดี” ก็คือ “ดีจริง” หากสอนว่า “ชั่ว” ก็คือ “ชั่วจริง” ผู้ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนานั้น ๆ ย่อมเห็นผลได้อย่างประจักษ์ใจ จากการปฏิบัติของตัวเอง สิ้นสงสัยในธรรมทั้งปวงว่า เป็นธรรมที่สามารถทำใจให้พ้นจากทุกข์ได้จริง
.
๒. โลกุตรธรรม คือธรรมขั้นวิมุตติหลุดพ้น เป็นคำสอนที่มีเฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น ไม่เป็นการสาธารณะแก่บุคคลทั่วไป พูดง่าย ๆ ว่า หากนับถือศาสดาอื่นที่มิใช่พระพุทธเจ้า ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงธรรมขั้นนี้ ผู้ที่จะเข้าถึงโลกุตรธรรมได้ มีเพียงบุคคล ๓ จำพวกเท่านั้น คือ
.
๑. พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
๒. พระปัจเจกพุทธเจ้า
๓. พระอรหันตสาวก
.
ถ้าเปรียบธรรมเป็นสินค้า ก็เป็นสินค้าชั้นดี มีคุณภาพสุดยอด ราคาแพง วางขายอยู่แต่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ผู้ที่ต้องการสินค้านั้น ต้องศึกษาให้รู้จักคุณภาพของสินค้าแล้วเสาะแสวงหาเอาเอง ธรรมไม่ใช่สินค้าประเภทวางแบกับดินอยู่ตามริมถนนหนทาง ที่ผู้ขายต้องคอยร้องเรียกกวักมือให้คนเข้ามาซื้อหา ธรรมไม่ใช่สินค้าอย่างนั้น
.
ดังนั้น ใครจะถือเอาประโยชน์จากธรรมในหลักธรรมชาติได้มากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับสติปัญญาของแต่ละบุคคลว่า จะสามารถเข้าถึงธรรมได้ในระดับใด เพราะพระพุทธเจ้าก็เป็นเพียงแค่ผู้บอกทาง ส่วนการที่จะเดินทางไปอย่างไรให้ถูกทางและถึงจุดหมายได้ เป็นหน้าที่ที่ท่านทั้งหลายต้องทำเอง
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๔

๒๗ มีนาคม ๒๕๖๔



สายธารธรรม โดย...เจ้าอาวาส

* ข้อวัตรปฏิปทาในพ่อแม่ครูอาจารย์
* บริขารพระป่าในปฏิปทาพ่อแม่ครูอาจารย์
* สุดรัก...สุดอาลัย... พ่อแม่ครูอาจารย์
* ประกาศวัดป่าบ้านตาด เรื่อง หนังสือภูริทัตตะ อัครเถราจารย์
* พระประวัติย่อ สมเด็จพระญาณสังวร ฯ
* ชมวีดีโอชิวิตที่วัดป่าบ้านตาด
* 100 ปี ชาตกาลองค์หลวงตา
* ชมวีดีโองานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
* ประวัติหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน (ย่อ)
* ทำเนียบพระสังฆาธิการจังหวัดเชียงใหม่
* คำพระอุปัชฌาย์สอนนาค
* สวดปาติโมกข์เมื่อ 30 พ.ค. 2546 ณ.วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
* สวดปาติโมกข์เมื่อ 1 มิ.ย. 2554 ณ.วัดพทธธัมมธโร สหรัฐอเมริกา
* เทศน์อบรมนักศึกษา ที่หอพระ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต 29 มิถุนายน 2555
* เทศน์อบรมนักศึกษา ที่ชมรมพุทธธรรมกรรมฐาน มช. 9 ส.ค. 2556
* เทศน์ที่เวที คปท. ๑๖ ก.พ. ๒๕๕๗
* เทศน์ที่วัชรธรรมสถาน ๒๕ เม.ย.๒๕๕๗
* เทศน์งานหลวงปู่เขียน ฐิตสีโล 5 ก.พ.2561
* เทศน์งานหลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต 8 มี.ค.2561
* เทศน์งานหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป 12 มี.ค.2561
* เทศน์งานหลวงปู่ท่อน ญาณธโร 11 ส.ค.2561
* เทศน์งานหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป 11 ก.พ.2562
* เทศน์งานวัดอโศการาม 17 มี.ค. 2562
* เทศน์งานหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป 15 พ.ย. 2562
* เทศน์งานวัดเจริญสมณกิจ 16 ธ.ค. 2562
* เทศน์งานวัดป่าภูผาสูง 8 ม.ค. 2563
* เทศน์งานบำเพ็ญกุศลศพ พระปลัดอนุพุทธ 12 ม.ค. 2563
* เทศน์งานประชุมเพลิง พระปลัดอนุพุทธ 13 ม.ค. 2563
* เทศน์งานวัดเจดีย์หลวง 20 ม.ค. 2563
* เทศน์งานวัดป่าสุขใจ ชะอม 23 ส.ค. 2563
* เทศน์งานผูกพัทธสีมา วัดป่ากิ่วดู่ 27 ก.พ. 2564
* เทศน์อบรมที่ วัดสำปะซิว 26 ธ.ค. 2564
* เทศน์งานหลวงปู่ไม อินทสิริ วัดป่าเขาภูหลวง 27 ม.ค. 2566
* เทศน์ที่วัดป่าบ้านตาด 29 มกราคม 2566
* เทศน์อบรมมูลนิธิบ้านอารีย์ วันที่ 5 ก.พ. 2566
* เทศน์สวนแสงธรรม 26 ก.พ.2566
* เทศน์คอร์สอบรมปฏิบัติภาวนา ณ.วัชรธรรมสถานวันที่ 24-26 มี.ค. 2566
* เทศน์คอร์สอบรมปฏิบัติภาวนา ณ.วัชรธรรมสถานวันที่ 26-28 พ.ค 2566
* เทศน์อบรมมูลนิธิบ้านอารีย์ สายธรรมวันสว่าง วันที่ 18 มิ.ย. 2566
* เทศน์สวนแสงธรรม 29 มิ.ย. 2566
* พระธรรมเทศนา ณ.วัดเกาะทอง ในพิธีอุปสมบทประจำปี ๒๕๖๖ ณ.วันที่ ๒ ก.ค. ๖๖
* เทศน์วัดป่าศรัทธาถวาย เนื่องในงานแสดงมุฑิตาสักการะฯ วันที่ 6 สิงหาคม 2566
* เทศน์วัดเกาะทอง วันที่ 8 กันยายน 2566
* เทศน์วัดอโศการาม ณ.ศาลาหลวงพ่อทรงธรรม วันที่ 26 พฤศจิกายน 2566
* เทศน์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ตำหนักบางขุนพรหม 24 ตุลาคม 2566
* เทศน์แสดงธรรม ณ.ชมรมพระพทธศานาเอไอเอสำนักงานใหญ่ชั้น 8 วันที่ 6 ธันวาคม 2566
* เทศน์แสดงธรรมเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2566 ณ.วัดเกาะทอง
* แสดงธรรมในงานครบรอบ 21 ปีวันละสังขาร หลวงปู่เขียน ฐิตสีโล 5 ก.พ.67
* เทศนาธรรมที่มูลนิธิบ้านอารีย์วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567
* เทศนาธรรมที่ชมรมพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต 24 มีนาคม 2567
* พระธรรมเทศนาคอร์สอบรมปฏิบัติธรรม ณ.วัชรธรรมสถาน 29-31 มีนาคม 2567
* พระธรรมเทศนาอบรมจิตภาวนาวัดเกาะทอง วันที่ 5 เมษายน 2567
* เทศน์วัดอโศการาม ณ.ศาลาหลวงพ่อทรงธรรม วันที่ 14 เมษายน 2567
* เทศน์ภาคปฏิบัติ ณ.วัดอโศการาม วันที่ 25 เมษายน 2567 เนื่องในวาระครบรอบปีที่ 63 ท่านพ่อลี ละสังขาร
* เทศนาธรรมคอร์สปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ในหลวง ร.10 ภาวนาสัญจร 4-6 พ.ค. 2567 ณ บ้านนางฟ้า เขาใหญ่
* เทศนาธรรมที่ธนาคารแห่งประเทศไทย 20 มิ.ย.67
* เทศน์อบรมปฏิบัติภาวนาที่พิพิธภัณฑ์จรรโลงพระพุทธศาสนา 5 ก.ค.2567
* พระธรรมเทศนาคอร์สอบรมปฏิบัติธรรม ณ.วัชรธรรมสถาน 12-14 กรกฎาคม 2567
* พระธรรมเทศนาเฉลิมพระเกียรติในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ
* แสดงธรรมภาคปฏิบัติ ณ.วัดเกาะทอง ถวายเป็นพระราชกุศลฯ ในหลวงรัชกาลที่ 10 เมื่อ 28 ก.ค.67
* เทศน์แสดงธรรมภาคปฏิบัติ ณ.วัดอโศการาม วันที่ 10 พฤศจิกายน 2567
อาสาฬหบูชารำลึก ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗
มาฆบูชารำลึก ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
วิสาขบูชารำลึก ๓ มิถุนายน ๒๕๖๖
แม่นี้มีคุณอันใหญ่หลวง
วันเข้าพรรษา
ชมภาพบรรยากาศพิธีอุปสมบท ณ.พัทธสีมา วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน
ตำแหน่งที่ควรค่าต้องได้มาเพราะคู่ควร
สุขใดเสมอสงบไม่มี
สื่อโซเชียลคุณอนันต์โทษมหันต์
ชีวิตติดPresentTense
ความสวยความงาม
บุพเพอาละวาด
ศีลคือรากแก้วของศาสนา
ได้ยินสักแต่ว่า ได้ยิน
พึงชนะคนไม่ดีด้วยความดี
จะหงุดหงิดใจกับคนโกงเพื่อ?
ทำใจให้มันเป็นสุข-EP2
ทำใจให้มันเป็นสุข-EP1
ธรรม!!!เตือนสติสังคมไทย
การใช้ชีวิตแบบพอเพียง เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
ดูท่าแล้วเก็บทรงไม่อยู่
มาเจริญศาสนาในใจกันดีกว่า
เรื่องของหัวหน้ากับลูกน้อง
โลกที่แท้จริงมีอยู่ในใจ
อย่าประมาทในชีวิตอันน้อยนิด
ทางสองแพร่ง
ทุกข์อันเกิดจากมิจฉาอาชีวะ
นักรบศิษย์พระตถาคต
สิกขาบทที่ ๒ ว่าด้วยเรื่องการลักทรัพย์
อเสวนา จ พาลานํ
พัฒนาสิ่งใหญ่ๆเริ่มได้จากพัฒนาตัวเอง
หากจะเปรียบธรรมะคือสินค้าพรีเมียมเกรดระดับโลก
ทำอย่างไรให้งามชาตินี้ ยันชาติหน้า ต่อไปชาติโน้น
เป็นห่วงชาติ
ถ้าโลกนี้มีแต่คนดี
คู่มือส่องพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
กฎธรรมชาติ
ไม่มีใครอยู่เหนือกรรม