ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ.๒๕๖๑
.
กาลเวลาย่อมกลืนกินทุกสรรพสิ่ง ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวมันเอง ปีเก่ากำลังจะถูกกลืนกินไป พร้อม ๆ กับ การก้าวเข้ามาของปีใหม่
.
ผู้รู้ทั้งหลาย ย่อมรู้โลกตามความเป็นจริง หาได้หลงไปตามสมมติคือ ชื่อเสียงเรียงนามที่เปลี่ยนไปไม่ วันคืนมืดแจ้ง มันเคยเป็นอยู่อย่างไร ก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น มันยังคงทำหน้าที่ยืนตัวรับสมมติอยู่ดังเดิม ยังคงเกิดแล้วดับอยู่ดังเดิม ไม่มีอะไรต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นปีเก่า หรือปีใหม่ ที่ต่างกัน คือความรู้สึกของคนที่ไม่รู้ความจริงต่างหาก
.
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลให้ท่านทั้งหลาย จงมีสติรำลึกชอบ เป็นสัมมาปฏิบัติตั้งมั่นอยู่ในความดี แล้วความดีจะส่งผลดลบันดาลให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข ความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถึงพร้อมด้วยจตุรพิธพรชัย มีอายุ วัณณะ สุขะ พละ ที่เลิศที่เจริญ หากปรารถนาสิ่งใดอันควร อันชอบด้วยธรรม ก็จงสัมฤทธิผลสมดังความมุ่งมาดปรารถนานั้น ๆ จงทุกประการ ทุก ๆ ท่าน เทอญ.
.
พรอันล้ำเลิศประเสริฐสุด ก็คือพรที่เราให้กับตัวเอง ด้วยการคิดดี ทำดี พูดดี สิ่งใดที่เคยทำไว้ไม่ดี ก็จงเลิกละเว้นไปเสีย ให้ตั้งตนมั่นคงอยู่ใน ศีล สมาธิ ปัญญา ฝึกหัดชำระจิตให้ผ่องใสบริสุทธิ์ ให้รู้แจ้งธรรมทั้งปวง
.
นี่แหละ คือ พรอันประเสริฐ ที่ทุกคนควรมอบเป็นของขวัญวันปีใหม่ให้กับตัวเอง ทำตัวเองให้กลายเป็นคนใหม่ในปีใหม่ที่ต้องดีกว่าตัวเองที่เป็นคนเก่าในปีเก่า
.
ถ้าเราไม่ให้พรตัวเองด้วยการคิดดี ทำดี พูดดี เสียแล้ว ก็ยากที่ใคร ๆ จะมาให้พรเราได้ และยากที่เราจะได้รับผลตอบแทนที่ดีงาม
.
เพราะทุกส่ิงทุกอย่างในโลกนี้ ย่อมปรากฏผลตามสมควรแก่เหตุ ไม่ปรากฏผลขึ้นโดยปราศจากเหตุ ทำเหตุดีก็ย่อมได้รับผลดี ทำเหตุไม่ดีก็ย่อมได้รับผลไม่ดี นี้ เป็นสัจธรรมที่มีอยู่คู่โลกมาตลอดกาลนาน
.
คนอื่นให้พร ก็เป็นเพียงเสียงลมกระทบหูแล้วก็ดับไปเท่านั้น อาจฟังแล้วดูดี ไพเราะเสนาะโสต ทั้งปลอบประโลมใจให้ชื่นบาน แต่เราต้องให้พรตัวเองด้วยการคิดดี ทำดี พูดดี ด้วย พรมันถึงจะสัมฤทธิผลได้ อย่าได้หลงเสียงลมกระทบหูว่า จะมาทำให้เราได้ดิบได้ดี ไม่มีทางเป็นอย่างนั้น
.
ถ้าเราไม่ทำดี ก็ไม่มีทางที่จะได้ดี
จงท่องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ
.
ตอนนี้ก็มีกระแสสวดมนต์ข้ามปี ก็จะให้ข้อคิดไว้สักนิด การสวดมนต์ก็ดีอยู่แล้วสามารถสวดได้ตลอดเวลาเท่าที่ต้องการ และเป็นมงคลตลอดเวลาอยู่แล้ว เป็นกิจที่ต้องทำติดต่อสืบเนื่องกันอย่างสม่ำเสมอ มันจึงจะมีอานิสงส์ ทำใจให้เกิดความสงบเป็นบาทฐานของสมาธิได้ อย่างนี้จึงเป็นมงคล
.
ไม่ใช่จะมาสวดมนต์ให้เป็นมงคลเอาตอนเฉพาะจะข้ามปีนี้เท่านั้น ความเป็นมงคลไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการสวดมนต์ข้ามปี อันนี้ทำเป็นพิธีกรรมเฉย ๆ ถ้าไม่เข้าใจให้ถ่องแท้ ก็อาจจะหลงผิดไปถือฤกษ์ถือยามเข้าให้อีก
.
ถ้าสวดมนต์แล้ว ไม่พยายามคิดดี ทำดี พูดดี ไม่ฝึกตนให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรม มันก็เอาดีไม่ได้หรอก
.
ความสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่การสวดมนต์ จะข้ามปีหรือไม่ข้ามปีก็ตาม มันอยู่ที่ใจมีศีลมีธรรมหรือไม่ต่างหาก แต่ใครอยากจะสวดมนต์ข้ามปีก็ทำไปเถอะ ก็ดีอยู่ ดีกว่าไม่ได้สวด แต่จงระวังอย่าให้ใจสำคัญผิดไปจากหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้นก็พอ
.
ถ้ามีศีลมีธรรมอยู่ในใจแล้ว จะสวดมนต์เวลาไหนก็เป็นมงคลทั้งหมด ไม่ต้องรอข้ามปีก็สวดได้ แต่ถ้าไม่มีศีลไม่มีธรรมเสียแล้ว จะสวดมนต์ข้ามปี ก็สักแต่ว่าทำไปอย่างนั้นเอง ต่อให้สวดจนปากฉีก ก็หาดีไม่ได้ เพราะถ้ายังทำผิดศีลผิดธรรมอยู่ ตายแล้วก็หนีไม่พ้นไปอบายอยู่เหมือนเดิม