
อุบายแก้ทุกข์ สุก ๆ ดิบ ๆ ต้องอ่าน อุบายแก้ทุกข์!!
คนที่มีแต่สุขไม่ต้องอ่าน!!
.
บนเส้นทางที่เราก้าวไป มันก็ไม่เป็นเส้นตรงที่พุ่งดิ่งไปสู่จุดหมายที่เราต้องการอย่างง่ายดายโดยปราศจากอุปสรรคขวากหนามเสมอไป บางทีก็มีทางสองแพร่ง สามแพร่ง สี่แพร่งให้เราเลือกตัดสินใจว่า จะไปในทิศทางใดได้บ้าง ถ้าไปเจอถนนขาด ดินถล่ม ต้นไม้หักขวางทาง สะพานชำรุด มันไปข้างหน้าไม่ได้ ก็ถอยหลังกลับทางเดิมแล้ววนหาทางใหม่ ไม่ใช่ไปนอนร้องโอดครวญอยู่ตรงนั้น จนไม่เป็นอันทำอะไร
.
ถนนหนทางไม่ได้บังคับให้เราต้องไปตามมัน หากแต่เราพอใจเลือกที่จะไปทางนั้นเอง ถ้าเราเลือกเส้นทางผิดที่ไม่อาจไปสู่จุดหมายที่ต้องการได้ ก็เป็นเราผิดเอง มิใช่ถนนเป็นผู้ผิด
.
ทุกครั้งที่หลงทางก็ไม่มีใครรู้ว่า จะหลงทาง ล้วนเข้าใจว่า ก็ไปถูกทางนั่นแหละ แต่เมื่อไปไม่ถึงจุดหมายที่ต้องการสักที ก็จึงค่อยมารู้ทีหลังว่า ไปผิดทาง
.
ที่จริงก็ไม่ได้ไปผิดทาง เพราะทางมันก็เป็นของมันอย่างนั้นมานานแล้ว มันไม่ได้ว่า มันผิด หรือถูกอะไร แต่เพราะเราจำทางผิดเอง ธรรมท่านจึงสอนว่า สัญญา อนิจจา คือ ความจำมันก็ไม่เที่ยง จำผิดไปบ้าง หลงลืมไปบ้าง ดังนี้ เป็นต้น
.
แต่ทุกครั้งที่ผิด หากเรามีสติปัญญาดี เราจะรู้ว่า นั่นคือการได้ประสบการณ์ใหม่ ได้ความรู้ใหม่ ได้พบเห็นอะไรใหม่ ๆ ที่ต่างไปจากในความทรงจำเดิม ๆ ที่ฝังอยู่ในหัวเรามานาน ถ้าเราไม่กักขังตัวเองให้วนเวียนอยู่กับประสบการณ์เดิม ๆ โลกนี้ยังมีสิ่งดี ๆ ที่เราต้องเรียนรู้อีกมากมาย
.
สำหรับคนที่ผิดหวัง ถ้าไม่อยากจมอยู่ในปลักแห่งความผิดหวัง ก็ต้องทำบันไดปีนออกไป ฟอร์แมตสมองใหม่ลบล้างความทรงจำที่เป็นอดีตเน่า ๆ ออกไปเสียให้หมด อย่าให้เหลือซาก เก็บไว้แต่ความทรงจำที่ดีที่มีประโยชน์เท่านั้นก็พอ
.
บางคนก็เถียงว่า ความทรงจำที่ปวดร้าวมันยิ่งฝังแน่นและยากที่จะลบเลือนได้ง่าย ๆ ก็ยอมรับว่าจริง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ใคร ๆ จะต้องกักขังตัวเองให้จมอยู่กับความขมขื่นไปตลอดเวลา ไม่ควรปล่อยให้อดีตที่ไม่ดีมาทำร้ายจิตใจเราซำ้แล้วซ้ำเล่า จนไม่เป็นอันกินอันนอน
.
ถ้ามันลืมไม่ได้ ก็ต้องเอาความจำที่ดี ๆ เข้าไปเก็บไว้แทน ไปในสถานที่แปลกใหม่บ้าง ไปในที่ที่จะทำให้เราเกิดความคิดใหม่ ๆ พบปะสังสรรค์กับบุคคลใหม่ที่เป็นคนดี เป็นนักปราชญ์แท้ที่เราพอจะเข้าถึงได้ จำไว้ว่า ต้องเป็นคนดีเท่านั้น
.
เพราะคนดีจึงจะให้สิ่งดี ๆ แก่เราได้ อย่าไปคบหาคนชั่วคนเลวเป็นอันขาด ถ้าคบอยู่ก็ต้องรีบหนีออกไปให้ไกล ๆ เพราะคนชั่วคนเลวไม่เคยนำความเจริญรุ่งเรืองไปให้ใคร ๆ ได้เลย มีแต่นำความเดือดร้อนฉิบหายไปให้นั้นแน่นอนนัก
.
ชื่อว่า คนชั่วย่อมพอใจทำชั่วเสียมาก จะทำดีบ้างก็เล็กน้อย ไม่พอยาไส้ เพราะคนที่ทำชั่วแล้วจะได้รับผลดี ย่อมไม่มีในโลก
.
คนที่ผิดหวัง ถ้าไม่รู้จักปีนป่ายออกจากความผิดหวัง ก็ต้องจมอยู่ในทุกข์ตลอดไป ใจคนเรา ถ้าคิดไม่ดีก็มีแต่ทุกข์ ถ้าคิดดีก็พอจะมีสุขบ้าง เพราะความคิดนี่แล จึงเป็นบ่อเกิดแห่งสุขทุกข์ทั้งปวง ลองคิด พุทโธ ๆๆๆ ให้ใจสงบดูสิ! ความสุขไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เดี๋ยวก็มาปรากฏขึ้นที่ใจเอง
.
เรื่องไหนที่คิดแล้วทำให้ใจเป็นทุกข์ ให้หยุดคิด ให้คิดพุทโธ ๆๆๆ แทน หรือจะกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกไปเรื่อย ๆ ก็ได้ ลมเข้าก็รู้ ลมออกก็รู้ ทำใจให้รู้ลมอย่างเดียว ถ้าทำให้ชำนาญแล้วใจจะหยุดคิดเรื่องที่ทำให้ใจเป็นทุกข์ได้เอง
.
จากนั้นให้มองหาสิ่งดี ๆ ให้ตัวเองทำ ไปวัดพระแก้ว กราบพระแก้วมรกต แล้วนั่งสมาธิบูชาพระแก้วมรกตให้นานเท่าที่จะทำได้ ไปกราบพระพุทธชินราช แล้วนั่งสมาธิปฏิบัติบูชาพระพุทธชินราช เช่นเดียวกัน ถ้าไม่มีที่ให้ไป ก็นั่งทำสมาธิไหว้พระสวดมนต์อยู่ที่บ้านก็ได้
.
หรือจะไปกราบไหว้สนทนาธรรมกับพระสงฆ์ที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่เราจะเข้าถึงท่านได้ ก็เป็นการดีการชอบแท้ ไปฝึกปฏิบัติธรรมที่วัดไหนก็ได้ที่ท่านสอนธรรมไม่ผิด ที่สอนแหวกแนวก็อย่าไป เดี๋ยวจะกลายเป็นการเพิ่มทุกข์โดยไม่รู้ตัว
.
จำไว้! อย่าจมอยู่กับทุกข์อย่างคนสิ้นท่า มันเจ็บแล้วก็ต้องจำ อย่าปล่อยให้เจ็บซำ้ซาก หาทางทำให้มันจบไปเสีย อย่าปล่อยให้เจ็บอย่างไม่รู้จบ มันจะเสียเวลาเสียอนาคตไปเปล่า ๆ หาสิ่งดี ๆ ให้ตัวเองทำ
.
ชีวิตเราเป็นของมีค่า อย่าปล่อยให้จมอยู่กับสิ่งที่ไร้ค่า มันไม่คุ้มกัน ไปรับรู้สิ่งใหม่ ๆ คิดอะไรใหม่ ทำอะไรใหม่ ๆ ไปในที่ที่ไม่เคยไป ได้เห็นอะไรใหม่ ๆ ดี ๆ บางทีก็อาจจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความคิดดี ๆ ขึ้นมาได้
.
ที่แย่มาก ๆ ก็คือ การที่คนเรากักขังตัวเองไว้ในโลกแคบ ๆ ที่มืดมน เหมือนกบอยู่ในกะลาที่เดินไปทางไหนก็ถูกแต่กะลา เลยคิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้า คนเราไม่ใช่กบในกะลา อยากไปไหนก็ไปได้ทุกที่ ทำตัวให้เล็ก ๆ เข้าไว้ จะอยู่ที่ไหนก็นอนสบาย หลับสบาย
.
ที่กล่าวมานี้ คือความพยายามที่จะปีนป่ายออกจากปลักแห่งทุกข์ พยายามทำสิ่งดี ๆ เพื่อเก็บเป็นความทรงจำดี ๆ เข้าไปแทนที่ความทรงจำเน่า ๆ ที่หมักหมมอยู่ในใจเรา และอย่าไปเอามันมาอุ่นกินใหม่อีก มันเน่ามันเหม็นแล้ว มีแต่ต้องเอาโยนทิ้งไปเท่านั้น
.
อาหารที่เราทิ้งไว้วันสองวัน มันยังส่งกลิ่นไม่ค่อยดี แล้วอารมณ์ไม่ดีที่เราเก็บไว้ในความทรงจำเป็นแรมเดือนแรมปี มันจะไม่บูดไม่เน่ายิ่งไปกว่าพวกอาหารหรอกรึ? ทำไมจึงไปเก็บเอาอารมณ์บูดเน่ามาครุ่นคิดอยู่ได้ ไม่เบื่อไม่หน่าย
.
มันจึงเป็นเหตุทำให้ใจเราต้องจมอยู่ในปลักแห่งทุกข์อยู่ตลอดเวลา ก็เพราะเราทำเหตุให้ทุกข์เอง ไม่ใช่มีใครอื่นมาทำร้ายเรา แต่เป็นเพราะใจเราทำร้ายใจเราเอง
.
ถึงแม้มีคนอื่นมาทำไม่ดีกับเรา ถ้าใจเราไม่คิดไปในทางผิด ใจเราก็ไม่เป็นทุกข์ เขามาทำไม่ดีกับเรา ก็แก้ไขคลี่คลายไปตามเหตุอันควรอย่างเหมาะสม โดยไม่ต้องทำให้ใจเป็นทุกข์ก็ได้
.
ถ้าใจไปนึกคิดถึงเรื่องไม่ดีอันเป็นเหตุทำให้ใจเราเป็นทุกข์ ให้มีสติบังคับใจตัดทิ้งเรื่องนั้นไปทันที อย่าไปเก็บเอามาคิดอีก เรียกว่า ไม่เอามาอุ่นกินใหม่ ให้คิดแต่เรื่องปัจจุบันที่เป็นเรื่องดี ๆ ที่เรากำลังทำอยู่ ฝึกทำอย่างนี้บ่อย ๆ แล้วเรื่องที่ทำให้ใจเราเป็นทุกข์มันจะค่อย ๆ ลืมเลือนจืดจางหายไปเอง
.
ดอยแสงธรรม_๒๕๖๕_๐๘
|
สายธารธรรม โดย...เจ้าอาวาส