
แก่นสารในพุทธศาสนา ๑.ลาภสักการะชื่อเสียง เปรียบเหมือนกิ่งไม้ใบไม้
๒.ความสมบูรณ์ด้วยศีล เปรียบเหมือนสะเก็ดไม้
๓.ความสมบูรณ์ด้วยสมาธิ เปรียบเหมือนเปลือกไม้
๔.ญาณทัสสนะ หรือ ปัญญา เปรียบเหมือนกะพี้ไม้
๕.ความหลุดพ้นแห่งใจอันไม่กลับกำเริบ “อกุปปา เจโตวิมุตติ” เปรียบเหมือนแก่นไม้
.
ต้องเข้าใจว่า ถ้าเปรียบพระพุทธศาสนาเป็นต้นไม้ใหญ่ ทุกส่วนย่อมมีความสำคัญเสมอกัน เกื้อกูลอุดหนุนซึ่งกันและกัน ทำให้ต้นไม้มีชีวิตยืนยาวอยู่ได้นาน ถ้าต้นไม้ปราศจากกิ่งก้านและใบ ต้นไม้ก็เจริญเติบโตไม่ได้ ถ้าต้นไม้ไม่มีสะเก็ดและเปลือก กะพี้กับแก่นก็เกิดไม่ได้ ต้นไม้ที่ถูกควั่นเปลือกรอบต้น ก็ตายยืนต้นเท่านั้นเอง
.
หากเราจะให้ความสำคัญเฉพาะแต่แก่นไม้ กะพี้ไม้ โดยไม่ใส่ใจบำรุงรักษา สะเก็ดไม้ เปลือกไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ แล้วต้นไม้จะยืนหยัดอยู่ได้อย่างไร
.
บางคนต้องการกิ่งไม้ ใบไม้ ไปมุงหลังคา ทำปุ๋ย ทำฟืน หรืออยากได้สะเก็ดไม้ เปลือกไม้ ไปบดทำยาก็เอาไป ใครจะเอากะพี้ไม้ไปทำฝาเรือน ทำขื่อ ทำแป หรือจะเอาแก่นไม้ไปทำเสาเรือนก็เอาไป ทุกส่วนย่อมมีประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการใช้ตามควรแก่คุณค่าของมัน
.
ผู้ฉลาดจึงต้องรู้จักเลือกใช้ให้เป็น ใช้ให้ถูกกับคุณลักษณะของสิ่งของแต่ละอย่าง ก็จะได้รับประโยชน์ตามสมควรจากของนั้น ๆ
.
ถ้าพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็ต้องบอกว่า ธรรมท่านสอนให้รู้ว่า ความดีในพระพุทธศาสนา นั้น มี ๕ อย่าง คือ ๑.ทาน ๒.ศีล ๓.สมาธิ ๔.ปัญญา ๕.วิมุติหลุดพ้น
.
ใครมีโอกาสทำดีแบบไหนได้ก็ทำไป ไม่จำเป็นต้องทำเรียงกันไปทีละอย่าง ควรให้ทานได้ก็ให้ทาน ควรรักษาศีลได้ก็รักษาศีล ควรอบรมสมาธิได้ก็อบรมมาธิ ควรเจริญปัญญาได้ก็เจริญปัญญา เมื่อทำทุกอย่างพร้อมบริบูรณ์แล้ว วิมุตติหลุดพ้นก็จะปรากฏให้เห็นได้เอง
.
ความดีแต่ละอย่างย่อมเกื้อกูลอุดหนุนซึ่งกันและกัน สามารถอำนวยประโยชน์ให้แก่ผู้บำเพ็ญได้ตามกำลังแห่งความเพียร จะเลือกเอาแต่อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้
.
การให้ทานย่อมชักนำดวงจิตให้เข้าหาศีล ศีลเมื่อรักษาดีแล้วก็จะทำให้สมาธิตั้งมั่นได้ สมาธิเมื่ออบรมดีแล้วก็จะหนุนให้เกิดปัญญา ปัญญาเมื่อเจริญดีแล้วก็ซักฟอกจิตให้บริสุทธิ์ได้
.
การจะบำเพ็ญความดีทั้ง ๕ อย่าง นี้ให้เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ได้นั้น ก็ยากเย็นแสนเข็ญ มิใช่ใคร ๆ ก็จะทำได้ง่าย ๆ ท่านเรียกว่า การสร้างบารมี ๑๐ ทัศ เมื่อทำถึงที่สุดพร้อมบริบูรณ์แล้ว ก็จะไหลรวมไปสู่ความดีในระดับสูงสุด คือ วิมุตติพระนิพพาน อันเป็นแดนแห่งความเกษมสำราญ ของพระขีณาสวะเจ้าทั้งหลาย
.
ที่มีคำพูดว่า ประเทศไทยเป็นแดนพระพุทธศาสนา ที่มีศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรืองที่สุดในโลก มีใครรู้ไหมว่า เป็นเพราะอะไร? มีอะไรเป็นหลักฐาน หรือต่างคนต่างนึกคิดมโนเอาเอง
.
มาลองคิดกันดูว่า คนไทยทั้งประเทศมีประมาณ ๗๐ ล้านคน ที่นับถือศาสนาพุทธมีประมาณ ๙๕% ที่เหลือเป็นศาสนาอื่น ๆ แล้วในจำนวนคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ๙๕% นั้น มีผู้ตั้งใจปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาพุทธอย่างจริงจัง ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะมีอยู่สักกี่เปอร์เซ็นต์
.
เบื้องต้นเกิดมาก็นับถือศาสนาพุทธไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย บรรพบุรุษพานับถือสืบต่อกันมา แม้ศาสนาอื่น ๆ ก็เป็นอย่างนี้ คือทุกคนนับถือศาสนาตามพ่อแม่ไปก่อน
.
พอเติบใหญ่รู้ความ จึงได้ศึกษาเรียนรู้พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามากขึ้น เมื่อพิจารณาไปตามจึงเกิดสติปัญญาสัมมาทิฏฐิ เกิดศรัทธาความเชื่อ ปสาทะความเลื่อมใส รู้ดี รู้ชั่ว รู้บุญ รู้บาป รู้คุณ รู้โทษ เห็นจริงตามคำสอน
.
ถ้าเป็นผู้มีนิสัยวาสนาในทางดีสั่งสมมาแล้วมาก ก็จะเกิดหิริมีความละอายต่อบาป เกิดโอตตัปปะมีความสะดุ้งกลัวต่อบาป จากนั้นจึงมีแก่ใจที่จะน้อมนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติอย่างจริงจังมากขึ้น รู้จักทำบุญตักบาตร ไหว้พระ สวดมนต์ รู้จักให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ อบรมปัญญา ให้แก่กล้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป ตามควรแก่บุญวาสนาบารมีที่บำเพ็ญเพียรอบรมสั่งสมมา
.
แต่ส่วนใหญ่ชาวพุทธเรา มักนิยมทำความดีขั้นพื้นฐาน คือการให้ทาน ที่ท่านเปรียบเหมือนกิ่งไม้ใบไม้ เรียกว่า ผู้ทำทานเก่งที่สุดในโลกคงหนีไม่พ้นชาวพุทธ ก็เพราะคำสอนของพระพุทธศาสนาที่ซึมซับอยู่ในสายเลือดของคนไทยมานานแสนนาน ทำให้คนไทยมีจิตใจอ่อนโยน มีเมตตาเห็นอกเห็นใจกัน มีความกตัญญูกตเวที มีความเกรงใจกัน
.
แต่การให้ทาน บางทีก็ยังคงทำผิดอยู่บ้าง ธรรมท่านสอนให้ทำทาน ก็เพื่อให้เราตัดกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลงให้ลดน้อยถอยลง ตัดความเห็นแก่ตัว ไม่ให้คิดเอารัดเอาเปรียบใคร ไม่ให้คิดเบียดเบียนผู้อื่น ให้มีจิตเมตตาคิดช่วยเหลือผู้อื่นพอให้เขาได้มีความสุข ได้พ้นทุกข์บ้าง แม้เล็กน้อยก็ยังดี
.
แต่บางทีเราก็ทำทานแบบไม่ได้คิดที่จะตัดกิเลสความโลภ ความโกรธ ความหลง มิหนำซ้ำ ยังพากันส่งเสริมกิเลสความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นไปอีก
.
บางทีก็ทำทานด้วยความโลภอย่างไม่รู้ตัว ให้ทานแล้ว ก็อยากได้ชื่อเสียง อยากมีเกียรติ อยากให้คนนับถือ อยากร่ำอยากรวย อยากถูกหวย อยากมีโชคมีลาภ เป็นต้น
.
มันก็เป็นธรรมดาของปุถุชนคนมีกิเลส ก็ต้องมีโลภ มีโกรธ มีหลงบ้าง จะให้ตัดให้ขาดสะบั้นจากใจไปเลยทีเดียว ก็ทำไม่ได้ ถึงแม้จะให้ทานมีความโลภอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่ทำอะไรให้เลยขอบเขตของศีล จนทำให้ศีลขาด ก็ยังถือว่าพอเหมาะพอดี ยังไม่เกินเลย เว้นไว้แต่จะทะลุกำแพงศีลออกไป
.
การให้ทานแม้จะมีความโลภบ้าง ก็ยังดีกว่า ผู้ไม่รู้จักให้ทานเสียเลย เมื่อให้ทานบ่อย ๆ ได้เห็นผู้รับมีความสุขจากการที่เราให้ทาน ใจเกิดความปลาบปลื้มปิติยินดี ใจก็ค่อยบรรเทาความโลภไปเอง
.
ดังนั้น เพียงความดีในระดับทาน ก็ยังต้องฝึกฝนอบรมเพื่อทำให้ถูกต้องตามธรรม จึงจะมีผลมาก ยิ่งความดีในระดับศีลที่เปรียบเหมือนสะเก็ดไม้ ก็ยิ่งยากเข้าไปอีก
.
ชาวพุทธส่วนใหญ่ มักพอใจในการให้ทาน มีงานบุญที่ไหนโรงทานของกินของใช้มีแจกเต็มไปหมด หรือมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นที่ไหน ไฟไหม้ แผ่นดินไหว น้ำท่วม ธารน้ำใจของบริจาคก็หลั่งไหลไปรวมกันจนกองเท่าภูเขา
.
แต่ชาวพุทธส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเอาจริงเอาจังกับการรักษาศีลนัก สังเกตดูเวลามีงานทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ตอนกล่าวคำถวายทานเสียงดังกระหึ่มก้องศาลา ใครอยากได้ความสำเร็จอะไร ก็งัดออกมาอธิษฐานทำความปรารถนาเอาทั้งหมด อยากไปสวรรค์ อยากไปพรหมโลก อยากไปนิพพาน จะเอาเดี๋ยวนี้เลย แต่พอให้สมาทานศีล ๕ เท่านั้น เสียงดังหายไปจนฟังแทบไม่ได้ยิน
.
ยิ่งถ้าให้นั่งสมาธิภาวนาฟังเทศน์ฟังธรรมไปด้วย ก็ลุกหนีหายไปเกือบหมด เว้นไว้แต่ผู้ที่ฝึกหัดภาวนาเป็นประจำอยู่แล้ว ก็จะนั่งสมาธิอยู่ได้นาน
.
ที่ประเทศไทยมีชื่อเสียงในการทุจริตคดโกงจนติดอันดับต้น ๆ ของโลกก็เพราะคนไม่ค่อยจะมีศีลกันนี่แหละ .
ชาวพุทธที่ตั้งใจรักษาศีลได้จริง ๆ ก็มีอยู่ แต่เพียงจำนวนน้อยมาก เมื่อเทียบกับชาวพุทธทั้งหมด ประกอบกับการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ก็เป็นของทำได้ยากด้วย เพราะมันต้องฝืนกิเลสที่ไม่มีใครอยากจะฝืน
.
เบื้องต้นก็อาจตั้งท่ารักษาศีลได้บ้าง แต่พอเจอสิ่งยั่วยุเย้ายวนใจหนัก ๆ เข้า บางทีก็หักห้ามใจไม่ไหว ยอมทำศีลขาดแบบหกคะเมนล้มคว่ำหัวทิ่มดินไปเลย
.
แต่ที่บ้านเมืองเราเต็มไปด้วยการทุจริตคดโกง นั่นก็เป็นการกระทำของคนไม่ดีจำนวนน้อยที่มีอำนาจอยู่ในมือ มักใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์อย่างไม่เกรงกลัวต่อบาปกรรม
.
แต่ชาวพุทธเราส่วนใหญ่จะมีพื้นฐานของจิตใจที่ดีงาม มีอัธยาศัยดี มีไมตรี มีรอยยิ้ม มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ชอบช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
.
เรามีน้ำใจให้กันได้ อย่างยากที่จะหาที่ใดในโลกเสมอเหมือนได้ ประเทศไทยจึงเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีโอกาสมาเที่ยวประเทศไทย ได้เห็นทรัพยกรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และสวยงาม อีกทั้งอาหารไทยก็มีรสชาติเอร็ดอร่อยอย่างไม่เป็นที่สองรองใคร ผลไม้ก็มีอย่างหลากหลายให้เลือกรับประทานได้ทุกฤดูกาล
.
แต่ที่ทั่วโลกยกย่องว่า ประเทศไทยเป็นแดนพระพุทธศาสนาที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในโลก ก็เพราะเรามีวัดวาอาวาสที่เต็มไปด้วยศิลปะแบบไทยที่งดงามวิจิตรตระการตาอยู่มากมาย
.
เรามีพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นเนื้อนาบุญของโลก เป็นผู้ทรงศีล ทรงสมาธิ ทรงปัญญาบริสุทธิ์บริบูรณ์ จนถึงขั้นทรงวิมุตติหลุดพ้น ก็มีอยู่พร้อมบริบูรณ์ในประเทศไทยนี่เอง
.
อันเป็นบทพิสูจน์หนึ่งเดียวในโลกที่ชี้ให้เห็นได้ว่า ข้อปฏิบัติในมัชฌิมาปฏิปทา คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้ ยังดำรงอยู่อย่างถูกต้องแม่นยำ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติหลุดพ้น ย่อมมีอยู่จริง สามารถปฏิบัติได้จริง และเห็นผลได้จริง ก็มีอยู่ในประเทศไทยนี้หนึ่งเดียวเท่านั้น
.
ถึงแม้จะมีเรื่องราวฉาวโฉ่ของพระสงฆ์บางรูปที่ประพฤติปฏิบัติตัวไม่เหมาะสม ปรากฏเป็นข่าวอยู่บ้าง ก็ถือเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ไม่อาจไปลบเลือนความปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของพระสงฆ์ไทยอีกเป็นจำนวนมากมาย ที่ต่างองค์ต่างตั้งใจปฏิบัติอยู่ตามลำพัง ทั้งวัดป่าและวัดบ้าน ให้ต้องมัวหมองไปด้วย หาได้ไม่
.
พระรูปไหนทำไม่ดี ก็เป็นความเสื่อมเสียของพระรูปนั้น เดี๋ยวกรรมก็ส่งผลให้เกิดความวิบัติฉิบหายไปเอง
.
ศาสนาไม่ได้มีอะไรเสื่อมเสียไปด้วย คำสอนก็ยังดีอยู่เหมือนเดิม พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็ยังคงทรงไว้ซึ่งวัตรปฏิบัติที่ดีอยู่เหมือนเดิม พระที่ทำไม่ดีก็มีอันเป็นไปตามกรรมไม่ดีของเขา กรรมย่อมส่งผลแก่ผู้ทำอย่างไม่ลำเอียง
.
และถึงแม้ประเทศไทยจะมีเรื่องทุจริตคดโกงมากมาย แต่มันก็เป็นเรื่องปกติของคนมีกิเลสที่มีอยู่ในทุกประเทศทั่วโลก ไม่มีประเทศไหนที่ไม่มีการทุจริตคดโกง เพราะทุกชาติทุกศาสนาต่างก็มีกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลงตัวเดียวกัน
.
ทุกประเทศจึงมีทั้งคนดี และคนชั่ว ปัญหาเลวร้ายของสังคม มิใช่เกิดขึ้นเพราะคนดี แต่เกิดขึ้นเพราะคนชั่วต่างหาก
.
คนชั่วก็ต้องทำชั่วเป็นธรรมดา ใครจะไปห้ามให้คนชั่ว ไม่ทำชั่ว เป็นไม่มีทางห้ามได้ เว้นไว้แต่เขาจะสำนึกผิดละเว้นการทำชั่วด้วยตัวเขาเอง
.
ใครทำไม่ดี มันก็เป็นความผิดของคนที่ทำไม่ดีนั้น จะไปเหมารวมให้คนอื่นที่ไม่ได้ทำชั่ว ให้พลอยผิดไปด้วย หาได้ไม่
.
ศาสนาพุทธสอนให้ทุกคนละชั่ว ทำดี ไม่ได้ส่งเสริมให้ใครไปทำชั่วแม้แต่เพียงนิดเดียว และศาสนาพุทธก็มิได้บังคับให้ทุกคนต้องมาปฏิบัติตาม หรือใครจะเลิกนับถือศาสนาพุทธ หันไปนับถือศาสนาอื่น ศาสนาพุทธก็มิได้ตามไปตัดพ้อต่อว่า คงปล่อยให้เป็นไปตามความพอใจของแต่ละคน
.
นี่! คือ ความยอดเยี่ยมของพระพุทธศาสนาที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก
.
ศาสนาพุทธเป็นเพียงคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เป็นศาสดาองค์เอกของโลก ผู้ใดนับถือศาสนาพุทธ ก็เป็นหน้าที่ของผู้นั้นที่จะต้องนำคำสอนไปประพฤติปฏิบัติเอง และต้องปฏิบัติให้ถูกจึงจะเห็นผลได้จริง
.
ศาสนาพุทธไม่มีหน้าที่ไปเชื้อเชิญให้ใครมานับถือ หรือบังคับให้ใครมาปฏิบัติตาม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใคร ๆ มานับถือศาสนาพุทธแล้ว จะไม่ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา มิหนำซ้ำ ยังคงพอใจทำชั่วช้าเลวทราม ก็เท่ากับผู้นั้นไม่อาจถือเอาประโยชน์อันใดจากคำสอนของพระพุทธศาสนาได้เลย
.
ดังนั้น เราจึงไม่จำเป็นต้องไปเดือดร้อนกับการทำชั่วของคนอื่น เพราะใครทำชั่วผู้นั้นก็ต้องได้รับผลชั่วเองอยู่แล้ว ขอให้เราตั้งใจทำดีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปให้สุดกำลังความสามารถเท่าที่จะทำได้ อย่าหลงไปทำชั่วเหมือนเขาก็พอ
.
และอย่ากลัวว่า ใครจะมาทำลายศาสนาพุทธให้เสื่อมสลายไปจากโลกนี้ได้ ถ้าชาวพุทธยังปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ในอริยมรรคมีองค์ ๘ โลกจะไม่พึงว่างจากพระอรหันต์
.
เว้นไว้แต่ชาวพุทธจะทำลายศาสนาพุทธเสียเอง ด้วยการที่ไม่มีใครปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาพุทธอีกเลย ศีล สมาธิ ปัญญา ย่อมเสื่อมสลายไปจากใจของชาวพุทธเอง เมื่อถึงเวลาอันควร
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๕
๑๓ กุมภาพันธ์ ๑๕๖๕
|
สายธารธรรม โดย...เจ้าอาวาส