
ไม่มีใครอยู่เหนือกรรม ไม่มีใครจะอยู่เหนือกรรม
ที่ธรรมท่านสอนว่า “กัมมุนา วัตตะตี โลโก” แปลว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” บางคนก็อาจไม่เข้าใจว่า เป็นไปตามกรรมเป็นอย่างไร?
.
เรื่องกรรมนี้ ต้องถือว่าเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาเลยทีเดียว ทุกคนเกิดมามีกรรมเป็นของตนเอง เช่น เราจะเกิดมาเป็นคน เป็นสัตว์ ก็เป็นเรื่องของกรรมที่เราเคยทำเอาไว้บันดาลให้เป็นไป ใครจะมาสั่งให้เราไปเกิดเป็นนั่นเป็นโน่น ไม่ได้!!
.
แม้ตัวเราเองก็สั่งตัวเองไม่ได้ เพียงแต่เราเลือกที่จะทำเหตุอย่างที่เราต้องการได้เท่านั้น เช่น อยากทำดีก็เลือกทำได้ มีให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นต้น อยากทำชั่วก็เลือกทำชั่ว เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม โกหกหลอกลวง กินเหล้าเมายา เป็นต้น
.
แต่ต้องรู้ไว้ว่า เมื่อเราเลือกที่จะทำเหตุอย่างใดแล้ว เราก็ต้องยอมรับผลตามเหตุที่ทำนั้น เราจะเลือกรับผลเฉพาะอย่างที่เราต้องการ หาได้ไม่
.
ทำดีก็ไปสู่สุคติมีโลกสวรรค์เป็นที่ไปเบื้องหน้า ทำชั่วก็ไปสู่ทุคติ มีอบายภูมิ ๔ เป็นที่ไปเบื้องหน้า
.
ใครอยากไปที่ไหนก็เลือกได้ คือ เลือกทำเหตุที่จะให้ได้ผลอย่างนั้น มิใช่ว่า อยากไปสวรรค์ แต่ไพล่ไปทำเหตุที่จะให้ไปนรก แบบนี้อยากไปสวรรค์จนตายแล้วเกิดใหม่ ก็ไม่ได้ไปสักที
.
ส่วนนรกแม้ไม่มีใครอยากไป เพราะได้ยินชื่อก็หวาดผวากันแล้ว แต่ถ้าใครได้ทำเหตุที่จะให้ได้ไปนรกแล้ว ถึงไม่อยากไป ก็จำต้องได้ไปอย่างแน่นอน
.
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ย่อมรวมอยู่ในคำว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” ใครจะเชื่อก็ตาม ใครจะไม่เชื่อก็ตาม ยกให้เป็นเรื่องของใจดวงนั้น แต่กฏแห่งกรรมนี้ก็เป็นหลักธรรมชาติที่ทรงตัวอยู่เช่นนี้ตลอดอนันตกาล ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปตามความเชื่อ หรือความไม่เชื่อของใคร
.
ทุกคนเกิดมาแล้วก็มีหน้าที่ต้องทำมาหาอยู่หากินเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เพื่อความอยู่รอดของตนเอง นั่นแหละคือกรรมของแต่ละคน ใครอยากจะประกอบอาชีพแบบไหนก็เลือกเอาได้ ไม่มีใครบังคับ จะทำแบบสุจริตก็ได้ จะทำแบบทุจริตก็ได้ ถ้าพอใจจะทำก็ทำไปเถอะ
.
แต่จงจำไว้ให้ดีว่า กรรมไม่เคยให้ผลลำเอียงเพื่อเข้าข้างใคร และไม่เคยที่จะไม่ให้ผล เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
.
ใครทำดีก็ได้รับผลดีเอง ใครทำชั่วก็ได้รับผลชั่วเอง ความบริสุทธิ์ หรือไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตน บุคคลจะยังคนอื่นให้บริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ หาได้ไม่
.
โปรดจำไว้ให้ถึงใจ!!
|
สายธารธรรม โดย...เจ้าอาวาส