ReadyPlanet.com


ความรู้เรื่องทอดกฐินกับทอดผ่าป่าที่ถูกต้อง


ทอดกฐินก็คือ การถวายผ้าจีวรแก่พระสงฆ์ที่จำพรรษาครบ 5 รูป ให้พระไปกะ ตัด เย็บ ย้อม ให้เสร็จในวันเดียว สงฆ์อย่างน้อย 5 รูป ต้องสวดอปโลกน์ สมมติว่าจะให้ใครเป็นผู้ครองผ้า ผู้นั้นก็เอาผ้าที่พระตัดเย็บย้อมเสร็จแล้วมาทำพินทุกัปปะ แล้วอธิษฐานเป็นผ้าครองผืนใดผืนหนึ่ง เรียกว่า กรานกฐิน แล้วให้พระสงฆ์ทั้งนั้นอนุโมทนาเป็นเสร็จพิธี

ส่วนผ้าป่าพระองค์เดียวก็ทำได้เมื่อก่อนพระก็ไปเก็บเอาผ้าที่ไม่มีเจ้าของที่เขาทิ้งไว้ตามถนนหนทาง เดิมเป็นผ้าห่อศพ พระไปชักบังสุกุลเอามาซัก กะ ตัด เย็บ ย้อม ทำเป็นผ้าจีวร อันนี้คือผ้าป่า ไม่ต้องทำเป็นการสงฆ์ จะทำเสร็จเมื่อไหร่ก็ได้

ปัจจุบันก็เอากรรมวิธีนั้น มาประยุกต์ โดยตัดกิ่งไม้มาทำเป็นต้นผ้าป่า เอาผ้าไปพาดไว้ที่กิ่งมัน เอามาไว้ตรงหน้าพระไม่ต้องยกถวาย เหมือนเอาไปทิ้งไว้ แต่เอาทิ้งในวัดในศาลา แล้วบอกท่านว่า มาถวายผ้าป่า ไม่ถวายเป็นสังฆัสสะ จะตกเป็นของสงฆ์ พระไปชักบังสุกุลมาใช้ไม่ได้ ต้องให้สงฆ์อปโลกน์

ดังนั้นเวลาถวายผ้าป่าจึงใช้คำว่า สีละวันตัสสะ กับ สีละวา เพื่อให้พระรูปเดียวชักบังสุกุลไปใช้ได้

ส่วนที่เป็นกอง ๆ นั้น เขาก็ทำตามยุคตามสมัย สมัยนี้ถ้าไม่มีปัจจัย ไม่ว่าใครก็อยู่ยาก

จึงเป็นที่มาของกฐินสามัคคี ผ้าป่าสามัคคี ก็สามัคคีคือพลัง ก็เพื่อได้ของถวายมากขึ้นให้เกิดประโยชน์แก่วัดวาอาวาสสูงสุดนั่นเอง คนพวกนี้มันจะเดือดร้อนไปทำไม มันเป็นประโยชน์แก่พระสงฆ์ แก่วัดวาอาวาส

หลายคนเอามาถวายรวมกันเป็นกองเดียวมันก็เป็นกองใหญ่ขึ้น จะมีกี่ร้อยกองก็ไม่สำคัญ เวลาถวายก็รวมเป็นกองเดียว เหมือนเอาทราย 10 กองมารวมกัน ก็เป็นทรายกองเดียวที่ใหญ่ขึ้น

จะทำเป็นกองก็ได้ ไม่ทำเป็นกองก็ได้ แล้วแต่ผู้มีศรคอยากจะทำ มักเป็นของที่เป็นบริวารผ้าป่า บริวารผ้ากฐิน ก็เพื่ออำนวยประโยชน์ให้พระสงฆ์มากที่สุด

สมัยนี้ผ้ามันหาง่าย ไม่เหมือนสมัยก่อน ถ้าทุกคนเอาแต่ผ้ามาถวายพระ ผ้าคงกองเท่าภูเขา พระใช้ไม่ไหวหรอก จะเหลือทิ้งเสียของเปล่า ๆ ของจำเป็นต้องใช้อย่างอื่นมีอีกเยอะแยะ เขาจึงถวายเป็นบริวารกฐิน บริวารผ้าป่า เป็นปัจจัยบ้าง เป็นของใช้จำเป็นอย่างอื่นบ้าง

โดยมากก็เป็นปัจจัยนั่นแหละ เพราะใช้ประโยชน์ได้กว้างขวาง หากพระท่านขาดเหลืออะไร ท่านก็ให้ไวยาวัจกรไปหาซื้อมาได้ หรือจะซ่อมแซมเสนาสนะ ก็ไปหาซื้อวัสดุอุปกรณ์เอามาใช้ได้

บางพวกก็มาบอกว่า เอาเงินไปถวายพระเป็นบาปอีก กฐิน ผ้าป่า ต้องถวายผ้าจึงจะถูก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกไม่เคยเป็นพระที่พูดอย่างนี้ รู้แต่ตำรา แต่ไม่รู้จักภาคปฏิบัติ

ผ้าป่า ผ้ากฐินก็ถวายผ้านั่นแหละ สำหรับใช้ทำพิธี อันนี้คือหัวใจเป็นแก่นจำต้องมี ส่วนอย่างอื่นก็เป็นเหมือนสะเก็ด หรือเปลือกไม้ คือ พวกปัจจัยไทยทานต่าง ๆ ก็จำเป็นต้องมี มันคนละส่วนกัน

ถ้าต้นไม้มีแต่แก่น ไม่มีเปลือก ไม่มีมีสะเก็ดหุ้มห่อ ต้นไม้ก็ตายเท่านั้นเอง ไม่เชื่อก็ลองไปขวั้นเปลือกต้นไม้ดูสิ ถ้าไม่ตายก็คงไม่โต

พระสงฆ์ถ้ามีแต่ผ้า ไม่มีของอย่างอื่นเป็นบริวาร จำพวกหยูกยา ข้าวปลาอาหาร ปัจจัยต่าง ๆ ถ้าไม่มีใครเอามาถวาย พระท่านจะอยู่กันยังไง หลังคากุฏิรั่ว ศาลาผุพัง ก็ต้องเอาปัจจัยที่โยมถวายไว้ไปซื้อหาวัสดุมาซ่อมแซม พระเณรจึงจะดำรงความเป็นสมณะอยู่ได้

แม้ทุกวันนี้ วัดวาอาวาสก็สมบูรณ์บริบูรณ์ ยังหาผู้จะมาบวชสืบทอดศาสนา ก็หายากเต็มทน

มีแต่พวกเก่งแต่ปาก พระต้องทำอย่างนั้น พระต้องทำอย่างโน้น ลองจับมันมาบวชสักพรรษา แล้วให้มันทำอย่างที่มันสอนพระ คงจะวิ่งหนีร้องหาพ่อหาแม่เสียงโหยหวนดังยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าเสียอีก



ผู้ตั้งกระทู้ สาส์นจากพระอาจารย์ :: วันที่ลงประกาศ 2022-09-01 17:07:38


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล