
พระชาติที่ ๗ พระจันทรกุมาร พระจันทรกุมาร
เรื่องมีอยู่ว่าสมัยเมื่อพระเจ้าเอกราชครองราชสมบัติอยู่ในบุปผาดีนคร ท้าวเธอมีมเหสีพระนามว่าโคตมี และมีราชโอรสนามว่า จันทกุมาร มีปุโรหิตชื่อ กัณฑหาลพราหมณ์ กัณฑหาลพราหมณ์เป็นคนโลภ เมื่อมียศโดยพระเจ้าเอกราชมอบอำนาจให้พิพากษาอรรถคดีต่าง ๆ ก็ชอบกินสินบน เข้าแบบที่มูลบทบรรพกิจสอนเด็กไว้ว่า “ใครเอาข้าวปลามาให้สุภาก็ว่าดี การกินการโกงเป็นของมีมาแล้วแต่ดึกดำบรรพ์ แม้เมื่อกัณฑหาลพราหมณ์เข้ามาเสวยอำนาจ เป็นเรื่องเลื่องลือกระฉ่อนไปหมดในสมัยนั้น ไม่มีใครสามารถจะจัดการได้ หากใครร้องเรียนจะต้องถูกลงโทษฐานะบ่อนทำลายสถาบันอันศักดิ์สิทธิ์เสียด้วย เลยพวกปากหอยปากปูทั้งหลายต้องนิ่งเงียบปล่อยให้ลือตามใจชอบ วันหนึ่งตอนจะเกิดเรื่อง กัณฑหาลพราหมณ์ตัดสินคดี อย่างที่เคยมาแล้ว คือให้คนที่เอาสินบนมาถวายชนะไป ผู้ที่แพ้ก็ได้แต่ก้มหน้าเดินออกจากศาลไปนั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง พอดีพระมหาอุปราชจันทกุมารเสด็จผ่านมาเห็นเข้า สงสัยจึงเรียกไปตรัสถาม ชายผู้นั้นก็เล่าความให้ฟังตั้งแต่ต้นจนสุดท้ายถูกบังคับให้แพ้จนตลอดเรื่อง พระจันทกุมารฟังดูแล้วรู้สึกว่าเป็นการอยุติธรรมมากเกินไป จึงเสด็จไปยังศาลพร้อมกับเรียกเรื่องนั้นออกมาดู ซึ่งกัณฑหาลพราหมณ์ก็หยิบมาให้อย่างเสียมิได้พระจันทกุมารก็เรียกโจทก์จำเลยมาสอบสวนทวนพยานกันเสียใหม่ แม้ตาพราหมณ์แกจะไม่ชอบก็ต้องนิ่ง เพราะอำนาจอุปราชเค้นคอแกอยู่ เลยได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ฟังเรื่องไป เมื่อไต่สวนแน่นอนแล้ว เจ้าจันทกุมารก็ตัดสินให้ฝ่ายถูกชนะ ฝ่ายผิดเป็นฝ่ายแพ้ กลับตรงกันข้ามกับคำตัดสินที่ตัดมาแล้ว ประชาชนพลเมืองที่ถูกกัณฑหาลพราหมณ์กดไว้ในอำนาจก็ดีใจ คิดว่าได้พ้นจากภัยมืดอันกดคอตนอยู่แล้ว ก็พากันดีใจให้สรรเสริญพระจันทกุมารเป็นการใหญ่ เสียงคนไชโยโห่ร้องดังก้องไปทั่วเมือง ศาลเกิดความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นแล้ว พระเอกราชทรงสดับเสัยงโห่ร้องก็สงสัยสอบถามดู ได้ความว่าเจ้าจันทกุมารมหาอุปราชตัดสินความยุติธรรมให้ราฎรพอใจ จึงไชโยโห่ร้องให้ศีลให้พรพระจันทกุมาร พอรุ่งขึ้นก็รับสั่งให้มหาอุปราชว่าการตัดสินคดีของประชาชนพลเมืองแทนกัณฑหาลพราหมณ์สืบไป ถ้าเป็นจิวยี่ก็รากเลือดลงแดงตายไปแล้วเพราะความแค้นใจ แต่นี้เป็นกัณฑหาลพราหมณ์แกนิ่งเฉยโดยไม่โต้ตอบอะไรทั้งสิ้น และส่งเสริมด้วยว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง แกเองแก่แล้วอยากจะพักผ่อนเสียบ้าง แต่ยังเห็นแก่แผ่นดินอยู่ จึงถ่อสังขารร่างกายมาทำงาน เมื่อพระจันทกุมารทำได้แกก็พอใจ แต่ในใจของแกสิ แกคิดอย่างไร “เจ้านี่อวดดี เองทุบหม้อข้าวตู ดีล่ะ? นับแต่นั้นมา พราหมณ์ก็อดลาภสักการะที่จะพึงได้จากการทุจริตเช่นเดิม ทำให้แกเคียดแค้นแทบจะรากเลือด แต่ก็จำต้องนิ่งรอโอกาสต่อไป ประชาชนพลเมืองก็ได้รับความยุติธรรมกันอย่างเสมอหน้าเสมอตา วันหนึ่งพระเอกราชเสด็จบรรทม และเผอิญทรงสุบินว่าได้ขึ้นไปเที่ยวบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้ทอดพระเนตรเห็นสมบัติของพระอินทร์ อันล้วนเป็นทิพย์ทั้งนั้น นางฟ้านางสวรรค์ล้วนแต่งาม ๆ พอเห็นก็ใครจะได้ ในขณะที่กำลังเที่ยวชมอยู่นั้นเองก็บังเอิญตกพระทัยตื่น รู้สึกเสียดายมากอยากจะฝันนต่อ เสียดายเหลือเกิน แต่จะทำยังไง ๆ มันก็ไม่ฝัน กลับพระเขนยก็แล้ว ข่มตาให้หลับก็แล้วทั้งแพไม่ได้ฝันต่ออีกเลย สมบัติพระอินทร์ติดอกติดใจพระเจ้าเอกราชเป็นยิ่ง รุ่งเช้ารีบออกท้องพระโรงแต่เช้า พอเห็นกัณฑหาลพราหมณ์ปุโรหิตคนโปรด ผู้ที่เคยฉ่อชนโกงกินสมบูรณ์พูลสุขไปด้วยความเดือดร้อนชองประชาชนพลเมือง หน้าตาของแกแดงก่ำไปด้วยโลหิต ก็ตรัสเล่าสุบินให้ฟังและยังแถมท้ายว่า ตาพราหมณ์ผู้เป็นพราหมณ์แต่ร่างกาย เข้าทำนองความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด เพราะกังวลอยู่ด้วยโทสะและราคะพอได้ฟังพระเจ้าอยู่หัวเล่าพระสุบิน และได้ยินดำรัสเช่นนั้น ใจก็คิด “หวานตูล่ะที่นี้ จันทรกุมารเคยเล่นงานตูอย่างเจ็บแสบนัก ทุบหม้อข้าวของตู ทีนี้จะได้เห็นดีกันล่ะ เองต้องตาย ตายอย่างหมูหมาไม่มีใครใครแยแส” แกจึงทูลว่า “ขอเดชะ พระสุบินของพระองค์เป็นลางสังหรณ์ว่าพระองค์จะได้สมบัติเหล่านั้น แต่ทำไมจึงจะได้ ก็ได้เป็นเหตุให้พระองค์มาตรัสถามกระหม่อมฉัน ต้องบูชายัญพระเจ้าค่ะจึงจะได้” กัณฑหาลพราหมณ์จึงทูลให้ทราบว่า จะต้องใช้เลือดในลำคอพระมเหสี บุตร ธิดา ช้างม้า และเศรษฐีประจำพระนครมาทำการบูชายัญจึงจะเห็นผล พระเจ้าเอกราชผู้งมงาย หวังสมบัติทิพย์ก็เชื่อถือถ้อยคำของตาพราหมณ์เจ้าเล่ห์ โดยสั่งให้ตาพราหมณ์จัดการเรื่องการบูชายัญโดยด่วน ข่าวได้แพร่สะพัดไปทุกมุมเมืองบุปผวดีว่าพระเจ้าเอกราชจะฆ่ามเหสี โอรส ธิดา ช้างแก้ว ม้าแก้ว แล้วเศรษฐีประจำเมืองอีก ๔ คน บูชายัญ เพื่อหวังจะได้สมบัติอย่างพระอินทร์ แม้พระจันทรกุมารจะเข้าทัดทานอย่างไรก็ไร้ผล พระองค์มิได้ทรงเชื่อเลย ทรงมุ่งหวังแต่สมบัติที่ตาพราหมณ์ป้อยอเท่านั้น กัณฑหาลพราหมณ์ไปจัดการให้คนขุดหลุมเพื่อการบูชายัญภายนอกเมือง เมื่อจวนจะสำเร็จ พระเจ้าเอกราชเกิดใจอ่อน ทนการอ้อนวอนของพระโอรสธิดามิได้ จะเลิกการบูชายัญตาพราหมณ์ได้ทราบก็รีบเล่นมา พอได้ยินเท่านั้นพระทัยเดือดปุด ๆ “ทำสิวะ ทำไมจะไม่ทำ ใครว่า ตัดหัว” อำนาจบาทใหญ่พลุ่งออกทันที อนิจจา ทศพิธราชธรรมสำหรับพระเจ้าเอกราชผู้งมงายหามีไม่ กลับสั่งให้จับตัวมเหสี ๔ องค์ โอรส ๔ องค์ ธิดา ๔ ช้าง ๔ ม้า ๔ เศรษฐีอีก ๔ ไปคุมไว้รอบูชายัญ พระเจ้าหลวงผู้ชนกของพระเจ้าเอกราชได้ทราบเรื่องก็ห้ามปรามมิให้ทำ แต่พระเจ้าเอกราชเชื่อฟังก็หาไม่ สมบัติทิพย์ใครจะไม่อยากได้ ต้องฆ่าพวกนี้เพื่อสมบัติทิพย์ แม้พระจันทรกุมารจะทูลว่า “ขอเดชะพระราชบิดา หากการบูชายัญด้วยของรักเป็นเหตุให้ได้สมบัติแล้วไซร้ ทำไมกัณฑหาลพราหมณ์จึงไม่เอาบุตรธิดาของตนเองบูชายัญเพื่อจะได้สมบัติทิพย์บ้างเล่า นี่ก็เป็นเหตุให้เห็นได้ว่าเป็นความไม่จริง ตาพราหมณ์แกโกรธเคืองกระหม่อมฉันที่ทำให้แกกดขี่ข่มแหงประชาชนพลเมือง รีดเอาทรัพย์สินเงินทองเหล่านั้นไม่ได้ จึงอยากจะฆ่าหม่อมฉันเสีย หากจะให้สมใจตาพราหมณ์ ได้โปรดฆ่าข้าพระองค์แต่เพียงผู้เดียวเถิด อย่าให้ใครลำบากยากแค้นด้วยข้าพระองค์เลย” ถึงเช่นนี้พระองค์ก็หาฟังไม่ แม้ใครจะอ้อนวอนอย่างไร...พอใจอ่อนสั่งปล่อยตาพราหมณ์ก็มาทัดทานไว้ต้องสั่งจับใหม่ โดยอาการเช่นนี้ถึงหลายครั้งหลายครา สุดท้ายตาพราหมณ์เห็นว่ายิ่งรอช้าไปพระจันทรกุมารอาจไม่ตายก็ได้ เพราะพระทัยของพระเจ้าเอการชไม่สู้จะแน่นอนนัก จึงได้เร่งรีบให้ขุดหลุมและจัดบริเวณพิธีให้เสร็จ โดยเร็ว เพื่อจะประหารเสียเร็ว ๆ เมื่อบริเวณพิธีและหลุมเสร็จเรียบร้อยแล้ว พราหมณ์ก็สั่งให้คนนำสัตว์ที่จับไว้นั้นออกนอกประตูพระนครไปพร้อมกับปิดประตูห้ามคนคนในออกคนนอกเข้า เพราะกลัวประชาชนจะติดตามทำลายพิธี เพราะคนอย่างมหาอุปราชและเศรษฐีก็ย่อมมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมากมาย เดี๋ยวเกิดจะมีคนดีขึ้นมาบ้าง พอถึงโรงพิธีคนแรกที่ต้องสังเวยคือจันทกุมาร ตาพราหมณ์ก็นำไปนั่งข้างปากหลุม เตรียมถาดที่จะรองเลือดไว้เรียบร้อย ตนเองก็ตระเตรียมดาบไว้ พระจันทกุมารตอนนี้วางใจเป็นอุเบกขาแล้วแต่เวรกรรม แต่พระจันทาเทวีผู้ชายาของมหาอุปราช ซึ่งตามอ้อนวอนพระราชบิดาขอยกให้โทษพระจันทรกุมาร และเอาตัวของพระนางเองบูชายัญแทนก็ไม่สำเร็จ จึงตั้งสัจจาธิษฐานคือตั้งความสัตย์ว่า “ขอฝูงเทพเทวาทั้งหลายจงเป็นพยานด้วยความสัตย์ของข้า กัณฑหาลพราหมณ์เป็นคนมิชอบต่อราชแผ่นดิน ไม่มีศีลธรรม แกล้งจะทำลายล้างผู้อื่น ด้วยความสัตย์ ขอให้กัณฑหาลพราหมณ์จงพินาศไป และขอให้พระจันทรกุมารสวามีแห่งข้าจงได้รอดชีวิตด้วยเถิด” ด้วยสัจจาธิษฐานของนาง ทำให้อาสนะพระอินทร์แข็งนั่งไม่สบาย คงเป็นอย่างเรื่องของสังข์ทองที่ว่า
“ไอ้พระยาอธรรม์ เคยมีเยี่ยงอย่างจากไหนที่สั่งสอนว่า ฆ่าคนจะได้สมบัติทิพย์และจะได้ไปสวรรค์ ทศพิฑราชธรรมสำหรับกษัตริย์ละเลิกแล้วหรืออย่างไร ถ้าขืนทำพิธีบูชายัญให้ได้ เราจะตีเศียรท่านให้ย่อยยับไปเป็นจุณ” เมื่อพราหมณ์ตายแล้ว ความโกรธแค้นของประชาชนยังไม่หยุดเพียงนั้น ยังบุกถึงเจ้าหน้าที่ซึ่งคอยอารักขาพระเจ้าเอกราชอยู่ เพื่อจะนำตัวมาลงทัณฑ์เสียอีกคน เมื่อพระเจ้าจันทรกุมารเสด็จประพาสอุทยาน ก็เสด็จไปเยี่ยมพระบิดาเสมอ ได้รับพรจากพระเจ้าเอกราชให้สมบูรณ์พูนสุขชนมายุยืนนาน ก็เสวยราชสมบัติอยู่ในทศพิธราชธรรมบ้านเมืองก็เป็นสูขสบายปราศจากศัตรูหมู่ร้ายจะมารบกวนตราบจนกรกะทั่งสิ้นพระชนม์ เรื่องนี้ก็จบเพียงเท่านี้ เราได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง ความโลภทำให้คนดีกลายเป็นคนชั่ว ความอาฆาตพยาบาททำให้เป็นคนเลว ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว ได้แก่พราหมณ์ ซึ่งจะฆ่าพระจันทรกุมาร แต่ตัวเองกลับต้องตาย ความมัวเมาในอำนาจและอยากได้สิ่งพึงประสงค์เช่นสมบัติทิพย์ ทำให้หน้ามืดตามัวไม่เห็นความผิดถูก อย่างพระเจ้าเอกราช อนิจจาความชั่วไม่ช่วยให้คนดีได้
ขอบคุณแหล่งข้อมูล: sawanbanna |