อุบายปราบความท้อใจ
.
ในยามที่คนเราเกิดความรู้สึกสิ้นหวังท้อแท้ จิตใจก็อ่อนแอ กำลังใจมันก็แทบจะแหลกสลาย ถ้าหากขาดสติปัญญา ขาดความยั้งคิด บางคนก็อาจถึงขั้นฆ่าตัวตาย เพราะไม่อยากทนอยู่เพื่อแบกรับปัญหาต่อไป คิดว่าตายแล้วเรื่องก็คงจะจบ ๆ ไปซะ
.
แต่จริง ๆ แล้วมันไม่จบอย่างที่คิด การฆ่าตัวตาย นอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้ว ยังเป็นการเพิ่มปัญหาให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น การฆ่าตัวตาย ก็เป็นกรรมเท่ากับการฆ่าคน ๆ หนึ่งนั่นเอง ตายแล้วจึงต้องไปเสวยวิบากกรรมในนรกก่อน กว่าจะพ้นจากนรกก็นานแสนนาน ครั้นพ้นจากนรกแล้ว เศษกรรมยังบันดาลให้ต้องไปเกิดเป็นคนที่กระทำอัตวินิบาตกรรมไปอีกถึง ๕๐๐ ชาติทีเดียว
.
ก็เป็นธรรมดาอยู่เอง คนที่ตั้งใจทำทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่ตัวเองคิดว่าดี พยายามทำครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยความเอาใจใส่ ขยัน อดทนต่อสู้ชีวิต แต่สุดท้ายผลตอบรับกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวเองหวังไว้ ไม่เพียงแต่ต้องพบกับความผิดหวัง มิหนำซ้ำ ยังต้องประสบกับชะตากรรมชีวิตที่เลวร้าย ต้องเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานชอกช้ำใจอย่างสุดแสนสาหัส
.
บางคนก็ถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว ล้มละลายสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง บางคนก็สูญเสียคนรัก สูญเสียของรักของหวงไป ไม่รู้ว่าจะบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากใคร ไม่รู้ว่าจะพึ่งใคร ได้แต่อัดอั้นตันใจ อับจนปัญญา หาทางออกไม่ได้ ทุกข์ใจจนเหลือจะทน นั่งหน้าเศร้าเหงาหงอย นัยน์ตาเหม่อลอย ถ้าแก้ปัญหาถูกทางก็ยังพอผ่อนหนักให้เป็นเบา แต่ถ้าแก้ปัญหาผิดทาง ก็ยิ่งจะซ้ำร้าย
.
ในครั้งพุทธกาล จงดูนางปฏาจาราเป็นตัวอย่าง แค่วันเดียว สามีก็ถูกงูกัดตายเสียในทางเปลี่ยว ลูกน้อยทั้งสองคนกำลังน่ารัก คนน้องที่เพิ่งคลอดถูกเหยี่ยวเฉี่ยวไป คนพี่ก็ถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดไป ลูกน้อยทั้งสองคน ก็ตายไปต่อหน้าต่อตา กลับไปบ้านตั้งใจจะไปหาพ่อหาแม่ ก็มาทราบข่าวว่า เมื่อคืนพายุพัดกระหน่ำบ้านพังทับพ่อแม่ และพี่ชายตายหมดทั้งบ้าน ศพยังถูกเผาอยู่บนเชิงตะกอนเดียวกัน
.
นางก็ถึงกับสิ้นสติสมประฤดี กลายเป็นคนบ้าวิกลจริต เดินไปตามถนน เสื้อผ้าหลุดลุ่ยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย แต่เดชะบุญบันดาลให้ได้ไปพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กำลังทรงแสดงพระธรรมเทศนา ด้วยกระแสแห่งพระเมตตาอันบริสุทธิ์ของพระพุทธองค์ ทรงบันดาลให้นางฟื้นคืนสติกลับมาได้อีกครั้งหนึ่ง นั่นก็เป็นเพราะผลแห่งบุญกรรมของนางที่ได้เคยทำไว้แต่ปางก่อนคอยรักษาไว้นั่นเอง
.
เพราะผู้ที่มีนิสัยแห่งพระอรหัตมรรค ฝังมาในขันธสันดาน หากยังไม่ได้บรรลุพระอรหันต์ตราบใด ก็ยังตายไม่ได้ก่อน เว้นไว้แต่ได้ไปทำกรรมหนักถึงขั้นอนันตริยกรรม อันจะเป็นเหตุให้นิสัยแห่งพระอรหัตมรรคนั้นได้ถูกตัดขาดไป
.
สุดท้ายนางก็ได้บวชเป็นภิกษุณี และสำเร็จเป็นพระอรหันตสาวิการูปหนึ่ง ทั้งทรงเอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายทางด้านพระวินัยอีกด้วย
.
คนเราย่อมทำทั้งบุญและบาปสั่งสมมาด้วยกัน ในยามที่ต้องตกต่ำถึงขีดสุดนั้น ก็ต้องเป็นเพราะผลแห่งบาปกรรมที่เคยทำมากำลังส่งผลนั่นเอง มันก็ต้องท้อแท้บ้างเป็นธรรมดา
.
เพราะความท้อแท้มันก็เกิดขึ้นจากกิเลส คนมีกิเลสจะให้ไม่ท้อแท้ได้อย่างไร? เมื่อผิดหวังหนัก ๆ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ก็หมดกำลังใจได้ แต่ถ้ายังไม่ถึงขั้นเสียสติจนกลายเป็นบ้าวิกลจริต ก็ขอให้รู้ไว้เถิดว่า ฐานะของเรายังไม่ได้เลวร้าย ถึงขั้นเดียวกับที่นางปฏาจาราได้ประสบมาเลย
.
จะท้อแท้บ้างก็ได้ แต่ต้องไม่ท้อถอย เมื่อท้อแท้จนถึงที่สุดแล้ว ก็จงมีสติปัญญาพลิกจิตคิดบ้างว่า ความท้อแท้นั้นจะช่วยทำให้เราได้ดีอะไรขึ้นมาบ้างไหม? แล้วเราจะท้อแท้ไปอีกนานสักเท่าไร? เราควรหาอะไรทำที่มันดีกว่านี้บ้าง จะดีกว่าไหม? จะปล่อยให้ชีวิตเราทั้งชีวิต ต้องจมอยู่ในปลักแห่งความท้อแท้ไปเช่นนี้ตลอดกาล กระนั้นหรือ?
.
จงฝึกซ้อมสติปัญญาขึ้นมาใหม่ ปลุกปลอบใจให้คึกคักเข้มแข็ง ทำใจให้อาจหาญเริงร่า เริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่มีคำว่าสายเกินไป แม้จะล้มลุกคลุกคลานบ้างก็ช่างเถิด ไม่ล้มเสียก่อน ไฉนจะรู้จักการยืนที่มั่นคง
.
จงสร้างพลังใจให้กับตัวเอง พลิกจิตพลิกใจให้พร้อมที่จะฮึดสู้กับชีวิต และอุปสรรคขวากหนามต่อไป การปล่อยใจให้จมอยู่ในปลักแห่งความทุกข์ระทมผิดหวัง โดยไม่ดิ้นรนแสวงหาทางออกใด ๆ เลย ถือเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง นักปราชญ์ย่อมไม่สรรเสริญ
.
คนเราเกิดมา ก็มีแต่ใจมาเท่านั้นเอง ร่างกายก็เอาเลือดเนื้อของแม่มา ทรัพย์สมบัติต่าง ๆ อันเป็นของนอกกาย ก็มาหาเอาทีหลังทั้งนั้น ไม่ได้แบกอะไรข้ามภพข้ามชาติมาสักชิ้นสักอัน
.
ดังนั้น ทรัพย์สมบัติอะไรมันจะเสียจะหายจะแตกจะพัง ก็ให้มันแตกมันพังไปเถอะ อย่าไปเสียดายเสียอกเสียใจกับมันเลย เพราะไม่มีสิ่งใดในโลกที่มันเกิดขึ้นแล้วจะไม่แตกไม่พัง ทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นมาแล้วต้องแตกต้องพังทั้งนั้น
.
จงรักษาใจไว้ให้ดี อย่าให้ใจเสียใจแตกใจพัง ถึงแม้ใจจะเป็นธรรมชาติอมตะที่ไม่แตกไม่พังก็ตาม แต่ถ้าใจเสียใจไม่ดีก็เป็นเหตุให้ไปอบายได้
.
ตราบใดที่เรายังมีร่างกาย มีชีวิตจิตใจที่ดีงาม ก็ถือว่า ยังมีทุนทรัพย์อันสูงเยี่ยม ที่พร้อมจะสร้างสรรค์ ทรัพย์สมบัติเงินทอง ตลอดจนความดีต่าง ๆให้เกิดมีขึ้นใหม่ได้อีกอย่างมากมาย
.
จึงไม่ควรท้อแท้อ่อนแอ ทรัพย์สมบัติใด ๆ ในโลกก็มีคุณค่าสู้ความดีไม่ได้ ความดีนั่นแล เป็นทรัพย์อันประเสริฐ เพราะความดีย่อมฝังอยู่ในใจ ติดจิตติดใจไปทุกภพทุกชาติตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
.
ส่วนทรัพย์สมบัติเงินทองอันเป็นของนอกกายนั้น ก็แค่เอามากินอยู่ใช้สอยพอเยียวยาร่างกายไปได้ไม่นาน พอมันตายแล้วก็ต้องทิ้งไปทั้งหมด ไม่มีอันใดจะติดจิตติดใจไปได้เลย
.
เพราะเหตุนั้น พระบรมศาสดาจึงทรงตรัสว่า “เกิดเป็นคนมีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวแล้วได้ทำความดี ยังดีกว่ามีชีวิตอยู่ตั้ง ๑๐๐ ปี แต่หาความดีไม่ได้”
.
ดังนั้น จงอย่าได้สิ้นหวัง หากจะต้องเสียทรัพย์เท่าไร ก็ให้มันเสียไปเถอะ จะล้มละลายก็ล้มไปสิ จะเป็นอะไรก็ให้มันเป็นไป ยอมรับตามกรรมของเรา มีหนี้ก็ต้องใช้หนี้ ใช้ให้หมดไปเสีย ถ้าใช้หนี้หมดแล้ว เขาก็มาทวงอีกไม่ได้ จะเจ็บปวดรวดร้าวแค่ไหน ก็ต่อสู้อดทนไป อย่างมากก็แค่ตาย กรรมตายยังมาไม่ถึง มันก็ไม่ตายได้ง่าย ๆ หรอก อย่ากลัวตาย
.
หนี้กรรมก็เหมือนกันอย่างนั้น มีกรรมไม่ดีเคยทำไว้ ก็ใช้หนี้กรรมนั้นไปเสีย ถ้าทำผิด ทำไม่ดีกับใครไว้ ก็ต้องยอมรับผิด ยอมรับตามกรรมนั้น จะติดคุกติดตะราง ก็ติดไปเถอะ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ เพียงแค่ได้มีสติระลึก “พุทโธ ๆ ๆ” ได้ ก็มีกำไรคุ้มแล้ว
.
เพราะใจที่มี “พุทโธ” ตายแล้วจะไม่ไปอบายอย่างแน่นอน ตรงกันข้ามกับทรัพย์สมบัติเงินทองต่าง ๆ ถึงจะมีมากมายจนล้นฟ้าล้นแผ่นดินก็ตาม ถ้าใจไม่ดีเสียเท่านั้น ก็ไม่มีทรัพย์ใด ๆ ช่วยให้เราพ้นไปจากอบายได้เลย นี่! ต่างกันอย่างนี้
.
ดังนั้น จงจำไว้เถิดว่า ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นทำความดี อริยทรัพย์ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นี้ ย่อมดีกว่า ทรัพย์สมบัติ ข้าวของ เงิน ทอง ต่าง ๆ อย่างมากมายก่ายกอง
.
เราเกิดมา ได้พบพระพุทธศาสนา พบพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่หาได้ยาก ได้รู้จักบาป บุญ คุณ โทษ อันใดใช่ประโยชน์ อันใดมิใช่ประโยชน์ นี่! ก็ถือว่าเป็นสติปัญญาอันยอดเยี่ยม เป็นกำไรชีวิตที่ยิ่งใหญ่อย่างยากที่จะพบพาน
.
กล่าวได้ว่า ดีกว่าตอนที่เราเกิดมาใหม่ ๆ ตั้งเยอะแยะ เพราะตอนนั้นเราก็มีแต่จิตดวงเดียวเข้าไปอยู่ในท้องแม่ ไม่ได้แบกเอาทรัพย์สมบัติอะไรข้ามภพข้ามชาติมาด้วย ร่างกายก็มาเอาจากเลือดเนื้อของแม่ มาสร้างเป็นร่างกายของเรา มีแต่กำไรเห็น ๆ ไม่มีขาดทุน แล้วจะเดือดเนื้อร้อนใจไปทำไม
.
ทรัพย์ภายนอกมันเป็นเพียงเครื่องอาศัย ใช้เพื่อดำรงชีพอยู่ในโลกนี้เท่านั้น จะมีมากหรือมีน้อย จะเป็นเศรษฐี หรือขอทาน ตายแล้วมันก็ทิ้งไว้ให้คนอื่นเอาไปกินไปใช้หมดเกลี้ยงเหมือน ๆ กัน ไม่มีใครจะหอบเอาทรัพย์สมบัติเงินทองไปกินไปใช้ชาติหน้าได้
.
ดังนั้น จะมีทรัพย์สมบัติมาก หรือมีน้อย ก็ช่างแม่ม...เถอะ! จงพอใจตามที่เรามี ธรรมท่านสอนให้สันโดษ คือจงพอใจของตามมีตามได้ สมบัติของเรามีอย่างนี้ ก็จงพอใจอย่างนี้ อย่าไปอยากได้ในสิ่งที่เราไม่ได้ไม่มี แม้มีมากได้มาก ธรรมท่านยังสอนให้มักน้อย คือ พอใจเอาแต่น้อย รู้จักแบ่งปันให้คนอื่นที่เขาไม่มีบ้าง
.
ถ้าอยากได้อะไรมากขึ้นกว่าที่ตัวเองมี ก็จงใช้สติปัญญาคิดอ่านหามาโดยชอบ อย่าไปไขว่คว้าหามาโดยทางที่ไม่ชอบให้เป็นบาปเป็นกรรมติดจิตติดใจไปเปล่า ๆ
.
เพราะไม่ว่าเราจะหาทรัพย์มาได้ มากน้อยแค่ไหน เวลาตายแล้วก็ต้องทิ้งไปทั้งหมดอยู่ดี เศรษฐีก็ทิ้งคฤหาสน์หรูเอาไว้ ขอทานก็ทิ้งกระต๊อบซอมซ่อเอาไว้ ไปได้แต่ใจดวงเดียว มาอย่างไรก็ไปอย่างนั้น
.
ถ้าใจที่มีบุญ ก็ได้ไปสู่สุคติ มีสวรรค์ พรหมโลก นิพพาน เป็นต้น ส่วนใจที่มีแต่บาป ก็ต้องไปสู่ทุคติ มีอบายภูมิทั้ง ๔ เป็นต้น จงเตือนตนของตนไว้อย่างนี้อยู่เสมอ
.
จงตั้งสติกำหนดจิตพิจารณาอยู่ในจุดปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด มีเหตุอันใดที่มาเกี่ยวข้อง ควรทำอย่างไร ก็ทำไปให้เหมาะสมกับเหตุนั้น ๆ โดยชอบธรรม
.
จงทำในสิ่งเท่าที่เรามีความสามารถที่จะทำได้ ส่วนอันใดที่มันเกินความสามารถเราทำไม่ได้ ก็อย่าไปคิดไปคาดไปฝันให้เสียเวลา เราทำได้แค่ไหนก็จงพอใจเท่านั้น
.
เริ่มต้นการกระทำที่ปัจจุบันให้เหมาะสมกับฐานะของตน ตั้งใจใช้สติปัญญาคิดอ่านใคร่ครวญให้ดี ๆ ก่อนจะทำอะไร ๆ ทุกครั้งไป แล้วอดทนทำไปเรื่อย ๆ ทำไปเถิด ถ้าใคร่ครวญดีแล้ว แน่ใจว่าดี ก็ทำไป อย่าไปทำชั่วเท่านั้น
.
“ขันติ คือ ความอดทนเป็นเครื่องประดับของนักปราชญ์“ นั่น! พระบรมศาสดาทรงตรัสสอนไว้ “ความเพียรอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” ตอกย้ำลงไปอีก “ใคร่ครวญให้ดีเสียก่อนแล้วจึงค่อยทำ ดีกว่า” นี่! เห็นไหม? ธรรมท่านสอนไม่ให้ทำอะไรแบบโง่ ๆ เอาแต่ใจตนเอง โดยไม่คำนึงถึงเหตุผล ผิด ถูก ดี ชั่ว อะไรเลย อย่างนั้น ใช้ไม่ได้
.
ไม่มีธรรมบทไหน สอนให้เรางอมืองอเท้ารอโชคชะตา รอบุญวาสนา มีแต่สอนให้ลงมือทำเดี๋ยวนี้ ทำด้วยความเพียร ด้วยความอดทน ด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาดด้วยความเชื่อมั่น บุกตะลุยเข้าไป ไม่ต้องเกรงกลัวต่ออุปสรรคขวากหนาม มุ่งมั่นทำปัจจุบันให้ดีที่สุด แล้วเดี๋ยวอนาคตมันก็จะดีไปเอง
.
อย่ามัวนั่งงอมืองอเท้า รอโชคชะตา รอวาสนา รอเทวดามาช่วย รอหมอดูมาบอกรอร่างทรงมาทำนาย เดี๋ยวนี้ทันสมัย ถึงขนาดมีร่างทรงสี่จีด้วย ระวัง!ให้ดี เดี๋ยวจะกลายเป็นบ้ายกกำลังสองหนักเข้าไปอีก