ให้ทานอย่างไรจึงมีอานิสงส์มาก?
บางคนพอได้มีโอกาสทำบุญถวายทานบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อธิษฐานเสียยาวเหยียด ถ้าคิดเป็นระยะทางคงยาวเป็นหลายกิโล
.
ขอให้ได้ทุกสิ่งทุกอย่างโน่น นี่ นั่น เรียกว่า มีอะไรดีอยู่ที่ไหน กวาดเอามาเป็นของตัวเองให้หมด ไล่ไปตั้งแต่ขอให้ได้เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี มั่งมีศรีสุข ไม่อดไม่อยากไม่ยากไม่จนไม่ค่นไม่แค้น เกิดชาติใดก็ให้สวยให้งามให้หล่อให้เหลา ให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บนานัปการ ถ้าปรารถนาสิ่งใดก็ขอให้ได้บรรลุผลทั้งหมดสมดังความปรารถนา อย่าได้ผิดหวัง
.
แม้คำว่า ไม่มี ก็ขออย่าให้ได้ยิน อย่าให้ได้พบ อย่าให้ได้เห็น ชื่อว่าทุกข์แม้แต่นิดเดียว ก็อย่าให้ได้เจอะได้เจอ อะไรที่เป็นมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ พรหมสมบัติ อยู่ที่ไหน? มีเท่าไหร่? ก็กวาดเอามาให้เรียบให้หมด ไม่ปล่อยทิ้งไว้ให้เกะกะ จนกระทั่งสามารถเหาะล่องลอยไปถึงพระนิพพานโน่น ซ้ำร้ายยังบังคับให้ต้องได้พระนิพพานในปัจจุบันกาลเดี๋ยวนี้อีกต่างหาก
.
เฮ้อ! กูฟังแล้วก็ปวดหัวเหนื่อยแทนพวกมึง!
.
แล้วพวกมึงจะแบกจะหามสมบัติทั้งหมดที่อยากได้ไปพระนิพพานด้วย จะไหวไหมนี่? สารพัดสมบัติ ลงทุนทำบุญนิดเดียว แต่หวังผลกำไรครอบจักรวาล ถ้าเป็นพ่อค้าละก็ คงได้สมญานามว่า พ่อค้าหน้าเลือด!!
.
คำอธิษฐาน มันก็ดีอยู่หรอก! มันช่วยทำให้เป้าหมายที่จะเดินทางไปนั้นชัดเจน ไม่มีอะไรเสียหายที่จะอธิษฐานอย่างนั้น ก็แค่มันดูเพ้อเจ้อไปหน่อยเท่านั้นเอง ทำบุญแล้วอยากได้อะไรก็อธิษฐานไปเถอะ แต่ควรตั้งอยู่บนรากฐานแห่งเหตุผลความชอบธรรมด้วย ก็คงจะดีมากกว่านี้ อธิษฐานบารมี กับสัจจะบารมี มันต้องไปด้วยกัน ทั้งยังต้องมี ปัญญาบารมี ขันติบารมี วิริยบารมี เนกขัมมบารมี อุเบกขาบารมี ในบารมี ๑๐ ทัศ นั้น เป็นพลังหนุนไปด้วยกัน ถ้าสักแต่ว่า อธิษฐาน แต่หาความจริงใจที่จะปฏิบัติตามคำที่อธิษฐานนั้นไม่ได้ มันก็เหมือนกับการอธิษฐานเล่น ๆ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด และไม่เป็นอธิษฐานบารมีให้ ไม่เป็นสัจจบารมีให้ เป็นได้แต่คำพูดอวดโวหารสละสลวยไปอย่างนั้นเอง
.
ควรทราบไว้ว่า บุญย่อมให้ผลตามสมควรแก่เหตุที่ทำ หาได้ให้ผลตามความปรารถนาของผู้ใดไม่ เว้นไว้แต่ท่านผู้นั้นจะได้กระทำเหตุอันควรแก่การจะได้รับผลเช่นนั้นมาอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ผลก็จึงจะปรากฏตามที่ปรารถนาได้ ซึ่งก็เป็นไปตามสมควรแก่เหตุที่ทำ ไม่ใช่สักแต่ว่า อธิษฐานไปอย่างนั้นเองแล้วบุญก็จะให้ผลตามนั้น ไม่ใช่อย่างนั้น อธิษฐานแล้วก็ต้องมีความจริงใจที่จะทำเหตุให้ได้ผลตามที่ปรารถนานั้น ๆ ด้วย จึงจะถือเป็นการดีการชอบแท้
.
จะพูดให้ฟังอย่างง่าย ๆ ถ้าคุณทำบุญแล้วปรารถนาอยากให้เกิดมาได้เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีทุกชาติไป สิ่งที่คุณควรจะต้องทำในชาตินี้ คือ คุณต้องตั้งใจรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์อย่างเคร่งครัด และทำบุญถวายทานด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยไม่แอบแฝงหวังผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น กล่าวคือ ให้ทานแก่บุคคลผู้ควรให้ทาน อาจให้เพื่อบูชาคุณแห่งความปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบในท่านผู้ทรงศีล หรือท่านผู้ทรงคุณธรรมชั้นสูง ด้วยหวังเพื่อทำนุบำรุงเพระพุทธศาสนา ก็จัดเป็นบุญชั้นเยี่ยม หรือรองลงไปก็อาจให้ทานเพื่อการสงเคราะห์แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากที่ต้องการความช่วยเหลือ หรือเพื่อบำเพ็ญสาธาณประโยชน์ต่าง ๆ โดยที่ให้แล้วต้องไม่ให้เกิดโทษทั้งต่อตนเอง และผู้อื่น
.
ทั้งทรัพย์ที่ตนจะบริจาคนั้น ต้องได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ใช่ไปกระทำการทุจริตคดโกงใครมา และในขณะที่ให้ก็ให้ด้วยความศรัทธาเลื่อมใสอย่างแท้จริง เป็นเหตุยังความปลาบปลื้มปิติยินดีปรีดาให้บังเกิด ทั้งก่อนให้ ขณะที่ให้ หลังจากให้แล้ว ทั้งจิตใจก็แช่มชื่นเบิกบาน ไม่เกิดอาการเสียดายทรัพย์ หรืออยากจะได้ลาภ ยศ ชื่อเสียง หรืออยากอวดมั่งอวดมี ตั้งใจให้ด้วยเจตนาเสียสละทรัพย์ เพื่อมุ่งหวังแบ่งปันความสุขแก่ผู้อื่น และตัดทำลายความโลภในใจตนเอง ทำลายความยึดมั่นถือมั่นในวัตถุทรัพย์อันเป็นของนอกกายทั้งปวง เป็นการชำระจิตให้บรรเทาความโลภโกรธหลงลงไปในระดับหนึ่ง
.
การให้ทานเช่นนี้ จึงจัดว่ามีอานิสงส์มาก คือทำใจตนเองให้เป็นสัมมาทิฎฐิที่มั่นคงต่อทางพ้นทุกข์ มิใช่จะมีอานิสงส์มากเพราะจะได้ทรัพย์สินเงินทองกลับคืนมามาก ๆ ไม่ใช่อย่างนั้น แม้ให้น้อย ก็จะได้ผลมาก แม้ให้มากก็ยิ่งได้ผลมากยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกเป็นทวีคูณ เพราะยิ่งให้มาก ก็ยิ่งชำระใจให้ปราศจากกิเลศมลทิน เบาบางน้อยลงไปเรื่อย ๆ ทานที่ผิดไปจากวัตถุประสงค์เช่นนี้ หามีอานิสงส์มากไม่ ถึงให้มาก ก็มีอานิสงส์น้อย แม้ให้น้อยก็ยิ่งได้ผลน้อยลงไปตามลำดับลำดา
.
ถ้าใครทำทานที่ประกอบด้วยองค์ ๖ เช่นว่ามานี้ได้ แสดงว่า ผู้นั้นตั้งใจบำเพ็ญทานบารมีเพื่อหวังความหลุดพ้นด้วยความชอบธรรมอย่างแท้จริง แม้ไม่ปรารถนาความเป็นเศรษฐี ก็หนีไม่พ้นต้องได้เป็นเศรษฐีอยู่วันยังค่ำ และเป็นเศรษฐีใจบุญไม่คิดเบียดเบียนใคร ด้วยมีศีลที่รักษาไว้ด้วยดีแล้วคอยปกป้องคุ้มครอง ทรัพย์สินที่มีอยู่ก็จะไม่ถูกทำลายสูญหาย ด้วยภัยพิบัติต่าง ๆ นานา เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุพัด หรือ ถูกเขาลักขโมย ปล้นจี้ ไปดังนี้ เรียกว่า เป็นเศรษฐีด้วยอำนาจแห่งบุญที่สร้างสมมา เป็นเศรษฐีใจบุญอย่างแท้จริง
.
ดังครั้งพุทธกาลก็มีเศรษฐีเช่นที่ว่านี้อยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ อนาถบิณฑิกเศรษฐี เมณฑกเศรษฐี ธนญชัยเศรษฐี จิตตคฤหบดี เป็นต้น ไม่ใช่เป็นเศรษฐีใจบาปเหมือนอย่างคนบางคนในยุคปัจจุบัน ที่ร่ำรวยมาเพราะการกระทำทุจริต คดโกง ปล้นจี้ เอาทรัพย์สมบัติของคนอื่นมาเป็นของตน มีความสุขอยู่บนความทุกข์เดือดร้อนของคนอื่น เช่นนี้ ความเป็นเศรษฐีอย่างนั้น จะไม่สามารถตั้งอยู่ได้นาน เมื่อบาปกรรมให้ผล ก็จะถูกบาปลากคอไปลงนรกตกอบายตามสมควรแก่บาปกรรมที่ได้ทำเอาไว้
.
สมดังที่พระท่านม้วนศีลตอนท้ายว่า
.
สีเลนะ สุคะติง ยันติ,
ศีลเป็นเหตุให้ได้ไปสู่สุคติมีโลกสวรรค์เป็นที่ไปเบื้องหน้า
.
สีเลนะ โภคะสัมปะทา,
ศีลเป็นเหตุให้ถึงพร้อมด้วยโภคทรัพย์ เพราะเมื่อมีทรัพย์แล้ว ทรัพย์นั้นก็จะไม่ถูกทำลายด้วยภัยพิบัตินานาประการ
.
สีเลนะ นิพพุติง ยันติ,
ศีลเมื่อรักษาไว้ด้วยดีแล้ว ย่อมเป็นเหตุให้ได้พระนิพพาน
.
ตัสมา สีลัง วิโสธะเย.
เหตุฉะนั้น บุคคลพึงรักษาศีล
.
นี่! เห็นไหม? เวลาที่พระท่านม้วนศีลตอนท้าย ช่างไพเราะเอานักหนา ทั้งความหมายก็เป็นธรรมที่ลึกซึ้งกินใจ แต่พวกเราฟังแล้วก็เป็นเหมือนนกแก้วนกขุนทอง หาได้เกิดจิตสำนึกที่จะนำไปประพฤติปฏิบัติด้วยความยินดีอย่างที่พระท่านสอนไม่
.
จะเห็นว่า ลำพังแค่จะทำทาน รักษาศีลให้ถูกต้องตรงตามที่ธรรมท่านสอน เพียงแค่เพื่อจะให้ได้มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ ก็ยังยากเย็นแสนเข็ญถึงเพียงนี้ ยังมิพักต้องกล่าวไปใยถึงขั้น การทำสมาธิอันเป็นพรหมสมบัติ ที่จะให้ได้บรรลุถึงรูปฌาน อรูปฌาณ จนเลยไปถึงขั้น สัญญาเวทยิตนิโรธ เข้าถึง ๕ ชั้นพรหมสุทธาวาส แล้วยังต้องเจริญปัญญาขั้นสูงแทงทะลุพรหมโลกตรงแน่วไปยังพระนิพพาน โอ๊ย!!! ถ้าไม่ใช่คนประเภทใจเหล็กใจเพชร ที่บำเพ็ญบารมีหวังพ้นทุกข์มาแล้วอย่างถึงพริกถึงขิง ถึงขั้นแก่กล้าสาหัสอย่างแท้จริงแล้ว จงอย่าได้ฝันเลยว่าจะได้ไป
.
ทางไปพระนิพพาน มิใช่หนทางที่ใคร ๆ จะไปเดินเล่น แบบเดินชมนกชมไม้ชี้นิ้ว ดูโน่น นี่ นั่น ชมวิวทิวทัศน์ไปด้วย ร้องรำทำเพลงไปด้วย อย่างสุขสบายใจหายห่วง ไม่ใช่อย่างนั้น มันหากเป็นหนทางที่ปูลาดด้วยขวากหนาม ซึ่งบางช่วงบางตอนยังแถมปูลาดด้วยถ่านเผาไฟแดง ๆ ผู้ที่จะเดินทางข้ามพ้นไปได้ มีแต่ต้องกล้าสู้ทุกข์ สู้ยาก สู้ลำบาก ชนิดที่ต้องถึงขั้นหัวใจกัดเหล็กกัดเพชรขาดสะบั้น ถึงขั้นต้องยอมสละตายไปอย่างเดียวเท่านั้นเอง
.
แต่ถ้าเป็นผู้ที่สร้างบุญบารมีมาเต็มเปี่ยมแล้ว ประเภทสุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา คือทั้งปฏิบัติได้ง่าย ทั้งรู้ได้เร็ว อันนี้ก็ยกไว้ ท่านผ่านทุกข์ผ่านยากผ่านลำบากมาหมดแล้ว ชาตินี้มาเพื่อเสวยผลอย่างเดียว จึงเหลือแต่ที่สบาย ๆ คือท่านทำแบบสบาย ๆ ง่าย ๆ แล้วกิเลสท่านมันก็ตายไปอย่างสบาย ๆ ง่าย ๆ แต่ถ้าเราทำแบบสบาย ๆ เหมือนอย่างท่าน กิเลสเรามันก็จะอยู่กับเราอย่างสบาย ๆ กิเลสเรามันจะไม่ตายไปอย่างสบาย ๆ ง่าย ๆ เหมือนอย่างกิเลสท่าน มันต่างกันตรงนี้แหละ
.
อย่างพวกเราทำบุญทำทานกันทุกวันนี้ ร้อยคนจะมีสักคนหรือเปล่า? ที่ตั้งจิตตั้งใจปฏิบัติอย่างถูกต้องตามธรรมท่านสอน ทำบุญเพื่อหวังชำระใจตนเองให้เป็นสัมมาทิฏฐิ คือ ทำบุญเพื่อชำระกิเลสในใจให้มันน้อยลง ก็ลองตรวจตรองดูจิตใจตนเองก็ได้ว่า มันเข้าใกล้หรือเฉียดเข้าไปตามธรรมท่านสอนสักนิดบ้างหรือไม่? เห็นมีแต่ประเภททำบุญ แต่ไม่ยอมชำระกิเลสล่ะนะ เกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองเวลานี้ ดีไม่ดี ทำบุญแล้วกลับเพิ่มกิเลสอีกต่างหาก บางทีทำบุญสลึงหนึ่งก็ประกาศโฆษณาดังไปทั่วบ้านทั่วเมืองทั่วโลกเลยทีเดียว ด้วยข้ออ้างว่า เอาบุญไปฝากคนโน้นคนนี้ หรือแบ่งบุญให้คนนั้นคนโน้น
.
ฮ่า ๆ ๆ ระวังให้ดีนะ!! กิเลสมันจะสวมรอยแอบเข้ามาตีกิน มันจะได้ไม่คุ้มเสีย ใครทำบุญแล้ว ไม่ต้องเอาบุญมาฝากเราหรอกเน้อ! จะบอกให้ เราทำเองได้ และได้บุญมากกว่า และ ถ้าอยู่ใกล้ ๆ ก็อาจจะโดนหวดกลับไปด้วยไม้หน้าสามหัวร้างข้างแตกไปนั่นแหละ
.
ถ้าทำบุญแล้วอยากได้บุญจริง ก็ต้องทำบุญให้จริง อย่าไปทำเล่น ๆ คนทำเล่น ๆ มันก็จะได้แต่ของเล่น ๆ นักปฏิบัติไม่ทำอะไรเล่น ๆ อย่างนั้น
.
ถ้าอยากจะอัพเกรดตัวเองให้เป็นนักปฏิบัติดียิ่ง ๆ ขึ้นไป จงตั้งใจทำอะไร ทำให้จริงเท่านั้นเอง อย่าไปทำเล่น ๆ